เติมเต็มความรับผิดชอบต่อสังคม พร้อมสร้างความฉลาดทางดิจิทัลเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
แซดทีอี คอร์ปอเรชัน (ZTE Corporation) (0763.HK / 000063.SZ) ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันโทรคมนาคมและเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต
มือถือสำหรับองค์กรและผู้บริโภค ได้เผยแพร่ราย
งานความยั่งยืนประจำปี 2564 ทั่วโลก
รายงานแสดงให้เห็นว่า หลังจากที่แซดทีอีได้วางตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ในฐานะ "ผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล" บริษัทก็ได้เติมเต็มความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างแข็งขันตลอดปี 2564 ด้วยการเดินหน้าพัฒนาอย่างยั่งยืนในด้านต่าง ๆ เช่น การกำกับดูแลการปฏิบัติงาน การจัดการการปฏิบัติตามข้อกำหนด การพัฒนาบุคลากรมากความสามารถ การส่งเสริมนวัตกรรม การเปิดกว้างและความโปร่งใส การพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการสนับสนุนชุมชน เพื่อสร้างคุณค่าร่วมกันสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและสังคมโดยรวม
แซดทีอีเผยแพร่รายงานความยั่งยืนเป็นประจำทุกปีติดต่อกัน 14 ปี นับตั้งแต่ปี 2552
พัฒนานวัตกรรมอิสระและความฉลาดทางดิจิทัลเชิงอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง พร้อมเติมเต็มความรับผิดชอบต่อสังคม
ความไม่แน่นอนอันเป็นผลมาจากสถานการณ์ที่ซับซ้อนทั่วโลก, การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยืดเยื้อ, ประชากรสูงวัยที่เพิ่มมากขึ้น และความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศในปี 2564 ได้ก่อให้เกิดความท้าทายมากขึ้นต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งในกระบวนการพัฒนาที่ยั่งยืนนั้น การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบดิจิทัลและระบบอัจฉริยะโดยอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศยุคใหม่กำลังมีบทบาทสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการส่งเสริมการพัฒนาการทำงานทางไกล การทำงานร่วมกันทางออนไลน์ การเรียนรู้ทางไกล การแพทย์ทางไกล โรงงานอัจฉริยะ การทำเหมืองแบบไร้คนขับ และท่าเรืออัจฉริยะ
คุณสวี่ จื่อหยาง ประธานบริษัท แซดทีอี คอร์ปอเรชัน กล่าวว่า "การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบดิจิทัลและระบบอัจฉริยะทำให้สังคมของเรามี "ภูมิคุ้มกัน" ต่อความไม่แน่นอน ซึ่งช่วยรับประกันการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืน ในฐานะผู้เล่นหลักและผู้สนับสนุนซึ่งอุทิศตนให้กับอุตสาหกรรมไอซีทีมานานถึง 37 ปี แซดทีอียังคงสร้างสรรค์นวัตกรรมและความก้าวหน้ามากมาย และเต็มใจที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลงเสมอ ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงเดินหน้าขยายขีดความสามารถและธุรกิจในแง่ของเทคโนโลยีดิจิทัลและเทคโนโลยีอัจฉริยะ อันนำมาซึ่งความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัดในการใช้งานระบบดิจิทัลและระบบอัจฉริยะ"
รายงานระบุว่า เพื่อให้เป็นไปตามการวางตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ในฐานะ "ผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล" แซดทีอีจึงใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยีเป็นแรงขับเคลื่อนหลักในการพัฒนา และยึดมั่นในการสร้างเสริมสมรรถนะหลักขององค์กรให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยบริษัทได้จัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาระดับโลกที่ล้ำสมัยหลายแห่ง นอกจากนี้ เพื่อส่งเสริมนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง แซดทีอีได้เดินหน้าลงทุนในภาคส่วนหลัก ๆ เช่น เทคโนโลยีไร้สาย 5G, เครือข่ายหลัก, เครือข่ายการขนส่ง, เครือข่ายการเข้าถึง และชิปเซ็ต โดยเม็ดเงินลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 10% ของรายได้ของบริษัทมานานหลายปีแล้ว
นับจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 แซดทีอีได้ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรทั่วโลกมากกว่า 84,000 ฉบับ และได้รับการอนุมัติแล้วกว่า 42,000 ฉบับ โดยในจำนวนนี้มีการยื่นคำขอรับสิทธิบัตรชิปเซ็ตและได้รับสิทธิบัตรชิปเซ็ตจำนวน 4,572 ฉบับ และ 1,990 ฉบับตามลำดับ นอกจากนี้ รายงานที่เผยแพร่เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 โดยไอพีลิติกส์ (IPLytics) บริษัทข้อมูลสิทธิบัตรชั้นนำ ระบุว่า แซดทีอีอยู่ในอันดับที่ 4 ของโลกในการประกาศจำนวนสิทธิบัตรที่เป็นมาตรฐาน 5G (5G Standards-Essential Patents) ที่เปิดเผยต่อสถาบันมาตรฐานโทรคมนาคมแห่งยุโรป (ETSI)
ในยุคของเศรษฐกิจดิจิทัลที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนทางธุรกิจ แซดทีอีมุ่งมั่นที่จะบรรลุการเติบโตคุณภาพสูงร่วมกับอุตสาหกรรมการสื่อสาร อุตสาหกรรมแนวดิ่ง และสังคมโดยรวม ด้วยการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ เปิดกว้าง และโปร่งใส โดยแซดทีอีได้มีส่วนร่วมในการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลและอัจฉริยะ ด้วยความมุ่งมั่นในการเร่งเปลี่ยนผ่านสังคมทั้งหมดไปสู่ระบบดิจิทัลและระบบอัจฉริยะ
แซดทีอีมีส่วนร่วมอย่างลึกซึ้งมากขึ้นในอุตสาหกรรมแนวดิ่ง และได้นำเสนอโซลูชันตามสถานการณ์ที่สร้างมูลค่าให้กับอุตสาหกรรมแนวดิ่งอย่างแท้จริง โดยบริษัทได้สร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทั่วโลกกว่า 500 ราย เพื่อสำรวจสถานการณ์การใช้งาน 5G เกือบ 100 รูปแบบ ทั้งสำหรับโรงงานในประเทศไทย ท่าเรือในเบลเยียม ฟาร์มในออสเตรีย รวมถึงภาคอุตสาหกรรม การขนส่ง พลังงาน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และอุตสาหกรรมแนวดิ่งอีกมากมายในประเทศจีน
ส่งเสริมการจัดการภายในและบรรลุการเติบโตคุณภาพสูง
ปี 2564 มีความสำคัญต่อระยะของการเติบโตภายใต้กลยุทธ์สามระยะของแซดทีอี โดยบริษัทยึดมั่นในความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีและบรรลุการเติบโตคุณภาพสูง พร้อมวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับการก้าวไปสู่ระยะของการขยายธุรกิจ และมุ่งสู่เป้าหมายในการก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำ 500 อันดับแรกของโลก
คุณเซี่ย จวิ้นซือ รองประธานบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของแซดทีอี กล่าวว่า "ภายใต้สถานการณ์ทั้งหลาย แซดทีอียังคงดำเนินงานด้วยความมั่นคง เนื่องจากเรามุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนและมีคุณภาพสูง เราพยายามอย่างต่อเนื่องในการบูรณาการสามเสาหลักของเราเข้าด้วยกัน ได้แก่ การปฏิบัติตามข้อกำหนด การควบคุมภายใน และการส่งเสริมผู้มีความสามารถ"
แซดทีอียึดมั่นในการปฏิบัติตามข้อกำหนดและความสมบูรณ์ในการดำเนินงาน โดยได้รวมข้อกำหนดด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบไว้ในกระบวนการทางธุรกิจของบริษัท จึงสามารถสร้างระบบการจัดการการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ดีที่สุดและสอดคล้องกับแนวปฏิบัติทางธุรกิจของบริษัท ด้วยวิธีนี้ บริษัทมุ่งมั่นที่จะบรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกับลูกค้า ซัพพลายเออร์ และพันธมิตรทางธุรกิจทั่วโลก