รู้หรือรึเปล่าคะว่ามะเร็งปากมดลูกนั้นเกิดขึ้นมาจากการติดเชื้อฮิวแมนแพปพิลโลมา ไวรัสหรือเชื้อเอชพีวีกลุ่มความเสี่ยงสูง (high-risk human papillomavirus, high-risk HPV) ได้แก่ สายพันธุ์ 16, 18, 31, 33, 35, 39, 41, 42, 45, 52, 55, 58, 66 และ 68 ซึ่งสายพันธุ์ที่ดุร้ายที่สุดคือ 16 และ 18 เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกถึงร้อยละ 70-80 การที่ร่างกายจะติดเชื้อเอชพีวีได้ต้องมีบาดแผลเล็ก ๆ บริเวณเยื่อบุผิวที่ปากมดลูก ปากช่องคลอด รอบทวารหนัก หรือปลายองคชาติ โดยผู้ที่ติดเชื้อเอชพีวีจะไม่มีอาการใด ๆ ซึ่งถ้าผู้ที่ร่างกายแข็งแรง มีภูมิคุ้มกันดีจะสามารถกำจัดเชื้อเอชพีวีได้เอง ร้อยละ 10 ของผู้ที่ติดเชื้อเอชพีวีกลุ่มความเสี่ยงสูงที่เชื้อจะอาศัยอยู่ในเซลล์ปากมดลูกแบบฝังแน่นนานกว่า 6 เดือน มีเพียงร้อยละ 1 ที่เชื้อเอชพีวีกลุ่มความเสี่ยงสูงทำให้เซลล์ปากมดลูกเปลี่ยนเป็นเซลล์ผิดปกติระยะก่อนเป็นมะเร็ง มีเพียง 1 ใน 1,000 ของผู้ที่ติดเชื้อ โดยในทางป้องกันสามารถทำได้หลายวิธีหนึ่งในนั้นคือการฉีด
วัคซีนมะเร็งปากมดลูก หรือวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก นอกจากฉีดวัคซีนแล้วยังมีวิธีป้องกันแบบอื่น ๆ อีกดังนี้
1. ฉีด
วัคซีนมะเร็งปากมดลูก ป้องกันการติดเชื้อเอชพีวี ร่วมกับใช้ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์
2. หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร คู่นอนหลายคน สูบบุหรี่ โรคติดเชื้อเอชไอวี (human immunodeficiency virus, HIV)
3. ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก อย่างสม่ำเสมอเพราะมะเร็งปากมดลูกระยะเริ่มแรกนั้นไม่มีอาการแต่สามารถตรวจพบได้ด้วยการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกพร้อมการตรวจภายในประจำปี
4. เมื่อพบเซลล์ผิดปกติ หรือตรวจพบรอยโรคก่อนเป็นมะเร็งต้องรับการรักษาและตรวจติดตามอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดมะเร็งปากมดลูกในอนาคต
นอกจากการฉีด
วัคซีนมะเร็งปากมดลูก ป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีแล้ว เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดควรทำร่วมกับการตรวจคัดกรองเป็นประจำ โดยวิธีการตรวจมีทั้งหมด 3 วิธี คือ 1).การตรวจ Pap smear เป็นการใช้ไม้พายเล็ก ๆ เก็บเนื้อเยื่อบริเวณปากมดลูกเพื่อนำไปตรวจในห้องปฏิบัติการ ซึ่งการตรวจมะเร็งปากมดลูกวิธีนี้จะมีความ
แม่นยำประมาณ 50% 2).การตรวจ ThinPrep เป็นการใช้อุปกรณ์เฉพาะในการเก็บเซลล์บริเวณปากมดลูก ก่อนใส่ลงในขวดน้ำยาตินเพร็พเพื่อนำส่งห้องปฏิบัติการต่อไป ซึ่งวิธีนี้จะมีความ
แม่นยำประมาณ 90-95% 3).การตรวจ ThinPrep + HPV DNA Test วิธีนี้เป็นการตรวจที่มีความแม่นยำสูงที่สุด เพราะเป็นการตรวจหาเซลล์มะเร็งปากมดลูกร่วมกับการตรวจดีเอ็นเอของเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับมะเร็งปากมดลูก ซึ่งหากตรวจแล้วไม่พบว่ามีการติดเชื้อ ก็สามารถมั่นใจได้ถึง 99% เลยทีเดียว แหละที่นอกเหนือจากสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้แล้วก็อย่าลืมใส่ใจและดูแลตนเองในด้านต่าง ๆ ให้ดีด้วยนะคะ อย่างเช่นการเลือกทานอาหาร เพราะมันก็มีอาหารอยู่หลายชนิดที่สามารถช่วยป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ เช่น แครอท มันเทศ และฟักทอง มีคุณสมบัติช่วยต้านการเกิดเซลล์มะเร็ง เนื่องจากเป็นผัก-ผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ หรือเบต้าแคโรทีนที่สามารถเปลี่ยนเป็นวิตามินเอเมื่อถูกดูดซึมเข้าร่างกายได้ และก็ยังมีผักอื่น ๆ อีกมากมาย อย่าง มะละกอ ทับทิม ชาเขียว ถั่ว ผักใบเขียว บรอกโคลี กะหล่ำ โฮลเกรน หอม กระเทียม สาหร่ายทะเล และกรดไขมันโอเมก้า 3 เป็นต้น ยังไงก็อย่าลืมลองหามาทานกันบ้างนะคะทุกคนเพื่อสุขภาพที่ดีต่อตัวเองค่ะ