โซลูชันวิเคราะห์ประเมินโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน เพื่อการเปลี่ยนแปลงสู่แหล่งพลังงานที่ไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
เทอร์ราแพร็กซิส (TerraPraxis) จะเปิดให้ใช้งานแอปพลิเคชันอีแวลูเอท (EVALUATE) เป็นครั้งแรกในวันที่ 7 พฤศจิกายน แอปพลิเคชั่นใหม่นี้จะช่วยให้เจ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินและนักลงทุนทั่วโลกวิเคราะห์ประเมินโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินได้หลายร้อยแห่ง เพื่อเปลี่ยนแปลงสู่แหล่งกำเนิดพลังงานไฟฟ้าที่ไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างรวดเร็ว ต้นทุนต่ำ และทำซ้ำได้ องค์กรไม่แสวงผลกำไรแห่งนี้มุ่งเร่งโซลูชันสำหรับหมวดธุรกิจที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ยาก ซึ่งรวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินทั่วโลกจำนวน 2,400 แห่ง
การเปลี่ยนหม้อต้มถ่านหินที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นแหล่งกำเนิดความร้อนเทคโนโลยีขั้นสูงประเภทฟิชชัน (fission) ฟิวชัน (fusion) และพลังงานความร้อนใต้พิภพ จะทำให้โรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินสามารถยุติการเผาถ่านหิน ซึ่งปัจจุบันเป็นแหล่งปล่อยก๊าซคาร์บอนแหล่งเดียวที่ใหญ่ที่สุดในระดับโลก อีกทั้งจะทำให้สามารถดำเนินการโดยไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอีกหลายสิบปีข้างหน้า แอปพลิเคชันดังกล่าวนี้จะสามารถใช้งานได้ฟรีและออกแบบมาเพื่อช่วยเจ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินทุกรายในโลก รวมถึงผู้มีแนวโน้มเป็นนักลงทุน ในการดำเนินการวิเคราะห์เบื้องต้นของกรณีธุรกิจ รวมถึงการวิเคราะห์ต้นทุนและกำหนดการโดยประมาณ สำหรับการปรับปรุงยกระดับโรงไฟฟ้าถ่านหินที่มีอยู่
ต้นทุนเป้าหมายโดยรวมในการปฏิรูปโรงไฟฟ้าอยู่ที่ 2,000 ดอลลาร์/kWe โดยมีเป้าหมายระยะเวลาการดำเนินโครงการน้อยกว่า 5 ปี
การปฏิรูปโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินเพื่อเปลี่ยนเป็นแหล่งกำเนิดความร้อนที่ไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอน จะช่วยรักษางานหลายพันตำแหน่งด้วยการปรับวัตถุประสงค์การใช้งานของโรงไฟฟ้าแทนที่จะปิดทำการโดยสิ้นเชิง และจะประหยัดต้นทุนค่าลงทุนได้หลายล้านดอลลาร์ด้วยการใช้โครงสร้างพื้นฐานและสายส่งไฟฟ้าเดิมที่มีอยู่ เช่นนี้มีศักยภาพที่จะเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและมีความเสมอภาค พร้อมทั้งให้บริการพลังงานที่มั่นคง เชื่อถือได้ และสะอาดแก่ผู้คนหลายล้านคนทั่วโลก
"การปรับวัตถุประสงค์การใช้งานของโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินและพลังงานก๊าซที่มีอยู่ด้วยเทคโนโลยีนิวเคลียร์ขั้นสูง จะสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐาน สายส่งไฟฟ้า องค์ความรู้ในอุตสาหกรรม กำลังแรงงาน ทุน และห่วงโซ่อุปทานเดิมที่มีอยู่แล้ว ในการสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนของเศรษฐกิจโลกด้วยความเร็วและขนาดในระดับใหญ่" อีริค อิงเกอร์โซล (Eric Ingersoll) ผู้ร่วมก่อตั้งและหุ้นส่วนผู้จัดการ เทอร์ราแพร็กซิส กล่าว
โซลูชันดังกล่าวนี้เกิดขึ้นหลังจากการทำงานร่วมกันเชิงกลยุทธ์กับไมโครซอฟท์ (Microsoft) ซึ่งได้ช่วยพัฒนาแอปพลิเคชันนี้ และจะเปิดตัวเป็นครั้งแรกในเมืองชาร์ม เอล ชีค ประเทศอียิปต์ ในการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 27 หรือ COP27 งานประชุมประจำปีระหว่างผู้นำระดับโลกเกี่ยวกับการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โซลูชันนี้สร้างขึ้นบนไมโครซอฟท์ อาชัวร์ (Microsoft Azure) และใช้ประโยชน์จากสมรรถนะการประมวลผลและปัญญาประดิษฐ์ของอาชัวร์ ในการวิเคราะห์รายละเอียดของโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินทุกแห่งบนโลก สำหรับการกำหนดค่าเครื่องปฏิกรณ์ SMR ที่เหมาะสมสำหรับการปฏิรูปโรงไฟฟ้า หลังจากนั้นจึงแสดงรายละเอียดทางการเงินและทางเทคนิคสำหรับแต่ละโครงการปฏิรูปโรงไฟฟ้า และใช้ไมโครซอฟท์ พาวเวอร์ แพลตฟอร์ม (Microsoft Power Platform) ในการทำให้ข้อมูลทั้งหมดนี้เข้าถึงได้โดยเจ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินในพอร์ทัลแบบบริการตนเองที่ดูแลโดยเทอร์ราแพร็กซิส
"โลกต้องการพลังงานมากขึ้น ไม่ใช่น้อยลง" แบรด สมิธ (Brad Smith) รองประธานและประธานบริหาร ไมโครซอฟท์ กล่าว "เพื่อบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ เราต้องมาร่วมกันพัฒนาแหล่งพลังงานใหม่ที่ยั่งยืน รวมถึงเปลี่ยนแปลงสิ่งเดิมที่มีอยู่แล้ว โซลูชันของเทอร์ราแพร็กซิสซึ่งจะเปลี่ยนแปลงโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินเป็นแหล่งพลังงานที่ไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอน ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของนวัตกรรมที่โลกนี้จะต้องการเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืน"
"การปรับวัตถุประสงค์การใช้งานของโครงสร้างพื้นฐานพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลที่มีอยู่เดิม ยังช่วยให้เกิดความต่อเนื่องสำหรับชุมชนที่พึ่งพิงโรงไฟฟ้าที่มีอยู่เดิมในแง่ของพลังงาน ตำแหน่งงาน รายรับจากภาษี และการพัฒนาเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง การใช้ประโยชน์จากพลังของปัญญาประดิษฐ์และระบบคลาวด์คอมพิวติง สามารถเร่งการปรับปรุงยกระดับโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินและพลังงานก๊าซด้วยแหล่งความร้อนใหม่ที่ก้าวหน้าอย่างคุ้มค่าต้นทุน" เคิร์สตี โกแกน ( Kirsty Gogan) ผู้ร่วมก่อตั้งและหุ้นส่วนผู้จัดการ เทอร์ราแพร็กซิส
ความตกลงปารีส (Paris Agreement) ที่มีความสำคัญยิ่งยวดซึ่งเกิดขึ้นในงานประชุมนี้ในสมัยที่ 21 หรือ COP21 เมื่อเดือนธันวาคม 2558 ระบุว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะต้องลดลง 45% ภายในปี 2573 และจะต้องบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 เพื่อทำให้การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกอยู่ที่ 1.5 องศาเซลเซียส ความคืบหน้าที่เกิดขึ้นนับแต่นั้นมายังไม่เป็นไปอย่างรวดเร็วเพียงพอ โดยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกระดับโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในแต่ละปี โดยเฉพาะสำหรับแหล่งพลังงานที่ก่อมลพิษสูงสุดของโลก อันได้แก่ถ่านหิน ด้วยเวลาอีกเพียง 27 ปี (9,900 วัน) ก่อนจะถึงปี 2593 ความเร็วและขนาดของการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดต้องมีการใช้เทคโนโลยีใหม่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการด้านพลังงานระดับโลกที่กำลังเพิ่มขึ้น ทั้งโดยคุ้มค่ากับต้นทุนและไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ทั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว เทอร์ราแพร็กซิสเป็นผู้นำคณะระดับโลก อันประกอบด้วยหน่วยงานกำกับดูแล รัฐบาล หน่วยงานสาธารณูปโภค ผู้ค้าแหล่งพลังงานความร้อน ผู้ดำเนินการ นักออกแบบ และผู้ประกอบชิ้นส่วน เพื่อแก้ปัญหาอุปสรรคสำคัญต่อการใช้แหล่งพลังงานความร้อนที่ไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างรวดเร็ว โดยใช้ประโยชน์จากพลังของการออกแบบอย่างมีมาตรฐาน ปัญญาประดิษฐ์ คลาวด์คอมพิวติง และบิ๊กดาต้า ขณะนี้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในโครงการกำลังมุ่งพัฒนาแพลตฟอร์มสถาปัตยกรรมแบบเปิดอย่างรีพาวเวอร์ (REPOWER) ซึ่งจะช่วยให้ทุกฝ่ายในโครงการสามารถทำงานร่วมกันในการเปลี่ยนแปลงการออกแบบของโครงการ การออกใบอนุญาต การพัฒนา และการส่งมอบ
อ่านข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับเต็มได้ที่ https://www.thaipr.net/energy/3262134