โดย ลอร่า ชโคน-การ์บาโต้ ผู้อำนวยการที่ปรึกษาอบรมด้านผลิตภัณฑ์โภชนาการระดับโลกของเฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น
1. ล้างมือให้สะอาดก่อนล้างหน้า
ดร. อวา ชัมบัน แพทย์ผู้ให้คำปรึกษาด้านผิวหนัง กล่าวว่า แบคทีเรีย ไวรัส และสารก่อภูมิแพ้อื่น ๆ มักอยู่ที่ปลายนิ้วก่อนจะมาสัมผัสผิวหนัง ดังนั้นก่อนคุณสัมผัสใบหน้า ควรล้างมือให้สะอาด
2. อย่าล้างหน้าด้วยน้ำร้อน
น้ำร้อนทำให้ผิวระคายเคืองและยังขจัดน้ำมันตามธรรมชาติออกจากผิวของเรา น้ำมันตามธรรมชาติเหล่านี้ช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี แนะนำให้ใช้น้ำอุ่นล้างเม็ดสครับและสบู่หรือโฟมทำความสะอาดผิวหน้าแทน
3. เริ่มกิจวัตรการดูแลผิวด้วยขั้นตอนง่าย ๆ
อย่างน้อยที่สุด คุณควรเริ่มต้นกิจวัตรการดูแลผิวของคุณด้วยขั้นตอนง่าย ๆ กับ 3 ผลิตภัณฑ์ต่อไปนี้
1.คลีนเซอร์ (Cleanser) หรือผลิตภัณฑ์ล้างทำความสะอาดใบหน้าที่เหมาะสำหรับผิวของคุณ
2.ครีมบำรุงผิวผสมครีมกันแดด (SPF) เพื่อปกป้องผิวจากการทำร้ายของรังสียูวี
3.สครับสำหรับผลัดเซลล์ผิว
4. เลือกใช้คลีนเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิว
การใช้คลีนเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ คุณจะรู้สึกได้ถึงความแตกต่าง โดยเฉพาะสภาพของผิวหลังใช้ แนะนำให้ล้างหน้าเป็นประจำในตอนเช้าและตอนกลางคืนก่อนนอน เช่นเดียวกับการแปรงฟัน
หลีกเลี่ยงสบู่ล้างหน้าธรรมดาที่มีฤทธิ์รุนแรงเพราะอาจทำให้ผิวของคุณขาดน้ำมันตามธรรมชาติ ให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้าที่ส่วนผสมที่อ่อนโยน ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนังและปราศจากสารซัลเฟต สำหรับผิวแห้ง ให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยให้ผิวนุ่มและชุ่มชื้น เช่น ว่านหางจระเข้และคาโมมายล์ สำหรับผิวมัน ให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยให้ผิวรู้สึกสดชื่น เช่น ส้มและเกรปฟรุต
5. เติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิวเป็นประจำ
มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับกลางวันและครีมกันแดดที่มีค่า SPF ที่เหมาะสม เหมาะสำหรับใช้เป็นประจำทุกวัน หากคุณรู้สึกว่าต้องการความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ ให้ใช้เซรั่มเป็นประจำก่อนจะทามอยส์เจอร์ไรเซอร์สำหรับกลางวัน
เวลาเลือกซื้อเซรั่ม ให้มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันเมล็ดกัญชง (hemp seed oil) ที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณสมบัติช่วยปรับสภาพผิว เฮมพ์หรือกัญชงเป็นที่รู้จักว่าเป็นพืชมหัศจรรย์เนื่องจากมีสารพฤกษเคมีที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นและทำให้ผิวนุ่มเนียนน่าสัมผัส
6. ขัดผิวทุกสัปดาห์
การขัดผิวหน้าจะช่วยให้เราเผยผิวสวยดูสุขภาพดีและกระจ่างใสขึ้นได้ในไม่กี่นาที ควรต้องขัดผิวอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งเพราะจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปจากชั้นผิว
ตอนที่เราอายุยังไม่มาก ร่างกายจะผลัดเซลล์ผิวเองโดยอัตโนมัติแม้ในขณะอาบน้ำ แต่เมื่อเราอายุมากขึ้นร่างกายจะผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวช้าลง การขัดผิวยังช่วยขจัดสิ่งกีดขวางที่ป้องกันไม่ให้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวของเราแทรกซึมเข้าไปในชั้นผิวเพื่อบำรุงดูแลผิวอีกด้วย การขัดผิวด้วยตนเองจะทำให้ผิวรู้สึกเรียบเนียนและดูมีสุขภาพดีขึ้น
มองหาผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน แต่มีส่วนผสมที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่มีประสิทธิภาพ เช่น บลูเบอร์รี่ ทับทิม และเมล็ดไผ่ ส่วนผสมเหล่านี้ช่วยให้ผิวนุ่มเนียนได้โดยไม่ทำร้ายผิว
7. ดีท็อกซ์ผิวด้วยมาส์กโคลน
การมาส์กหน้ามีประโยชน์อย่างมากเมื่อต้องรับมือกับผิวมัน ไม่จำเป็นต้องมาส์กหน้าทุกวัน แค่เพียงสัปดาห์ละครั้งหรือมากกว่านั้น ก็ช่วยให้ผิวของคุณรู้สึกดีได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ดินเบนโทไนท์ (Bentonite clay) หรือดินโคลนที่มาจากภูเขาไฟ มีคุณสมบัติในการดูดซับสารพิษและปรับสีผิว โคลนภูเขาไฟจะช่วยขจัดน้ำมัน สิ่งสกปรกและชั้นผิวหนังที่ตายแล้ว ป้องกันการอุดตันของรูขุมขนซึ่งช่วยป้องกันการเกิดสิวได้ การพอกหน้าด้วยโคลนภูเขาไฟที่ดีจะช่วยลดขนาดรูขุมขนได้
8. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
เราทุกคนทราบดีถึงความสำคัญของการดื่มน้ำที่ช่วยทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง และยังสำคัญต่อสุขภาพผิวเช่นกัน เมื่อผิวได้รับความชุ่มชื้นเพียงพอ ผิวก็จะดูเรียบเนียนและเปล่งประกาย หมั่นเติมน้ำและดื่มน้ำบ่อย ๆ แม้อยู่ในที่ทำงาน
เคล็ดลับดูแลเส้นผมให้เงางาม มีชีวิตชีวา
ไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นอย่างไร เราต้องไม่ลืมดูแลเส้นผมและหนังศีรษะของเราให้ดี และต่อไปนี้คือเคล็ดลับยอดนิยมที่เหมาะสำหรับการดูแลเส้นผมของคุณ
9. นอนหลับให้เพียงพอ
เมื่อคุณพักผ่อน ร่างกายจะฟื้นฟูตัวเอง การนอนหลับที่ดีและมีคุณภาพเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสังเคราะห์โปรตีนของเส้นผม รวมถึงการปล่อยเอนไซม์และฮอร์โมนการเจริญเติบโตที่จำเป็นต่อสุขภาพของเส้นผมโดยรวม พยายามนอนให้ได้อย่างน้อย 8 ชั่วโมงในแต่ละวัน
10. รับประทานอาหารอย่างสมดุลและดีต่อสุขภาพ
มื้ออาหารที่สมดุลเป็นกุญแจสำคัญในการดูแลสุขภาพเส้นผมของคุณ โปรตีนเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากเส้นผมของคุณประกอบด้วยโปรตีนเรียกว่าเคราติน ซึ่งจะช่วยสร้างความแข็งแรงของเส้นผม ผิวหนังและเล็บ เราต้องให้ความสำคัญกับแร่ธาตุ เช่น ทองแดง เหล็ก แมกนีเซียม และซีลีเนียม รวมถึงวิตามิน E, D และ C
สารอาหารเหล่านี้มีส่วนสำคัญในการสร้างเคราติน ผักและผลไม้ที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระเป็นแหล่งวิตามินชั้นดี เช่นเดียวกับไขมันที่ดีต่อสุขภาพ ปลาก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีเพราะกรดไขมันโอเมก้า 3 จะช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม
11. เลือกแชมพูให้เหมาะกับสภาพเส้นผม
เลือกแชมพูที่เหมาะกับสภาพผมของคุณโดยเฉพาะเพื่อช่วยให้เส้นผมแข็งแรง เลือกแชมพูและครีมนวดผมที่อ่อนโยนเพื่อซ่อมแซมเส้นผมและทำให้ผมกลับมาแข็งแรงมีสุขภาพดี
เลือกผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสารซัลเฟตและผ่านการทดสอบทางการแพทย์เรื่องการดูแลซ่อมแซมความแข็งแรงของเส้นผม หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสารเคมีเพราะอาจทำร้ายสภาพเส้นผมได้ มองหาส่วนผสมที่อ่อนโยนกว่า เช่น ว่านหางจระเข้ เชียร์บัตเตอร์ และไมโครโปรตีนจากพืช เพื่อช่วยบำรุงผมให้นุ่มสลวยและแข็งแรง
12. ใช้ครีมนวดบำรุงผมเป็นประจำ
แม้ในวันที่คุณไม่ได้สระผม แต่ถ้าผมเปียก ให้ใช้ครีมนวดผมที่ช่วยกักเก็บความชื้นที่เส้นผมต้องการได้ เพราะเมื่อน้ำระเหย มันจะดึงความชื้นออกจากด้านในของแกนผม ทำให้ผมแห้งและเปราะบางในที่สุด
ลองทำทรีทเมนต์ปรับสภาพเส้นผมอย่างล้ำลึกทุกสัปดาห์ รวมถึงสูตรบำรุงผมฉบับ DIY ได้แก่ ผสมน้ำมันมะพร้าว 4 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้งบริสุทธิ์ (อุ่นร้อน) 2 ช้อนโต๊ะ และอะโวคาโดสุกลูกเล็ก 1 ลูกเข้าด้วยกัน (ถ้าผมยาว สามารถเติมน้ำมันมะพร้าวเพิ่มได้) แล้วนำไปชะโลมลงบนผมที่เพิ่งสระและเช็ดแห้งหมาด ๆ แล้ว จากนั้นสวมหมวกคลุมอาบน้ำทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีก่อนล้างออก สูตรนี้เป็นอีกหนึ่งสูตรบำรุงผมที่ดีนอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ทรีทเมนต์ปรับสภาพผมตามร้านค้า