Sanook.commenu

ค้นหา ตรวจหวย ข่าว อีเมล์ ดูทีวีออนไลน์ ฟังเพลงออนไลน์ คลาสสิฟายด์ ริงโทน เกมส์ ดูทั้งหมด »

หน้า: 1
ชนิดกระทู้ ผู้เขียน กระทู้: ตำนานมาริโอ้  (อ่าน 1001 ครั้ง)
add
เรทกระทู้
« เมื่อ: 15 ก.ย. 10, 10:55 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
Send E-mail

แบ่งปันกระทู้นี้ให้เพื่อนคุณอ่านไหมคะ?

ปิดปิด
 


จุดเริ่มต้นของตำนาน

ถ้าย้อนวันเวลาไปเมื่อ 20 ปีก่อน ถ้าพูดถึงเกมอันดับ 1 ในตอนนั้นคงหนีไม่พ้น ช่างประปาตัวอ้วนกลมอย่าง “มาริโอ” แน่นอน แต่ในตอนนี้ถ้าพูดถึงเกมฮิตอันดับต้นๆ คงนึกถึงตัวละครหน้าโหดๆ หรือเกมที่ไล่ฆ่ากัน ชื่อ “มาริโอ” ดูเหมือนจะเป็นวัตถุโบราณที่ดูเป็นเกมเฉพาะกลุ่มเด็ก และไม่น่าสนใจอีกต่อไป ทั้งๆที่คุณภาพของตัวเกมในทุกๆภาคไม่ได้ลดน้อยถอยลงเลย

แต่การมาของ “ซูเปอร์ มาริโอ กาแล็กซี่” คราวนี้มาริโอมาพร้อมกับเครื่องเกมที่ร้อนแรงที่สุดในรอบปี อย่าง “นินเทนโด วี” พร้อมทั้งอาวุธใหม่อย่าง “แท่งหรรษา” หรือ “วี รีโมต” ดังนั้นการกลับมาของมาริโอคราวนี้ จึงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน และเพื่อเป็นการต้อนรับการกลับมาของมาริโอ วันนี้เราจะมาลองย้อนเวลาไปดูความเป็นมาของ เกมที่ถือว่าเป็นตำนานบทหนึ่งของวงการเกม
ยุคแรกเริ่ม

มาริโอถือกำเนิดมาดูโลกครั้งแรกในชื่อ เล่นว่า “Jump Man” โดยมีคุณพ่อใจดีนามว่า “ชิเงรุ มิยาโมโตะ” เป็นผู้ให้กำเนิด ว่ากันว่าจุดกำเนิดของมาริโอมาจากการที่วัยเด็กของมิยาโมโตะที่ชอบออกไปผจญภัยในทุ่งกว้าง โดยมาริโอเริ่มผจญภัยครั้งแรกด้วยการปีนตึกไปปราบลิงยักษ์ใน ดองกี้คองในปี 1981 จนไปถึงมุดท่อไปปราบศัตรู ใน “มาริโอ บราเธอร์” ในปี 1983 ต่อมามุดท่อไปมุดท่อมา มาโผล่ในอาณาจักรเห็ด จนมาเป็น “ซูเปอร์ มาริโอ บราเธอร์” หรือที่คนไทยเรียก “มาริโอ 1” ในปี 1985 ที่สร้างปรากฏการณ์ ไปทั่วโลกแม้แต่ในไทย


ในช่วงนั้นมาริโอก็เป็นที่ฮือฮา จนเป็นข่าวผ่านดาวเทียม ซึ่งในยุคนั้นยากมากที่วิดีโอเกม จะเป็นข่าวออกทีวี โดยตัวเกมที่ถือว่ามีอะไรมากกว่าเกมในสมัยนั้นที่มีแต่เกมแก้ปริศนาที่ง่ายๆและตัวเกมที่เล่นไม่นานก็จบ โดยมาริโอได้สร้างมาตรฐานใหม่ ให้กับวงการเกม ด้วยการมีด่าน(เวิลด์)ที่มากถึง 8 ด่าน แถมมี เอเรียอีก 4 และศัตรูที่หลากหลายกว่า และเนื้อหาที่ว่าด้วย “คุปป้า”(Bowser ชื่อเวอร์ชั่น US) ลักพาตัวเจ้าหญิงพีช แล้วมาริโอต้องตามไปช่วย(จนปัจจุบันก็ยังเป็นแบบนี้)


ส่วนที่ทำให้เกมน่าจดจำมากคือ ระบบการควบคุมบังคับที่ลื่นไหลกว่าเกมในยุคนั้นมาก โดยเฉพาะการกระโดดซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของมาริโอมาทุกภาค รวมทั้งไอเทมสุดคลาสสิก ทั้งเห็ด, ดอกไม้ไฟ,เหรียญทอง,เห็ด 1 UP และดนตรีประกอบที่ฟังปุ๊บก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเพลงประกอบจากเกมอะไร และด้วยยอดขายรวมกว่า 40 ล้านก๊อปปี้ ทำให้ มาริโอ กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งวงการเกมแห่งยุคจริงๆ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #1 เมื่อ: 15 ก.ย. 10, 10:56 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ต่อมาในปี 1986 “ซูเปอร์ มาริโอ บราเธอร์ 2” มาพร้อมกับเกมที่มีความยาวมากขึ้นถึง 9 เวิลด์ แถมด้วยด่านพิเศษอีก แต่ก็มีเสียงบ่นเรื่องระบบเกมและกราฟิกที่ไม่ได้พัฒนาไปจากภาคแรกเท่าไร แต่อย่างไรก็ตาม “มาริโอ 2” ก็ยังคงไว้ซึ่งมาตรฐานความสนุกไว้ โดยในภาคนี้ทางฝั่ง US ไม่ได้เล่นแต่มีการทำเกม “อาลาดิน” (Dokidoki panic) ไปเปลี่ยนตัวละครเป็นมาริโอ แล้วนำไปขายในชื่อ “ซูเปอร์ มาริโอ บราเธอร์ 2” ไปขายแทน(ออกในปี 1988) แต่ชาวมะกันได้สัมผัส มาริโอ 2 ของแท้ใน เกมรวมฮิตซูเปอร์ มาริโอ ออล สตาร์ ในชื่อ “ซูเปอร์ มาริโอ บราเธอร์ 2 เดอะ ลอสต์ เลเวล” ในปี 1993 ด้วยความสำเร็จอย่างถล่มทลายของมาริโอนี่เองที่ส่งผลให้นินเทนโด และเครื่องฟามิคอมก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์1ของวงการเกมได้

มาริโอภาคที่ดีที่สุด

ในปี 1988 มาริโอ กลับมาอีกครั้ง ใน “ซูเปอร์ มาริโอ บราเธอร์ 3” พร้อมทั้งการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ด้วยกราฟิกที่สวยงามกว่าภาคก่อนมาก ลูกเล่นและไอเทมที่มีมาให้มากมายจนนับไม่ถ้วน เช่นระบบแผนที่ ที่ทำให้โลกของมาริโอเปิดกว้างกว่าภาคก่อนมาก เพราะสามารถเลือกเส้นทางได้ และเอเรียก็มีเพิ่มขึ้นกว่าเดิม พร้อมด้วยระบบกระเป๋าเก็บสะสมไอเทมที่ได้มา จนไปถึงชุดที่มาริโอสวมใส่แล้วจะมีความสามารถพิเศษ เช่น ชุดกบที่ว่ายน้ำ ชุดแฮมเมอร์ ที่ทำให้มาริโอขว้างค้อนได้ และยังถือเป็นภาคแรกที่มาริโอบินได้อีกด้วยใบไม้ หรือคนไทยเรียกว่า “มาริโอมีหาง” เกมนี้ถ้าใครเกิดทันคงจะจำได้ว่าเป็นที่ฮือฮาเป็นอย่างมาก จึงไม่น่าแปลกใจว่าสำหรับใครหลายคน ซูเปอร์ มาริโอ บราเธอร์ 3 จะเป็นมาริโอภาคที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา จนถึงปัจจุบันนี้ มาริโอ 3 ยังคงถือว่าเป็นมาริโอภาคที่ดีที่สุด จากผลโหวตจากหลายสำนัก ต้องมีเกม มาริโอ 3 ติดอันดับอยู่เสมอ
จากทีวีสู่มือถือ

ในเมื่อมาริโอได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของนินเทนโดไปแล้วการเปิดตัวของ “เกมบอย” เครื่องเกมมือถือของปู่นินในปี 1989 มาริโอ จึงไม่พลาดที่จะมาเป็นพระเอกในงานนี้ด้วย ในชื่อ “ซูเปอร์ มาริโอ แลนด์”โดยในภาคนี้ถือว่าเป็นการเปิดตัว “เจ้าหญิงเดซี่” ที่มาแทนเจ้าหญิงพีช (เฉพาะในภาคนี้) แถมด้วยเป็นภาคแรกที่มีด่านที่มาริโอต้องขับยานทั้งเครื่องบิน และเรือดำน้ำ เพื่อเล่นในด่านชูตติ้ง ที่แม้ตัวเกมจะง่ายและสั้นไปหน่อย แต่ยังคงความสนุกของมาริโอไว้อย่างครบถ้วน (ในซีรีส์ มาริโอ แลนด์ มีภาคต่อมาอีก 2 ภาคในปี 1992 และในปี 1994 ได้ออกภาค 3 ที่มี วาริโอเป็นตัวเอก) ซูเปอร์ มาริโอ แลนด์ ก็ประสบความสำเร็จตามคาด ด้วยยอดขายมากกว่า 18 ล้านก๊อปปี้ และยังถือเป็นมาริโอภาคแรกที่ไม่ได้ถูกสร้างโดย “ชิเงรุ มิยาโมโต้” อีกด้วย ภาคนี้สร้างโดย “Gunpei Yokoi” บิดาแห่งเกมบอย ที่เสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ปี 1997
ตอนที่ 2 ยุคทองของมาริโอ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #2 เมื่อ: 15 ก.ย. 10, 10:56 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

สู่ยุค 16 บิต

หลังจากโลดแล่นบนเครื่อง 8 บิตมา 3 ภาค ก็ได้เวลาที่มาริโอจะอัปเกรดสู่ยุคเครื่อง 16 บิตเสียที ในปี 1990 นินเทนโดเปิดตัวเครื่อง “ซูเปอร์แฟมิคอม” เครื่องคอนโซลเครื่องที่ 2 ของนินเทนโด และแน่นอนเกมเปิดตัวก็ต้องเป็นหน้าที่ของ “ลุงหนวด” อีกครั้งใน “ซูเปอร์ มาริโอ เวิลด์” คราวนี้มาในมาดอัศวินขี่มังกรน้อยน่ารักอย่าง “โยชิ” ที่มาพร้อมกระเพาะเหล็กและกินได้เกือบทุกอย่าง ควงคู่กันออกปราบปรามเจ้าคุปป้าอีกครั้ง ด้วยระบบแผนที่ของมาริโอ 3 ที่ถูกพัฒนาให้มีมิติมากขึ้นและสามารถเข้าด่านเดิมซ้ำเพื่อแก้ปริศนาเพิ่มเติมในด่านได้ดังนั้น มันย่อมส่งผลให้มีเส้นทางที่หลากหลายมากขึ้น พร้อมทั้งการแก้ปริศนาในบ้านผีสิง และเส้นทางลับมากมาย รวมทั้งเหล่าบรรดาลูกๆของคุปป้าที่มาคราวนี้ไม่ได้จัดการกันง่ายๆ ทั้งการบินแบบนินจาที่พัฒนารูปแบบขึ้น แม้ว่าจะเทียบความสนุกกับ “มาริโอ 3” ไม่ได้ แต่ก็เป็นมาริโอภาคที่มีอะไรให้น่าจดจำอยู่เหมือนกัน และทำยอดขายไปมากกว่า 20 ล้านก๊อปปี๊

ค่อนข้างเป็นที่น่าเสียดายว่า หลังจาก “ซูเปอร์ มาริโอ เวิลด์” ลุงหนวดของเราก็ปรากฏตัวให้แฟนๆให้ชื่นชมในภาคหลัก แค่เครื่องละภาคเท่านั้น แต่ซูเปอร์ มาริโอ เวิลด์ได้มีการต่อยอดมาเป็นเกม “Yoshi's Island” ในปี 1995 และ “Yoshi's Story”(n64)ในปี 1997 และล่าสุด “Yoshi's Island DS”ในปี2006

สู่สนามโกคาร์ต

ในปี 1992 มาริโอได้สร้างความแปลกใจให้กับแฟนๆ ด้วยการโดดลงสู่สนามแข่งรถโกคาร์ตในชื่อ “ซูเปอร์ มาริโอ คาร์ต” ที่มาพร้อมกับเหล่าผองเพื่อนแบบขนกันมาครบทีม พร้อมกับบรรยากาศของอาณาจักรเห็ดมาเป็นฉากหลัง และที่ขาดไม่ได้ก็คือไอเทมประจำเกมตระกูลมาริโอ อาทิ เห็ด ,ช้างน้อยงเต่า และดาวไว้ทั้งช่วยเหลือหรือไว้แกล้งกัน ที่ทำให้เกม “ซูเปอร์ มาริโอ คาร์ต” แตกต่างจากเกมรถแข่งทั่วไป และเป็นเอกลักษณ์ให้เกมอื่นเอาไปเลียนแบบอีกหลายเกมนอกจากโหมดแข่งรถแล้ว ยังมีโหมด Battle โดยต้องแข่งกันยิงลูกโป่งของคู่แข่งให้หมด ที่ทั้งมันทั้งฮา ยิ่งถ้าได้เล่นกับเพื่อนๆ รับประกันความสนุกจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า “มาริโอ คาร์ต” จึงเป็นหนึ่งในเกมที่ยอดนิยมเล่นตามร้านเกมหรือเล่นในงานปาร์ตี้ในยุคนั้น ดังนั้นการมาสู่สนามแข่งในครั้งนี้ มาริโอก็พาเกมให้ลอยลำจนยอดขายทะลุ 8 ล้านก๊อปปี๊ไปได้ทั้งๆที่ไม่ใช่ซีรีส์หลัก และมีภาคต่อมาอีกถึง 4 ภาค แถมด้วยภาคเกมตู้อีก 2 ภาค ทุกภาคล้วนประสบความสำเร็จและเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่มีประจำการณ์บนเครื่องของนินเทนโดทุกเครื่อง ส่งผลให้ยอดขายอยู่ในอันดับต้นๆของเครื่องนั้นเสมอ


การรวมตัวกันของ 2 ยอดฝีมือ

ต่อมาในปี 1996 เกิดปรากฎการณ์ครั้งใหญ่ในวงการเกม เมื่อบิดาแห่งมาริโอ “ชิเงรุ มิยาโมโตะ” กับบิดาแห่งไฟนอล แฟนตาซี “ฮิโรโนบุ ซากางุจิ” จับมือกันสร้างเกม RPG ที่มีชื่อว่า “ซูเปอร์ มาริโอ อาร์ พี จี” ที่เป็นการหลอมรวมความสนุกในแบบเกมแอ็กชันของมาริโอกับระบบเกมภาษาที่ยอดเยี่ยมของไฟนอล แฟนตาซี รวมเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว ด้วยมุมมองแบบมุมเฉียง ที่ดูง่าย และระบบแผนที่ของมาริโอที่แบ่งเป็นเวิลด์และแอเรียเป็นเอกลักษณ์ แต่จุดเด่นจริงๆของเกมอยู่ที่ความเกมแอ็กชันของมาริโอที่มีอยู่ในเกมทั้งใช้ในการแก้ปริศนาในดันเจี้ยน และฉากต่อสู้ ที่ใช้การกดปุ่มให้เข้าจังหวะในรูปแบบต่างๆที่สนุกและเข้ากับระบบของเกม RPG ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ส่วนเนื้อเรื่องก็มีความสดและแปลกใหม่เพราะ นี่คือครั้งแรกในการร่วมมือกันระหว่าง มาริโอและคุปป้า เพื่อต่อสู้กับศัตรูที่ร้ายกาจกว่า ในด้านกราฟิกก็เป็นโพลิกอนในยุคแรกๆที่สวยงาม และลื่นไหล และจากจุดเริ่มต้นที่ประสบความสำเร็จ ทำให้เกมแตกหน่อมาเป็นเกมอีก 2 ตระกูล คือ Mario & Luigi กับ Paper Mario ที่ออกภาคต่อมาอีกหลายภาค

ในยุคซูเปอร์แฟมิคอม แม้จะมีมาริโอภาคหลักเพียงแค่ภาคเดียว แต่ได้แตกออกมาเป็นภาคย่อยหรือภาคเสริม ทั้งแนวกีฬาและเกมภาษา จึงนับเป็นยุคทองของมาริโอ และนินเทนโดอีกครั้ง ส่งผลให้ซูเปอร์แฟมิคอมสานต่อความสำเร็จจากแฟมิคอมจนได้เป็นแชมป์เครื่องเกมคอนโซลสมัยที่สอง

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #3 เมื่อ: 15 ก.ย. 10, 11:02 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

จุดเปลี่ยนแห่งวงการเกม

หลังจากจูบปากกับสแควร์ ทำเกม “ซูเปอร์ มาริโอ อาร์ พี จี” จนใครๆต่างก็คิดว่า ค่ายเกมทั้ง 2 นี้คงเหมือนปลาท่องโก๋ที่ขาดกันไม่ได้ในวงการเกม จนกระทั้งนินเทนโดได้ประกาศโครงการ เครื่องเกมยุคต่อไปของตน นั้นก็คือเครื่อง อัลตร้า64 (ชื่อแรกของเครื่องนินเทนโด 64 ) ที่เน้นไปที่การสร้างภาพ 3 มิติ และยังคงใช้ตลับเกมเหมือนเดิม ในตอนแรกทางสแควร์เองก็ได้สร้างเดโม “ไฟนอล แฟนตาซี 6” ในรูปแบบ 3 มิติสำหรับเครื่องอัลตร้า64 เพื่อเป็นต้นแบบของไฟนอลภาคต่อไปบนเครื่องของปู่นิน แต่แล้วจุดเปลี่ยนของวงการเกมก็เกิดขึ้น


การมาของ “โซนี่” ที่ถือว่าเป็นยักษ์ใหญ่ทุนหนาแห่งวงการเครื่องใช้ไฟฟ้าได้โดดเข้าสู่วงการเกมด้วยเครื่อง “เพลย์สเตชัน” ที่มาพร้อมกับสื่อที่ใช้ต้นทุนต่ำกว่าอย่าง “CD-Rom” รวมทั้งรูปแบบของเกมในยุคนั้น ที่เน้นมูฟวี่หรือโชว์ CG กันมากกว่าการสนใจที่รูปแบบการเล่น เป็นจุดดึงดูดให้ค่ายเกมแทบทุกค่าย หนีไปทำเกมให้โซนี่ ไม่เว้นแม้กระทั้ง “สแควร์” ที่ขนกันไปยกค่าย แถมด้วยการเปิดตัวเกมในตำนานอย่าง “ไฟนอล แฟนตาซี 7” บนเครื่อง “เพลย์สเตชัน” ทำให้การมาของเครื่องเกมยุคถัดไป และมาริโอดูเหมือนเป็นการเดินทางที่ยากลำบากกว่าครั้งเดิม
ตอนจบ มาริโอขาลง!!

เปิดโลก 3 มิติ

หลังจากถูกทอดทิ้งจากค่ายเกมต่างๆ ที่หนีไปทำเกมให้ค่ายคู่แข่งกันเกือบหมด “มาริโอ” ที่เปรียบเสมือนตัวแทนของ “นินเทนโด” จึงเหมือนถูกลอยแพให้โดดเดี่ยว ส่งผลทำให้เกม “ซูเปอร์ มาริโอ 64” เป็นที่คาดหวังไว้สูงกว่าเดิม เพราะเหมือนมาริโอต้องแบกเครื่องนินเทนโด64 ที่ออกในปี 1996 และยังเป็นครั้งแรกที่มาริโอโดดเข้าสู่โลก 3 มิติ ทำให้แฟนๆต้องจับตามองการมาครั้งนี้ มากกว่าเดิม ว่าเกมจะออกมาสนุกเหมือนสมัย 2 มิติหรือไม่


แล้วมาริโอ 64 ก็ไม่ทำให้แฟนๆผิดหวัง ด้วยการยอมละทิ้งอะไรเดิมๆ เพื่อก้าวสู่สิ่งใหม่ๆ ในเมื่อมาริโอมี “หน่วยพลัง” แทนการเก็บเห็ด หรือมาริโอสามารถทั้งเตะหรือต่อยได้ เพราะเมื่อเป็นโลก 3 มิติ ตัวเกมจึงต้องปรับให้เหมาะสมกับเกม รวมทั้งการกระโดดของมาริโอนั้น เมื่อเป็นโลก 3 มิติได้ถูกพัฒนาให้ลื่นไหลขึ้น ยิ่งได้เล่นกับคอนโทลเลอร์รูปสามง่ามพร้อมแกนแอนนาล็อก ยิ่งทำให้ มาริโอของเราแทบจะกลายเป็น “นินจา” ที่ทั้งคล่องแคล่วว่องไว และเป็นการควบคุมที่ล้ำหน้ากว่าเกมในยุคนั้นมากอีกทั้งการทำรูปแบบของเกมที่เปลี่ยนมาเป็นการรวบรวมและค้นหาดวงดาวเพื่อเปิดทางไปยังห้องต่างๆในปราสาท โดยดวงดาวยังมีมากมายถึง 120 ดวง แต่มีด่านให้เล่นไม่ถึงจำนวนดาวนั้นหมายถึงการที่จะต้องเข้าด่านซ้ำเพื่อค้นหาดาวที่มีซ่อนอยู่ในแต่ละด่าน ฟังดูเผินๆเหมือนจะดูซ้ำซาก แต่นินเทนโดทำออกมาได้สนุกอย่างไม่น่าเชื่อ จนหลายคนยกนิ้วให้เป็นเกม 3 มิติที่ดีที่สุดเกมหนึ่ง แม้จะมีเสียงบ่นเรื่องความยากของตัวเกมที่ต้องใช้การปรับตัวในการเล่นเพื่อให้ชินกับตัวเกมที่ต้องเปลี่ยนมุมกล้องกันแทบจะตลอดเวลา
ทำให้เด็กสมัยนั้นที่เพิ่งสัมผัสเกม 3 มิติต้องมึนกันไปบ้าง

สรุปแล้วสำหรับมาริโอ 64 ที่แม้มาริโอจะถูกโดดเดี่ยว และการที่ไม่ทำเกมให้ไปตามกระแสในยุคนั้นที่มีค่านิยมว่า “เกมที่ดีต้องมีมูฟวี่เยอะๆ” แต่ซูเปอร์มาริโอ 64 สามารถใช้เกมเพลย์ล้วนๆเอาชนะไปด้วยยอดขายกว่า 11 ล้านก๊อปปี้
งานปาร์ตี้ของมาริโอ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #4 เมื่อ: 15 ก.ย. 10, 11:03 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นในเดือนธันวาคม ปี 1998 มาริโอได้คลอดซีรีส์ที่เหมาะสมกับช่วงเทศกาลวันหยุดยาวที่ผู้คนนิยมหลบความหนาวเหน็บจัดงานปาร์ตี้กันอยู่ในบ้าน ดังนั้นการมาของ “มาริโอ ปาร์ตี้” จึงเหมือนมาเติมเต็มความสนุกให้กับงานปาร์ตี้ได้เป็นอย่างดี ด้วยรูปแบบการเล่นแบบ “บอรด์เกม” ที่มีมินิเกมมากมายให้เล่นกัน อีกทั้งตัวเกมที่ออกแบบมาเพื่อให้เล่นได้ถึง 4 คน (ภาคหลังๆเล่นได้ถึง 8 คน) จึงเป็นเกมที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งที่จะมีไว้สร้างความสนุกในงานปาร์ตี้ จริงอยู่ที่เกมนี้จะดูธรรมดามากถ้าคุณเล่นคนเดียว แต่ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่า “ปาร์ตี้” เกมนี้จะสนุกมันและฮาก็ต่อเมื่อมีคนเล่นเป็นหมู่คณะเท่านั้นถึงแม้ว่าตัวเกมจะไม่ได้พัฒนาโดยนินเทนโด (เกมพัฒนาโดยค่ายฮัดสัน) แต่เกมก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจนออกภาคต่อมากันทุกปี รวมทั้งหมดถึง 10 ภาคและออกเป็นเกมตู้อีก 1 ภาค(พัฒนาโดยแคปคอม) และปลายปีนี้ปาร์ตี้จะเริ่มอีกครั้งบนเครื่อง DS กับ “มาริโอปาร์ตี้ DSW ที่นับเป็นครั้งแรกที่ซีรีส์นี้สามารถ “ออนไลน์” ได้


ร้อนนักขอพักร้อน

ในปี 2002 หลังจากห่างหายไปนานถึง 6 ปี(สำหรับภาคหลัก) และพลาดการเปิดตัวของเครื่อง “เกมคิวบ์” มาริโอกลับมาอีกครั้งพร้อมกับ “ผิวสีแทนและท้องฟ้าสีคราม” พร้อมกับบรรยากาศท้องทะเลที่สวยงามใน “ซูเปอร์ มาริโอ ซันไชน์” ที่มีฉากหลังเป็นเกาะ Isle Delfino เหมือนรีสอร์ทสุดหรูที่มีทั้งสวนน้ำและชายหาดงามๆ คราวนี้ลุงหนวดของเรามาพร้อมกับอาวุธใหม่ที่ฉีดน้ำพลังสูง “FLUDD” (Flash Liquidizer Ultra Dousing Device) ที่ต้องคอยตามล้างตามเช็ดทั่วทั้งเกาะที่ถูกทำให้เลอะด้วย “ชาโดว์ มาริโอ” พร้อมทั้งแอ็กชันใหม่ๆที่เพิ่มขึ้นมาจากการใช้ที่ฉีดน้ำทั้งการลอยตัว ,พุ่งตัว รวมทั้งการกระโดดของมาริโอที่อัปเกรดจาก มาริโอ 64 จนมาริโอเหมือนสำเร็จวิชาตัวเบา ทำให้การควบคุมไหลลื่นกว่าเดิมมากรูปแบบของเกมยังคงใช้รูปแบบเดิม โดยเปลี่ยนจากการเก็บดาวเป็นเก็บ “ ไชน ์” เพื่อเปิดทางไปสู่ด่านใหม่ๆ โดยเสริมให้มีเนื้อเรื่องมากขึ้น อีกทั้งการกลับมาของ “โยชิ” มังกรน้อยจอมตะกละ ที่กลับมาคราวนี้ดูเหมือนจะชอบกินผลไม้เป็นพิเศษ ส่วนที่โดดเด่นเป็นพิเศษคือกราฟิกในเกม สามารถจำลองบรรยากาศทะเลได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะการสร้าง “ภาพน้ำ” ที่ทำได้สวยที่สุด อีกทั้งสีสันที่สวยสดใสของตัวเกม หรือแสงแดดที่สาดส่อง จนเวลาเล่นเกมนี้เหมือนเราได้ไปท่องทะเล หรือไปเที่ยวสวนน้ำจริงๆที่แม้แต่เกมในตอนนี้ก็ไม่สามารถทำได้เทียบเท่า


แต่ถึงแม้จะมีข้อดีมากมาย แต่เกมก็มีข้อเสีย นั้นคือ “มุมกล้อง” ที่ผู้เล่นต้องปรับเปลี่ยนกันมากกว่าสมัยภาค N64 หลายเท่าส่งผลให้เกมมีความยากอยู่ในระดับสูง และต้องใช้การปรับตัวเพื่อให้ชินกับตัวเกมก่อน ถึงจะพบความสนุกที่แท้จริงของเกม บวกกับเกมในยุคนั้นที่เน้นความสมจริงและรุนแรง ทำให้เหล่าบรรดาฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ต่างส่ายหน้าหนีมาริโอ ส่วนเด็กๆก็บ่นว่ามันยากเกินที่พวกเขาจะเล่นกันได้ แต่อย่างไรก็ตามที่แม้ว่าความนิยมจะลดลง “ซูเปอร์ มาริโอ ซันไชน์” ก็ยังทำยอดขายไปได้กว่า 5.5 ล้านก๊อปปี้

เป็นที่น่าเสียดายที่มาริโอไม่สามารถฉุดเครื่องนินเทนโด 64 กับเกมคิวบ์ให้เป็นเจ้าวงการเกมได้ โดยเฉพาะการมาของ “ไมโครซอฟท์” ที่ส่งผลให้ยอดรวมของเครื่องคอนโซลทั่วโลกของนินเทนโดตกลงไปอยู่ที่ 3 จนมีคนเคยดูถูกว่าเครื่องเกมตัวต่อไปของนินเทนโดจะเป็นเครื่องคอนโซลตัวสุดท้าย และมาริโอจะต้องตามเจ้าเม่นน้อย “โซนิค” ที่ต้องไปโผล่บนเครื่องเกมของค่ายอื่นแทน

สูงสุดคืนสู่สามัญ

ต่อมาในปี 2006 หลังจากนินเทนโดกลับมาประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายกับเครื่อง “นินเทนโด ดีเอส” (DS) ทำให้สถานการณ์เกมของนินเทนโดเป็นที่น่าสนใจอีกครั้ง โดยเฉพาะการมาของ "นิว ซูเปอร์ มาริโอ" ที่กลับคืนสู่สามัญในรูปแบบดั้งเดิมของมาริโอ ด้วยรูปแบบ 2 มิติ และระบบเกมหลักๆที่ถอดมาจาก “มาริโอ 1” ยำรวมกับระบบอีกหลายภาค ทั้งระบบแผนที่ของภาค 3 และการกระโดดของภาค 3 มิติที่นำมาผสมผสานกับเกม 2 มิติได้อย่างลงตัวแถมด้วยตัวเกมที่ถูกปรับมาให้ง่ายลง เพื่อเปิดรับเหล่าเกมเมอร์หน้าใหม่ที่ยังไม่เคยได้สัมผัสมาริโอทำให้เกมเข้าถึงผู้คนได้มากกว่า ส่วนคนที่เป็นฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ก็ไม่ผิดหวังเพราะตัวเกมมีอะไรให้ค้นหามากมาย ส่งผลให้ยอดขายเกมถล่มทลายไปมากกว่า 10.5 ล้านก๊อปปี้ โดยเฉพาะในญี่ปุ่นที่แม้กระทั้งตอนนี้ นิว ซูเปอร์ มาริโอ ยังคงติด 1 ใน 20 เกมติดอันดับขายดี ทั้งๆที่เกมวางขายมากว่า 1 ปีแล้วก็ตาม การกลับมาครั้งนี้เป็นการลบคำสบประมาทที่ว่าหมดยุคของมาริโอไปแล้วโดยสิ้นเชิง

ยินดีต้อนรับสู่ “แกแล็กซี่”

ในปีนี้มาริโอสร้างความแปลกใจให้กลับแฟนๆด้วยการพาไปผจญภัยกันถึงนอกโลกใน “ซูเปอร์มาริโอ แกแล็กซี่” และด้วยการควบคุมบังคับแบบใหม่ที่จะทำให้คุณสัมผัสความรู้สึกแปลกใหม่ในการเล่นเกม ผสานกับความสามารถของเครื่อง “นินเทนโด วี” (Wii)ที่คาดว่าจะใช้กันอย่างเต็มที่แน่นอน ที่สำคัญการท่องไปยังดวงดาวต่างๆทำให้เกิดความหลากหลายในตัวเกมมาก พร้อมทั้งการกลับมาของ “ร่างแปลง” หรือที่เรียกอีกอย่างว่า“ชุดของมาริโอ” ที่ภาคนี้มีมาให้เทียบเท่ากับ มาริโอ 3 เลยทีเดียว
แต่ที่จะมองข้ามไม่ได้ คงไม่ใช่เพียงแค่ตัวเกม เพราะมาริโอ 64 และมาริโอ ซันไชน์ ที่แม้ตัวเกมจะสนุก แต่ถ้าเครื่องเกมไม่เป็นที่นิยมก็ยากที่ตัวเกมจะประสบความสำเร็จ แต่สำหรับเครื่อง Next Gen ยอดขายอันดับ 1 อย่างเครื่อง Wii รับประกันได้ว่า การเดินทางสู่อวกาศครั้งนี้ต้องกระหึ่มกว่าภาคก่อนๆแน่นอน ยิ่งถ้าใครได้ชมวิดีโอตัวอย่างพร้อมรูปแบบการเล่นแล้ว คงสัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ของตัวเกมจนแทบอดใจรอเล่นไม่ไหว
ที่มา http://www.showded.com

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #5 เมื่อ: 16 ก.ย. 10, 08:59 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ตอนนี้ครบรอบ 25 ปี แล้ว ถือว่าเป็นตำนานจริงๆ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
SawadaTsuna
เรทกระทู้
« ตอบ #6 เมื่อ: 18 ก.ย. 10, 14:41 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

จุดเริ่มต้นของตำนาน

ถ้าย้อนวันเวลาไปเมื่อ 20 ปีก่อน ถ้าพูดถึงเกมอันดับ 1 ในตอนนั้นคงหนีไม่พ้น ช่างประปาตัวอ้วนกลมอย่าง “มาริโอ” แน่นอน แต่ในตอนนี้ถ้าพูดถึงเกมฮิตอันดับต้นๆ คงนึกถึงตัวละครหน้าโหดๆ หรือเกมที่ไล่ฆ่ากัน ชื่อ “มาริโอ” ดูเหมือนจะเป็นวัตถุโบราณที่ดูเป็นเกมเฉพาะกลุ่มเด็ก และไม่น่าสนใจอีกต่อไป ทั้งๆที่คุณภาพของตัวเกมในทุกๆภาคไม่ได้ลดน้อยถอยลงเลย

แต่การมาของ “ซูเปอร์ มาริโอ กาแล็กซี่” คราวนี้มาริโอมาพร้อมกับเครื่องเกมที่ร้อนแรงที่สุดในรอบปี อย่าง “นินเทนโด วี” พร้อมทั้งอาวุธใหม่อย่าง “แท่งหรรษา” หรือ “วี รีโมต” ดังนั้นการกลับมาของมาริโอคราวนี้ จึงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน และเพื่อเป็นการต้อนรับการกลับมาของมาริโอ วันนี้เราจะมาลองย้อนเวลาไปดูความเป็นมาของ เกมที่ถือว่าเป็นตำนานบทหนึ่งของวงการเกม
ยุคแรกเริ่ม

มาริโอถือกำเนิดมาดูโลกครั้งแรกในชื่อ เล่นว่า “Jump Man” โดยมีคุณพ่อใจดีนามว่า “ชิเงรุ มิยาโมโตะ” เป็นผู้ให้กำเนิด ว่ากันว่าจุดกำเนิดของมาริโอมาจากการที่วัยเด็กของมิยาโมโตะที่ชอบออกไปผจญภัยในทุ่งกว้าง โดยมาริโอเริ่มผจญภัยครั้งแรกด้วยการปีนตึกไปปราบลิงยักษ์ใน ดองกี้คองในปี 1981 จนไปถึงมุดท่อไปปราบศัตรู ใน “มาริโอ บราเธอร์” ในปี 1983 ต่อมามุดท่อไปมุดท่อมา มาโผล่ในอาณาจักรเห็ด จนมาเป็น “ซูเปอร์ มาริโอ บราเธอร์” หรือที่คนไทยเรียก “มาริโอ 1” ในปี 1985 ที่สร้างปรากฏการณ์ ไปทั่วโลกแม้แต่ในไทย


ในช่วงนั้นมาริโอก็เป็นที่ฮือฮา จนเป็นข่าวผ่านดาวเทียม ซึ่งในยุคนั้นยากมากที่วิดีโอเกม จะเป็นข่าวออกทีวี โดยตัวเกมที่ถือว่ามีอะไรมากกว่าเกมในสมัยนั้นที่มีแต่เกมแก้ปริศนาที่ง่ายๆและตัวเกมที่เล่นไม่นานก็จบ โดยมาริโอได้สร้างมาตรฐานใหม่ ให้กับวงการเกม ด้วยการมีด่าน(เวิลด์)ที่มากถึง 8 ด่าน แถมมี เอเรียอีก 4 และศัตรูที่หลากหลายกว่า และเนื้อหาที่ว่าด้วย “คุปป้า”(Bowser ชื่อเวอร์ชั่น US) ลักพาตัวเจ้าหญิงพีช แล้วมาริโอต้องตามไปช่วย(จนปัจจุบันก็ยังเป็นแบบนี้)


ส่วนที่ทำให้เกมน่าจดจำมากคือ ระบบการควบคุมบังคับที่ลื่นไหลกว่าเกมในยุคนั้นมาก โดยเฉพาะการกระโดดซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของมาริโอมาทุกภาค รวมทั้งไอเทมสุดคลาสสิก ทั้งเห็ด, ดอกไม้ไฟ,เหรียญทอง,เห็ด 1 UP และดนตรีประกอบที่ฟังปุ๊บก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเพลงประกอบจากเกมอะไร และด้วยยอดขายรวมกว่า 40 ล้านก๊อปปี้ ทำให้ มาริโอ กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งวงการเกมแห่งยุคจริงๆ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #7 เมื่อ: 20 ต.ค. 10, 09:31 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ชอบเกมนี้มากเลย

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:  มาริโอ้ ตำนาน 

หน้า: 1
 
ตอบ
ชื่อ:
 
แชร์ไป Facebook ด้วย
กระทู้:
ไอค่อนข้อความ:
ตัวหนาตัวเอียงตัวขีดเส้นใต้จัดย่อหน้าชิดซ้ายจัดย่อหน้ากึ่งกลางจัดย่อหน้าชิดขวา

 
 

[เพิ่มเติม]
แนบไฟล์: (แนบไฟล์เพิ่ม)
ไฟล์ที่อนุญาต: gif, jpg, jpeg
ขนาดไฟล์สูงสุดที่อนุญาต 20000000 KB : 4 ไฟล์ : ต่อความคิดเห็น
พิมพ์อักษรตามภาพ:
พิมพ์ตัวอักษรที่แสดงในรูปภาพ
 
:   Go
  • ข้อความของคุณอยู่ในกระทู้นี้
  • กระทู้ที่ถูกใส่กุญแจ
  • กระทู้ปกติ
  • กระทู้ติดหมุด
  • กระทู้น่าสนใจ (มีผู้ตอบมากกว่า 15 ครั้ง)
  • โพลล์
  • กระทู้น่าสนใจมาก (มีผู้ตอบมากกว่า 25 ครั้ง)
         
หากท่านพบเห็นการกระทำ หรือพฤติกรรมใด ๆ ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมถึง การใช้ข้อความที่ไม่สุภาพ พฤติกรรมการหลอกลวง การเผยแพร่ภาพลามก อนาจาร หรือการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้ผู้อื่น ได้รับความเสียหาย กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม