
จุดเริ่มต้นของตำนาน
ถ้าย้อนวันเวลาไปเมื่อ 20 ปีก่อน ถ้าพูดถึงเกมอันดับ 1 ในตอนนั้นคงหนีไม่พ้น ช่างประปาตัวอ้วนกลมอย่าง “มาริโอ” แน่นอน แต่ในตอนนี้ถ้าพูดถึงเกมฮิตอันดับต้นๆ คงนึกถึงตัวละครหน้าโหดๆ หรือเกมที่ไล่ฆ่ากัน ชื่อ “มาริโอ” ดูเหมือนจะเป็นวัตถุโบราณที่ดูเป็นเกมเฉพาะกลุ่มเด็ก และไม่น่าสนใจอีกต่อไป ทั้งๆที่คุณภาพของตัวเกมในทุกๆภาคไม่ได้ลดน้อยถอยลงเลย
แต่การมาของ “ซูเปอร์ มาริโอ กาแล็กซี่” คราวนี้มาริโอมาพร้อมกับเครื่องเกมที่ร้อนแรงที่สุดในรอบปี อย่าง “นินเทนโด วี” พร้อมทั้งอาวุธใหม่อย่าง “แท่งหรรษา” หรือ “วี รีโมต” ดังนั้นการกลับมาของมาริโอคราวนี้ จึงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน และเพื่อเป็นการต้อนรับการกลับมาของมาริโอ วันนี้เราจะมาลองย้อนเวลาไปดูความเป็นมาของ เกมที่ถือว่าเป็นตำนานบทหนึ่งของวงการเกม
ยุคแรกเริ่ม
มาริโอถือกำเนิดมาดูโลกครั้งแรกในชื่อ เล่นว่า “Jump Man” โดยมีคุณพ่อใจดีนามว่า “ชิเงรุ มิยาโมโตะ” เป็นผู้ให้กำเนิด ว่ากันว่าจุดกำเนิดของมาริโอมาจากการที่วัยเด็กของมิยาโมโตะที่ชอบออกไปผจญภัยในทุ่งกว้าง โดยมาริโอเริ่มผจญภัยครั้งแรกด้วยการปีนตึกไปปราบลิงยักษ์ใน ดองกี้คองในปี 1981 จนไปถึงมุดท่อไปปราบศัตรู ใน “มาริโอ บราเธอร์” ในปี 1983 ต่อมามุดท่อไปมุดท่อมา มาโผล่ในอาณาจักรเห็ด จนมาเป็น “ซูเปอร์ มาริโอ บราเธอร์” หรือที่คนไทยเรียก “มาริโอ 1” ในปี 1985 ที่สร้างปรากฏการณ์ ไปทั่วโลกแม้แต่ในไทย
ในช่วงนั้นมาริโอก็เป็นที่ฮือฮา จนเป็นข่าวผ่านดาวเทียม ซึ่งในยุคนั้นยากมากที่วิดีโอเกม จะเป็นข่าวออกทีวี โดยตัวเกมที่ถือว่ามีอะไรมากกว่าเกมในสมัยนั้นที่มีแต่เกมแก้ปริศนาที่ง่ายๆและตัวเกมที่เล่นไม่นานก็จบ โดยมาริโอได้สร้างมาตรฐานใหม่ ให้กับวงการเกม ด้วยการมีด่าน(เวิลด์)ที่มากถึง 8 ด่าน แถมมี เอเรียอีก 4 และศัตรูที่หลากหลายกว่า และเนื้อหาที่ว่าด้วย “คุปป้า”(Bowser ชื่อเวอร์ชั่น US) ลักพาตัวเจ้าหญิงพีช แล้วมาริโอต้องตามไปช่วย(จนปัจจุบันก็ยังเป็นแบบนี้)
ส่วนที่ทำให้เกมน่าจดจำมากคือ ระบบการควบคุมบังคับที่ลื่นไหลกว่าเกมในยุคนั้นมาก โดยเฉพาะการกระโดดซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของมาริโอมาทุกภาค รวมทั้งไอเทมสุดคลาสสิก ทั้งเห็ด, ดอกไม้ไฟ,เหรียญทอง,เห็ด 1 UP และดนตรีประกอบที่ฟังปุ๊บก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเพลงประกอบจากเกมอะไร และด้วยยอดขายรวมกว่า 40 ล้านก๊อปปี้ ทำให้ มาริโอ กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งวงการเกมแห่งยุคจริงๆ