หน้า: 1

ชนิดกระทู้ ผู้เขียน กระทู้: 4IN1 เรียกร้องให้แบงค์ชาติแก้ปัญหาแบงค์พาณิชย์ฮั้วขูดรีดทำนาบนหลังคนหนักกว่าเดิม  (อ่าน 1088 ครั้ง)
add
เรทกระทู้
« เมื่อ: 17 ก.ย. 10, 23:01 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
Send E-mail

แบ่งปันกระทู้นี้ให้เพื่อนคุณอ่านไหมคะ?

ปิดปิด
 
4 IN 1 เรียกร้องให้แบงค์ชาติแก้ปัญหาแบงค์พาณิชย์ฮั้วขูดรีดทำนาบนหลังคนหนักยิ่งกว่าเดิม

เช้าวันนี้ (17-9-53) ได้โทรไปหาเลขาหน้าห้องผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อสอบถามเรื่องหนังสือร้องเรียนธนาคารกสิกรไทยและธนาคารต่าง ๆ ลงวันที่ 2 มิถุนายน 2553 ทำไมยังไม่มีคำตอบ รอตั้งนานจึงมีเจ้าหน้าที่ร้องเรียนมารับสาย แต่คุยยังไม่ทันรู้เรื่อง คิดว่าโอนสายผิด เลยวางหูไป จึงได้โทรไปสอบถามผู้จัดการเขตธนาคารกสิกรไทยที่เคยรับปากเรื่องลดอัตราดอกเบี้ยกระแสรายวันให้ แต่ก็เงียบหายไปเป็นเดือน ๆ เช่นเดียวกับกับแบงค์ชาติ และก็ได้คำตอบว่ายังอยู่ระหว่างการปรึกษาหารือกันอยู่ แต่ทำไมไม่ยอมแจ้งให้รู้ว่าไม่ยินดีให้แต่ต้น ๆ เป็นการแสดงให้เห็นได้ถึงการขาดความจริงใจ ไม่สนใจปฏิบัติตามสัญญาที่ให้ไว้แต่อย่างไร ในที่สุดจึงตัดสินใจรีบร่างจดหมายโดยนำเอากระทู้เกี่ยวกับเรื่องธนาคารกสิกรไทย 4 กระทู้ที่ตั้งในเว็บบอร์ด www.sanook.com ซึ่งได้คัดส่วนที่สำคัญ ๆ นำไปแปะแนะนำตามกระทู้ที่ตั้งอื่น ๆ มาประกอบการร้องเรียนเพิ่มเติมเพื่อจะได้รีบพิมพ์นำไปส่งด้วยตนเองในตอนบ่าย เจ้าหน้าที่ฝ่ายรับหนังสือได้รับอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก โดยประทับตรารับ ธนาคารแห่งประเทศไทย เลขที่ E 5302 3638 วันที่ 17 ก.ย.2553 เวลา 15.29 น. ผู้รับ ...... โทร........... ทำให้สบายใจขึ้นได้ว่า จะไม่โดนทางผู้รับเรื่องบอกปัดไม่ได้รับเช่นครั้งที่แล้วอีก รวมทั้งการปฏิเสธความรับผิดชอบในการตอบตามระเบียบของแบงค์ชาติด้วย (3 เดือนกว่าแล้วที่ยังไม่ตอบกลับหนังสือที่ร้องเรียนวันที่ 2 มิถุนายน 2553 แต่อย่างไร)
เพื่อเป็นการกันปัญหาการตอบล่าช้า จึงได้ขึ้นไปหาเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่อง โชคดีที่เจอพอดี ให้รอสักครู่ ก็มีเจ้าหน้าที่อีก 2 ท่าน มาร่วมฟังด้วย สรุปได้ความว่า เจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องจะให้จบเรื่องทั้ง ๆ ที่ร้องเรียนมากว่า 3 ปี แบงค์ชาติยังไม่สามารถแก้ปัญหาใด ๆ ได้เลย แค่เรื่องส่วนตัวยังไม่ยอมแก้ปัญหาให้ แล้วเรื่องส่วนรวมยิ่งแล้วใหญ่ ทำเหมือนกับไม่มีการร้องเรียนใด ๆ ทั้งสิ้น จึงอดที่จะคิดไม่ได้ว่าหน่วยงานนี้ไม่รู้ตั้งขึ้นเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนหรือแบงค์พาณิชย์กันแน่ เจ้าหน้าที่ยอมรับว่าหน่วยงานนี้กำลังจะถูกยกเลิกไปในตุลาคมนี้ ส่วนเจ้าหน้าที่นั้น ต่างก็จะแยกย้ายกันกลับหน่วยงานเดิม ส่วนหนังสือที่ร้องเรียนนี้ถือว่ามีการรับอย่างเป็นทางการแล้ว ต้องรอดูว่าจะมอบให้ใครเป็นผู้รับผิดชอบอีกที จึงได้ต่อว่าเจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องซึ่ง ๆ หน้าว่า ทำไมถึงไม่ยอมติดต่อกลับมาทั้ง ๆ ที่โทรหาตั้งหลายครั้ง ไม่สมศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย อ้างแต่ว่าเป็นเรื่องเดิม แต่ไม่ได้สนใจดูเลยว่าจริง ๆ แล้วเป็นเรื่องร้องเรียนส่วนรวมมากกว่า เพราะถ้าหากหลักการใหญ่ ๆ ได้รับการแก้ไขตามที่ร้องเรียนและเรียกร้อง เช่นส่วนต่างดอกเบี้ยเงินกู้-เงินฝากลดลง สิ่งที่ร้องเรียนส่วนตัวก็จะได้รับเองโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว เนื่องจากเจ้าหน้าที่ติดธุระจะต้องรีบไปด่วน จึงได้อ่านเฉพาะหัวเรื่องกระทู้ 3- 4 กระทู้ให้ฟังเท่านั้นก่อนกลับ
การร้องเรียนครั้งนี้เท่ากับการร้องเรียนถึงผู้ว่าการแบงค์ชาติเพื่อต้อนรับว่าที่ผู้ว่าการแบงค์ชาติท่านใหม่ ดร.ประสาร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย คู่กรณีที่กำลังจะมารับตำแหน่งในเดือนตุลาคมนี้ จะคอยดูสิว่าแบงค์ชาติจะสามารถแก้ไขปัญหาการเอารัดเอาเปรียบดังที่ได้ร้องเรียนหรือไม่ หรือว่าจะเป็นอย่างที่มีคนครหาว่า ว่าที่ผู้ว่าแบงค์ชาติ ดร.ประสารนี้ จะมากำหนดนโยบายเพื่อผลประโยชน์แก่แบงค์พาณิชย์มากยิ่งกว่าเดิม หากว่าเป็นจริงเช่นนั้นจริง ๆ แล้ว ประชาชนตาดำ ๆ คงต้องลำบากรับชะตากรรมการถูกรีดนาทาเร้นทำนาบนหลังคนหนักกว่าเก่าอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้นอย่างแน่นอน และที่เลวร้ายยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เศรษฐกิจของชาติอาจจะต้องพินาศฉิบหายวายป่วงยิ่งกว่าครั้งใด ๆ เพราะว่าที่ผูํว่าการแบงค์ชาติท่านใหม่นี้ก็เป็นได้


จากกระทู้ที่ตั้ง 4 กระทู้นี้ จึงได้เน้นเอาเฉพาะที่สำคัญ ๆ มาเป็นหนังสือเรียกร้องให้แบงค์ชาติ
แก้ปัญหาแบงค์พาณิชย์ฮั้วขูดรีดทำนาบนหลังคนหนักยิ่งกว่าเดิม


1.ร้องKBankแกล้งเอาเปรียบมา5ปี+ร้องแบงค์ชาติและสคบ.กว่า3ปี+สนุก5เดือน เหมือนไร้ผล
1 2 ทั้งหมด jrchai 71 4588
ความคิดเห็นล่าสุด 13 ก.ค. 10, 18:20 น โดย jrchai
http://webboard.news.sanook.com/forum/3140735

2.นี่หรือว่าที่ผู้ว่าการแบงค์ชาติ? แค่ปัญหาเล็กๆกว่า 5 ปี ยังไม่มีปัญญาแก้ไขได้เลย
1 2 ทั้งหมด jrchai 56 3035
ความคิดเห็นล่าสุด 13 ก.ค. 10, 12:41 น โดย jrchai
http://webboard.news.sanook.com/forum/3155947

3.ต้องโหดร้ายขูดรีดเอาเปรียบได้เลวสุด ๆ อย่างนี้สินะ จึงชนะได้เป็นผู้ว่าแบงค์ชาติ!
jrchai 40 3627
ความคิดเห็นล่าสุด 20 ก.ค. 10, 22:20 น โดย jrchai
http://webboard.news.sanook.com/forum/3163012

4.คุณหนูเสี่ยปั้นปั้นหน้าตายปฏิเสธลั่นไม่ยุ่งการเมือง แต่เรื่องทำนาบนหลังคนถนัดนัก
jrchai 35 6037
ความคิดเห็นล่าสุด 26 ก.ค. 10, 10:53 น โดย jrchai
http://webboard.news.sanook.com/forum/3170256


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 ก.ย. 10, 00:41 น โดย jrchai » noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า

กระทู้ฮอตในรอบ 7 วัน

Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #1 เมื่อ: 17 ก.ย. 10, 23:23 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 


17 กันยายน 2553

เรื่อง ร้องเรียนธนาคารกสิกรไทยและธนาคารต่าง ๆ เพิ่มเติม
เรียน ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
อ้างถึง หนังสือที่ฝวต.(43) 292/2553 เรื่องร้องเรียนธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2553
หนังสือร้องเรียนธนาคารกสิกรไทยและธนาคารต่าง ๆ ลงวันที่ 2 มิถุนายน 2553 (เลขที่ E 53013755)


ตามที่ข้าพเจ้าได้ยื่นหนังสือร้องเรียนโดยตรงถึงท่านเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2553 และได้ตัดสินใจนำข้อความที่ร้องเรียนทั้งหมดไปลงในเว็บบอร์ด www.sanook.com เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน โดยตั้งชื่อกระทู้ว่า
ร้องKBankแกล้งเอาเปรียบมา5ปี+ร้องแบงค์ชาติและสคบ.กว่า3ปี+สนุก5เดือน เหมือนไร้ผล 1 2 ทั้งหมด jrchai 71 4587
และได้ลงต่อเนื่องตามกระทู้ต่าง ๆ จนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งน่าจะมีคนอ่านหลายหมื่นคน แต่สิ่งที่ข้าพเจ้าไม่เข้าใจคือ คุณ.........ได้พยายามบ่ายเบี่ยงปฏิเสธว่าไม่เห็นอย่างน่าเกลียดมาก รวมทั้งคุณ........ซึ่งข้าพเจ้าโทรไปสอบถามก็แสร้งตอบไม่รู้เรื่อง โทรหาคุณ.........ล่าสุดก็เงียบ ไม่มีคำตอบ เช้านี้โทรหาคุณ....... เลขาหน้าห้อง ก็โอนไปไหนไม่ทราบ แล้วเจ้าหน้าที่ก็รีบวางหู นี่หมายความว่าอย่างไรกันแน่ ข้าพเจ้าจึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำหนังสือร้องเรียนเพิ่มเติมโดยอ้างอิงกระทู้ที่ลงในสนุกนี้มาให้เห็นชัด ๆ เพื่อประกอบการพิจารณาคำร้องเรียนต่อไป

(ส่วนนี้จะเป็นกระทู้จากเว็บสนุกที่แนบประกอบดังที่ได้แสดงข้างล่างนี้)

ข้าพเจ้าจึงเรียนมาเพื่อท่านได้ใช้ข้อมูลและข้อเท็จจริงต่าง ๆ ตามที่ได้นำมาประกอบการร้องเรียนนี้ในการพิจารณาให้ความเป็นธรรมทั้งต่อข้าพเจ้าและส่วนรวมด้วย รวมทั้งกระทู้ล่าสุดนี้ด้วย กระทู้: กรณ์ เตรียมฟัน ค่าธรรมเนียมแบงค์โหด (อ่าน 7836 ครั้ง)http://webboard.news.sanook.com/forum/3238869 ซึ่งน่าจะมีการลดมากว่านี้ในหลาย ๆ อย่างด้วยกัน
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #2 เมื่อ: 17 ก.ย. 10, 23:38 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ต้องโหดร้ายขูดรีดเอาเปรียบได้เลวสุด ๆ อย่างนี้สินะ
จึงชนะได้เป็นผู้ว่าแบงค์ชาติ!
http://webboard.news.sanook.com/forum/3163012

เบื่อคำโฆษณาสร้างภาพมายาจอมปลอมหลอกลวงผู้คนให้หลงเชื่อโดยไม่รู้จักละอายใจ
"บริการทุกระดับประทับใจ" ที่แท้กลายเป็น "บริการเอารัดเอาเปรียบจนกว่าลูกค้าจะตาย"
ในเมื่อนายประสารไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่ร้องเรียนมากว่า 5 ปีนี้ได้ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่เป็นธรรม
แล้วอย่างนี้ยังมีหน้ามาเสนอหน้าเป็นผู้ว่าการแบงค์ชาติโดยไม่รู้จักละอายแก่ใจตัวเองบ้างเลย
อีกไม่กี่วันก็จะออกจากกสิกรไทยไปแล้ว ปัญหาก็ยังคาอยู่ แล้วจะมาสู้หน้าผู้ร้องเรียนได้อย่างไร
ศักดิ์ศรีว่าที่ผู้ว่าการแบงค์ชาติคนใหม่ จะหาได้จากที่ไหนกัน น่าขายหน้าเสียจริง ๆ

เบื่อหน่วยงานของรัฐที่ทำงานสนองนโยบายเฉกเช่นขี้ข้าสอพลอไร้ประสิทธิภาพไร้จุดยืน
เบื่อนักการเมืองที่ไร้ความกล้าหาญในการยืนหยัดเพื่อต่อสู้ให้ได้มาซึ่งระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
เบื่อผู้นำหลักการเสื่อม ไร้คุณธรรม ห้ำหั่นเข่นฆ่าเพื่อนร่วมชาติอย่างป่าเถื่อนไร้ความปรานี
เมื่อไรเราถึงจะมีคนดี ๆ มีความกล้าหาญที่สามารถยืนหยัดต่อสู้เพื่อรักษาความเป็นธรรมในสังคมให้คงไว้
เมื่อไรบ้านเมืองจึงจะสงบสุข มีสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคเท่าเทียมกันอย่างแท้จริงเสียที

กรุณาอ่านข้อมูลที่เรียบเรียงอย่างดีจากกระทู้ข้างล่างนี้ประกอบด้วย

นี่หรือว่าที่ผู้ว่าการแบงค์ชาติ ?
แค่ปัญหาลูกค้าเล็ก ๆ ที่ร้องเรียนมากว่า 5 ปี
ยังไม่มีปัญญาแก้ไขได้เลย
http://webboard.news.sanook.com/forum/?topic=3155947.0;all


จากกระทู้ประกอบข่าวข้างล่างนี้ท่านมีความเห็นอย่างไรบ้าง ?
มิน่าล่ะ วันนี้โทรไปหาผู้รับเรื่องโกหกและปัดอย่างมะนาวไม่มีน้ำว่า
ไม่ได้รับหนังสือร้องเรียนผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2553 เรื่อง ร้องเรียนธนาคารกสิกรไทยและธนาคารต่าง ๆ
ทั้ง ๆ ที่เจ้าหน้าที่ผู้นี้ มีการเจรจากับผู้จัดการเขตให้ระงับหนังสือร้องเรียนไว้ก่อน
แต่ผมโทรแจ้งยืนกรานไปว่าให้ดำเนินการตามที่ร้องเรียนไว้ดังเดิม
มิหนำซ้ำเจ้าหน้าที่นี้ยังรีบยุติตัดบทการสอบถามขอคำตอบโดยให้ผู้ร้องคิดเอาเองเสียอีกด้วย
โทรหาหน้าห้องท่านผู้ว่าการฯ ว่าเจ้าหน้าที่ไม่เป็นกลางและไม่ใส่ใจในเรื่องที่ร้องเรียน
ขอพบผู้ว่าก็อ้างมีคิวเยอะ ผู้ที่มีอาวุโสเหนือกว่าผู้ที่รับเรื่อง ก็ให้ชื่อและเบอร์ไว้ แต่ไม่ยอมโอนให้
จึงต้องโทรไปใหม่ ปรากฎว่าท่านไม่อยู่ ไปต่างประเทศ กว่าจะกลับก็อีกหนึ่งอาทิตย์
ให้ต่อรองผู้ว่า ก็แกล้งไม่รับสาย โทรไปติด แต่กเลขาหน้าห้องรองผู้ว่าซึ่งน่าจะรู้เรื่องดีก็กดทิ้ง
โทรหาผู้จัดการเขตก็อ้างติดประชุมทุกครั้ง และยังไม่มีคำตอบที่ชอบด้วยเหตุผลให้อยู่ดี
ถ่วงเวลาไปเรื่อย ๆ เหมือนเช่นทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา โดยมีเจตนาไม่ชอบมาพากล
แล้วหากว่าที่ผู้ว่าแบงค์ชาติท่านใหม่ ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล
กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกสิกรไทย
มารับตำแหน่งเมื่อไร
ท่านจะกล้าสั่งให้ดำเนินการลงโทษธนาคารกสิกรไทยตามเรื่องที่ร้องเรียนมากว่า 5 ปี หรือ ?
(รวมทั้งแบงค์อื่น ๆ ตามข้อมูลที่บรรจุไว้ในซีดีด้วย)


ร้องKBank แกล้งเอาเปรียบมา 5 ปี
+ร้องแบงค์ชาติและสคบ.กว่า 3 ปี+สนุก 5 เดือน เหมือนไร้ผล
http://webboard.news.sanook.com/forum/3140735


ร้องเรียนKBankกลั่นแกล้งเอาเปรียบมาประมาณ 5 ปี
+แบงค์ชาติและสคบ.กว่า 3 ปี+สนุก 5 เดือน ดูเหมือนไร้ผล


สืบเนื่องมาจากการร้องเรียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นผ่านเว็บบอร์ดอาชญากรรม-สังคมของเว็บสนุกมาอย่างต่อเนื่องประมาณ 5 เดือน โดยมีกระทู้หลักว่า

กลยุทธการบริการเอารัดเอาเปรียบจนกว่าลูกค้าจะตาย
ของธนาคารกสิกรไทยที่ท่านควรทราบ ?
http://webboard.news.sanook.com/forum/2970966.html

และได้แตกกระทู้ออกไปอีกประมาณ 40 กระทู้ ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับการพิจารณาให้เป็นประเด็นร้อนสุด ๆ มาโดยตลอด มีคนสนใจเข้ามาอ่านรวมเกินกว่า 130000 ครั้ง ต่อมาได้ถูกลบออกไปหมด จนปัจจุบันนี้มีกระทู้เหลืออยู่เพียง 3 กระทู้ดังนี้

ขึ้นบอร์ดกระทู้แนะนำแล้ว ! พวกสันดานแบงค์
อภิสิทธิ์ชน พรรคประชาวิบัติ ใครเลวกว่ากัน ?
http://webboard.news.sanook.com/forum/3042091_ขึ้นบอร์ดกระทู้
แนะนำแล้ว_!_พวกสันดานแบงค์_อภิสิทธิ์ชน_พรรคประชาวิบัติ_ใครเล.html


ประกาศ ! กระทู้ KBank และ... ที่โดนลบ
ได้เขียนใส่ CD ส่งถึงผู้ว่าการแบงค์ชาติเรียบร้อยแล้ว
http://webboard.news.sanook.com/forum/?topic=3055870

เทวดามีจริงหรือ ?- ฉีกหน้ากากเทวดา
+คลิปตาสว่าง+กระทู้แนะนำโดยสมาชิก
http://webboard.news.sanook.com/forum/?topic=3064283


หลังจากหยุดโพสต์มานานหลายเดือนเพราะต้องการรอคำตอบจากท่านผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยและสคบ. ก่อน จนกระทั่งวันที่ 1 มิถุนายน 2553 จึงได้รับหนังสือตอบอย่างเป็นทางการจากธนาคารแห่งประเทศไทย ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2553 จึงได้ทำหนังสือร้องเรียนกลับไปใหม่ดังนี้


(อ่านต่อด้านล่างเนื่องจากจำนวนคำเกิน 6000 ตัวอักษร)
(ข้อความทั้งหมดเหมือนหนังสือร้องเรียนที่ยื่นโดยตรง เลขที่ E53013755 วันที่ 2-6-53 จึงละไว้เพราะธนาคารแห่งประเทศไทยมีอยู่แล้ว)


ส่วนทางสคบ.เจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ทราบว่า ให้ยุติเรื่องสั้น ๆ จะทำหนังสือแจ้งให้ทราบ รอมาร่วม 2 อาทิคย์แล้วก็ยังไม่ได้รับ หากได้รับเมื่อไรก็จะดำเนินการร้องเรียนแย้งกลับเช่นเดียวกับที่ทำกับแบงค์ชาติเช่นกัน จึงได้ตัดสินใจตั้งกระทู้นี้เพื่อชี้แจงให้เพื่อนสมาชิกที่เคยติดตามกระทู้ผมมาโดยตลอด รวมทั้งเพื่อนสมาชิกท่านอื่น ๆ ที่สนใจ จะได้รับทราบ และช่วยกันออกความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมต่อไป


กระทู้โปรด-27-2-2553





noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #3 เมื่อ: 17 ก.ย. 10, 23:41 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

2 มิถุนายน 2553
เรื่อง ร้องเรียนธนาคารกสิกรไทยและธนาคารต่าง ๆ
เรียน ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
อ้างถึง หนังสือที่ฝวต.(43) 292/2553 เรื่องร้องเรียนธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2553
ตามที่ท่านได้มีหนังสือตอบเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2553 นั้น ข้าพเจ้าเพิ่งได้รับเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนนี้เองซึ่งการตอบครั้งนี้ถือว่าล่าช้ามาก (กว่า 5 เดือน) และไม่ได้ให้คำตอบใด ๆ ตามการร้องเรียนทั้ง 3 ครั้ง (23 ธันวาคม 2552 11 มีนาคม 2553 และ 1 เมษายน 2553) ของข้าพเจ้าแต่อย่างไร การที่ท่านได้ส่งหนังสือตอบจากทางกสิกรไทยแนบมา 2 ฉบับนั้น ( 22 ตุลาคม 2552 และ18 ธันวาคม 2552) ก็เป็นคำตอบที่ข้าพเจ้าได้โต้แย้งทั้งทางตรงและทางโทรศัพท์มาหลายครั้งหลายหนแล้วว่าไม่ตรงจริง ขาดความจริงใจ และตอบไม่ตรงประเด็น นอกจากนี้ คำร้องเรียนของข้าพเจ้าพร้อมข้อมูลตามกระทู้ที่ตั้งในบอร์ดแสดงความคิดเห็นใน www.sanook.com นั้น นอกจากจะเป็นการร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรมในเรื่องที่ข้าพเจ้าถูกธนาคารกสิกรไทยฯ กลั่นแกล้งเอารัดเอาเปรียบอย่างไม่เป็นธรรมจนข้าพเจ้าต้องสูญสิ้นลูกค้าและไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยทางธนาคารมีจุดมุ่งหมายที่จะยึดทรัพย์สินเพื่อดำเนินการขายทอดตลาดและขูดรีดเอาเปรียบดังเช่นกรณีที่เกิดขึ้นกับนาย.......... น้องชายของข้าพเจ้าตามรายละเอียดในหนังสือร้องเรียนกรรมการผู้จัดการใหญ่เพื่อประกอบกระทู้ กลยุทธการบริการเอารัดเอาเปรียบจนกว่าลูกค้าจะตายของธนาคารกสิกรไทยที่ท่านควรทราบและธนาคารกสิกรไทยรีดเลือดกับปู ซื้อทรัพย์สินที่ยึดมาในราคาถูกมาก ขายได้ทุนคืน แล้วยังมาทวง ข้าพเจ้ายังมีข้อร้องเรียนภาพโดยรวมของธนาคารต่าง ๆ ที่คิดจ้องแต่จะหาช่องทางเอารัดเอาเปรียบลูกค้าอย่างสุด ๆ อีกมากมายด้วย ไม่ว่าจะเป็นการตั้งกฎกติกาสัญญาเพิ่มเติมตามใจชอบ ส่วนต่างดอกเบี้ยระหว่างเงินฝากและเงินกู้มากเกินไป การเพิ่มค่าธรรมเนียมการให้บริการแบบมัดมือชก เช่น บัตร ATM การทำประกันในรูปแบบต่าง ๆ การออกหนังสือรับรองต่าง ๆ ฯลฯ การใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกลูกค้าให้เสียค่าธรรมเนียมฟรี ๆ โดยไม่ได้อะไรเลย (ดังที่ข้าพเจ้าโดนมาแล้ว 2 ครั้ง เสียค่าประเมิน 2 ครั้ง แทนที่จะได้กู้เพิ่ม กลับโดนหั่นวงเงินเดิมขณะที่กำลังต้องการเงินหมุนเวียนเพิ่มจนต้องสูญสิ้นลูกค้าหมด และมีอีก 2 ราย ที่เสียค่าธรรมเนียมประมาณ 200,000 บาทโดยไม่ได้เงินกู้ ตามข้อมูลในแผ่น CD) ฯลฯ การที่ท่านได้ให้ฝ่ายกฎหมายของทางธนาคารพิจารณามาเป็นเวลานานและการที่ข้าพเจ้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมมาเกินกว่า 3 ปี แล้วท่านได้แต่ตอบมาสั้น ๆ ว่า หากธนาคารแห่งประเทศไทยพบหลักฐานว่า ธนาคารกสิกรไทย ฯ มีการกระทำที่อาจเข้าข่ายการปฏิบัติไม่ชอบด้วยกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงินภายใต้อำนาจหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว ธนาคารแห่งประเทศไทย จักได้พิจารณาดำเนินการตามควรแก่กรณีต่อไป ท่านคิดไหมว่าผู้ร้องเรียนจะรู้สึกอย่างไร การที่ข้าพเจ้าร้องเรียนแจ้งให้ทราบอย่างชัดเจนแล้วว่า กรณีที่ทางธนาคารกสิกรไทย ฯ โฆษณาว่า “บริการทุกระดับประทับใจ” แต่ในความเป็นจริงที่ข้าพเจ้าได้รับคือ “บริการเอารัดเอาเปรียบจนกว่าลูกค้าจะตาย” ตามกระทู้ที่ข้าพเจ้าได้ตั้งไว้ว่า “กลยุทธการบริการเอารัดเอาเปรียบจนกว่าลูกค้าจะตายของธนาคารกสิกรไทยที่ท่านควรทราบ” ซึ่งรวมทุก ๆ กระทู้ที่แตกออกไป มีคนอ่านกว่า 130,000 ครั้งได้ และเกือบทุกกระทู้ที่แตกออกไปก็ได้รับการยกขึ้นเป็นประเด็นร้อนสุด ๆ ในเว็บดังกล่าว หรือการลงข้อความในหนังสือรายงานประจำปีว่าธนาคารกสิกรไทย ฯ บริการโดยมีจริยธรรมและคุณธรรม แต่กลับทำตรงกันข้าม อย่างนี้ยังไม่ถือว่าธนาคารไม่ผิดสัญญาอีกหรือ ถ้าหากธนาคารกสิกรไทย ฯ เป็นธนาคารเถื่อนให้กู้ให้บริการนอกระบบและไม่มีโฆษณาเช่นนี้ ข้าพเจ้าก็คงจะไม่มีข้อสงสัยค้างคาใจหรือติดใจที่ต้องร้องเรียนอีกต่อไป
ปัจจุบันนี้ท่านคงทราบดีว่าประเทศไทยปกครองโดยอำนาจดำมืดเผด็จการ ไร้ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง รัฐบาลปัจจุบันนี้ก็มีรากเหง้ามาจากเผด็จการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ซึ่งไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ยิ่งการกระทำของรัฐบาลล่าสุดที่ผ่านมานี้ โดยเฉพาะกรณีการสั่งทหารมาเข่นฆ่าประชาชนมือเปล่าอย่างป่าเถื่อนโหด***มอำมหิตผิดมนุษย์มนาจนได้รับการตั้งฉายาว่า “รัฐบาลเผด็จการทรราชชาติชั่วมือเปื้อนเลือด” ข้าพเจ้าจึงไม่ประสงค์ให้ทางธนาคารแห่งประเทศไทยมีภาพลักษณ์เลวทรามต่ำช้าดังเช่นที่รัฐบาลเป็นอยู่นี้ การส่งเสริมให้ธนาคารต่าง ๆ เอารัดเอาเปรียบประชาชนจนเกินกว่าเหตุ เท่ากับเป็นการซ้ำเติมประชาชนให้ได้รับความเดือดร้อนเพิ่มขึ้นไปอีก โคลงกลอนและเพลงที่ข้าพเจ้าแต่งตามที่ได้แสดงในกระทู้นั้น เป็นการสะท้อนภาพให้เห็นได้เป็นอย่างดี หากท่านไม่ทำหน้าที่ที่ควรทำเพื่อรักษาภาพลักษณ์ที่ดีไว้ ต่อไปท่านจะมีความภาคภูมิใจได้หรือในฐานะผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยผู้ทรงเกียรติ หรือท่านต้องการให้มีคนประณามดังเช่นคุณนะฮะที่มาตอบกระทู้หนึ่งดังนี้


noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #4 เมื่อ: 17 ก.ย. 10, 23:42 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
นะฮะ
ระวังน้า คุณหนูเสี่ยปั้นKbank แบงค์ต่าง ๆ ทำเยี่ยงนี้ มีหรือที่เปตนรกอบายภูมิจะไม่ถามหา
http://webboard.news.sanook.com/forum/?topic=3008259.new#new


คุณ Jr......
คนพวกนี้..เขาไม่ได้นับถือศาสนาเหมือนกับคนทั่ว ๆ ไป....เขาจึงไม่เกรงกลัวนรก หรือบาปกรรมใด ๆ.....
แต่คนพวกนี้..เขานับถือ สตังค์ สรณัง คัจฉามิ.. .ต่างหากล่ะ......
คุณไปร้องที่แบ้งค์ชาติ หรือธนาคารแห่งประเทศไทย......
ผมก็ยังเห็นว่า....แบ้งค์ชาติ..นั่นแหละตัวดีเลยหละ.......
ผู้ว่าการแบ้งค์ชาติ นั้น เป็นประธานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาสถาบันการเงิน...อีกตำแหน่งหนึ่งด้วย...
และกองทุนฟื้นฟูฯก็ไปตั้งบสส. หรือบริษัทบริหารสินทรัพย์ชื่อต่าง ๆ ขึ้นมา...แล้ว บสส.เหล่านั้น..ก็ไปนำเอาสินทรัพย์ที่มีปัญหาจากธนาคารหรือสถาบันการเงินต่าง ๆ มาขูดรีด...ทุกวิถีทางเอาจากคนไทยตาดำ ๆ ที่เป็นลูกหนี้....ของธนาคารหรือสถาบันการเงินต่าง ๆ แล้วประสบเคราะห์กรรมทางเศรษฐกิจ...
บริษัทบริหารสินทรัพย์ฯ จึงมีสถานะเป็นสถาบันการเงินของรัฐ เพราะมีกระทรวงการคลังถือหุ้นทั้งหมด ..คณะกรรมการบอร์ดใหญ่ก็ได้แก่ปลัดกระทรวงการคลังและ อธิบดีฯต่าง ๆ ในกระทรวงการคลัง ส่วนผู้จัดการ หรือผองส่วนต่าง ๆ ก็คือ คนที่มาจากธนาคารแห่งประเทศไทยแทบทั้งสิ้น....
โดยหนี้สินที่ลูกหนี้คงค้างชำระ..ซึ่งอาจเหลือเพียง 25 % ของยอดเงินกู้เดิม แต่ลูกหนี้ต้องถูกบริษัทบริหารสินทรัพย์ฯขูดรีดไปสูงถึง 8-900 % ของหนี้ค้างชำระทีเดียว....
หากไม่ให้ก็จะถูกฟ้องขับไล่ให้โยกย้ายออกจากบ้านตนเอง.....หรืออาจถูกจับตัวจำขังฐานขัดคำสั่งศาลได้......
ปีศาจ...ทั้งน้าน....แหละคุณเอ้ย.......!!!!!!( อ้อ..ผู้ว่าแบ้งค์ชาติ กินเงินเดือน ๆ ละกว่า 2 ล้านบาท...ส่วนรองฯ หรือตำแหน่งอื่น ๆ ก็ลดหลั่นกันลงมา....แต่หากทำงานผิดพลาดทำให้ประเทศเจ้งบ้งเสียหายไปนับหลายแสนล้าน....ก็ไม่ต้องชดใช้ใด ๆ....เพราะไม่มีปัญญาชดใช้....)

ข้าพเจ้าขอยืนกรานในการร้องเรียนต่อไปจนกว่าท่านหรือท่านผู้ว่าการท่านใหม่จะให้ความเป็นธรรมทั้งการร้องเรียนเรื่องส่วนตัวและเรื่องส่วนรวม ขอให้ท่านกรุณามีคำสั่งการให้ส่วนงานหรือหน่วยที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ความร่วมมือในการช่วยแก้ไขปัญหาตามหนังสือร้องเรียนและ/หรือข้อมูลดังที่ปรากฏอยู่ใน CD ที่ข้าพเจ้ามอบให้ ข้าพเจ้าหวังว่าท่านจะกรุณาให้ได้คำตอบที่ชอบด้วยเหตุผลและชอบธรรมโดยเร็วด้วย

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #5 เมื่อ: 17 ก.ย. 10, 23:43 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
jrchai

ร้องKBank แกล้งเอาเปรียบมา5ปี+ร้องแบงค์ชาติและสคบ.กว่า3ปี+สนุก5เดือน เหมือนไร้ผล
http://webboard.news.sanook.com/forum/3140735
ตอบ #6 เมื่อ: 22 มิ.ย. 10, 13:34 น


ยังไม่จบเรื่องอีกหรอเนี้ย

ลองไปร้องเรียนที่หนังสือพิมพ์มั้งยัง ธนาคารหลายๆทนาคารก็พักพวกกันทั้งนั้น ตอนนี้ไม่ว่าจะกี่เสียงความเดือดร้อน มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว

ตอนนี้ มหาอำนาจ ครองเมือง คนมือเท้าครบ32 เดือดร้อนอย่าหวังว่ามันจะช่วย ขนาดคนพิการเดือดร้อนเรื่องอาชีพทำกินที่ถูกพักพวกกันแย่งอาชีพคน

พิการ มันยังไม่สนใจเลย ไล่ตะคลุบจับเข้าคุกหมด ประเทศไทยตอนีมีแต่พวกบ้าอำนาจ แย่ที่สุด

สู้มันต่อไปนะ


ขอบคุณครับ คุณ จขกท ที่มาร่วมแสดงความคิดเห็นและให้กำลังใจเป็นอย่างดี
เรื่องนี้คงอีกยาวนานครับกว่าจะจบ
เพราะพวกสันดานเจ้าพ่อมาเฟียแบงค์นั้นอิงกับอำนาจเผด็จการมืดดำที่ชั่วร้ายดังที่คุณทราบดี
ตราบใดที่บ้านเมืองปกครองโดยพวกโจรกบฏเผด็จการทรราชชาติชั่วมือเปื้อนเลือดไร้คุณธรรม
ซ้ำยังใจดำโหด***มอำมหิตบงการสั่งเข่นฆ่าประชาชนมือเปล่าอย่างเลือดเย็นที่สุด
รวมทั้งการตามล้างตามผลาญล่าสังหารใส่ร้ายป้ายสีคนดี ๆ อยู่เช่นนี้
คนดี ๆ ที่ไหนเขาจะยอม จึงต้องออกมาร่วมมือร่วมใจกันแสดงพลังเรียกร้องต่อสู้ต่อต้านให้ถึงที่สุด
จนกว่าจะได้ประชาธิปไตยอย่างแท้จริงและความเป็นธรรมกลับคืนมาด้วย

สำหรับเรื่องส่วนตัวผมนั้นเป็นเรื่องเล็กครับ แต่เรื่องส่วนรวมนั้นสำคัญกว่ามากมายนัก
ทางธนาคารเจ้าเล่ห์จะเสนอลดดอกเบี้ยเงินกู้ชดเชยความสูญเสียให้ 1 % คืนเงินที่หั่นไปโดยไม่ชอบธรรม
รวมทั้งคืนเงินค่าประเมินที่ดินที่บริษ้ท PROGRESS APPRAISAL ประเมินที่ต่ำกว่าความเป็นจริงมาก
และไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการเพราะสมรู้ร่วมคิดกับแบงค์กสิกรไทยเพื่อต้องการเอาเปรียบและปฏิเสธการกู้เงินเพิ่มจากหลักทรัพย์เดิม
โดยทางธนาคารมีเงื่อนไขให้หยุดร้องเรียนเรื่องทั้งหมดที่จะทำให้ธนาคารเสียหาย และไม่ขอกู้เพิ่มอีกต่อไป

ซึ่งผมทำไม่ได้เนื่องจากเรื่องส่วนตัวนั้น 2-3 เรื่ือง ตามที่เรียกร้องนั้น
เป็นสิ่งที่ทางธนาคารสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องรีบทำอยู่แล้ว
-การลดดอกเบี้ย 1 % นั้น จริง ๆ แล้ว ทุกธนาคารสมควรลดให้ผู้กู้ทั่วทั้งประเทศด้วยซ้ำไป
เพราะธนาคารเอาเปรียบจากการลดดอกเบี้ยเงินฝาก 0.5 %และเงินกู้ 0.25 % มา 3-4 ครั้ง รวม 0.75-1 % อยู่แล้ว
-ส่วนเงินที่หั่นไปโดยไม่ชอบธรรมนั้น ตราบใดที่ธนาคารไม่คืนให้
ก็ไม่สามารถที่จะโฆษณาว่าแบงค์มีคุณธรรมจริยธรรมอีกต่อไป
-เรื่องเงินค่าประเมินที่ดินที่จะเจรจาคืนให้แล้วให้ยุติเรื่องนั้น แต่ความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้ว
และเป็นส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบของสคบ.
-ส่วนการกู้เงินเพิ่มเติมที่แบงค์ปฏิเสธมาโดยตลอดนั้น ตอนนี้ผมสูญลูกค้าไปหมดแล้ว
และไม่มีแก่ใจที่จะคิดทำอะไรในตอนนี้เพราะมีรัฐบาลเผด็จการทรราชชาติชั่วมือเปื้อนเลือด
โคตรชั่วแสนห่วยแสนเลวทรามต่ำช้าหน้าด้านไร้ยางอาย
ถ้าหากวันข้างหน้าผมมีโครงการดี ๆ มาเสนอ ก็ควรพิจารณาด้วยเหตุด้วยผล
ไม่ใช่มาสั่งห้ามเสนอหรือหากเสนอครั้งเดียวไม่ผ่านก็ให้ยุติ
อย่างนี้เท่ากับแสดงว่าธนาคารชอบใช้อำนาจเผด็จการที่ไม่ชอบธรรม
สนองตามนโนบายกลั่นแกล้งเอาเปรียบลูกค้าอย่างสุด ๆ ดังที่เป็นอยู่ในขณะนี้
ซึ่งนับว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง


สำหรับเรื่องส่วนรวมนั้น เช่น
-การคืนเงินที่หักโดยมิชอบจากบัญชีกระแสรายวัน 100 บาทต่อเดือน
และ 50 บาทต่อเดือนจากบัญชีออมทรัพย์ และควรยกเลิกกฎนี้ทิ้งไปเสีย
-ส่วนต่างดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากมากเกินไป อย่างน้อยควรลดเงินกู้ลงอีก 1 %
-ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่ธนาคารเพิ่มเอาเองตามใจชอบแบบมัดมือชก
-บัตรเครดิต บัตร ATM
-เครื่องรับฝากเงินสดกินเงิน ตู้ ATM
-การใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกผู้กู้ให้เสียค่าธรรมเนียมเกินจำเป็น เสียค่าประเมินฟรีแล้วไม่อนุมัติ
เสียค่าประกันเพิ่มโดยใช่เหตุ ฯลฯ
-รวมทั้งเรื่องปลีกย่อมอีกมามายในแผ่น CD เช่น การให้บริการไม่ดี
การให้ข้อมูลไม่ชัดเจนทำให้ลูกค้าเสียหาย
การเอารัดเอาเปรียบลูกค้าอย่างหน้าด้าน ๆ ให้มากที่สุด
การสร้างความรำคาญขายโน่นขายนี่เพื่อสร้างยอดและผลงาน
การมีทัศนคติจิ้งจอกเจ้าเล่ห์โกหกหน้าตายไร้ยางอายไร้คุณธรรม ฯลฯ


noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #6 เมื่อ: 17 ก.ย. 10, 23:45 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
jrchai
ร้องKBank แกล้งเอาเปรียบมา5ปี+ร้องแบงค์ชาติและสคบ.กว่า3ปี+สนุก5เดือน เหมือนไร้ผล
http://webboard.news.sanook.com/forum/?topic=3140735.0;all
ตอบ #33 เมื่อ: 26 มิ.ย. 10, 11:01 น


ก็ในเมื่อคุณไม่สนใจอ่านกระทู้ที่ผมตั้ง แล้วยังมาแสดงความคิดเห็นเสมือนตาบอดคลำช้างเสียยืดยาว จะใช้ได้ที่ไหน คุณมัวแต่เดาสุ่มสี่สุ่มห้า ไร้ความเข้าใจในหลักการที่ถูกต้องของการเสนอความคิดเห็นขั้นพื้นฐาน ผมว่าเสียเวลาเปล่า หากคุณโหลดกระทู้ที่ผมแปะไว้ให้ไปอ่านศึกษา คำตอบจะมีอยู่ในนั้นมากมาย และมีสาระมากจนคุณอาจคาดไม่ถึงเสียด้วยซ้ำไป การที่ผมยอมเสียสละเวลามาตั้งกระทู้เพื่อให้คนรับรู้ความไม่ดีไม่งามและการเอารัดเอาเปรียบของแบงค์อย่างต่อเนื่องนั้น คุณเองก็น่าจะทราบดีว่า น่าจะมีผลดีผลร้ายอย่างไร ไม่เช่นนั้น คุณก็คงไม่เสียเวลามาตอบโต้สะเปะสะปะอย่างนี้หรอก
รูปแบบของคนที่มาโต้กับผมนั้นมีสารพัดอย่างซึ่งคุณสามารถหาอ่านได้ในกระทู้ที่ผมแนะนำ และอย่ามาดูถูกดูแคลนว่าเป็นการด่าไร้สาระเด็ดขาด แค่หัวข้อการร้องเรียนทั้งส่วนตัวและส่วนรวมนั้น ก็นับว่ากระทู้นี้เต็มไปด้วยสาระอยู่แล้ว ทำไมคุณไม่ลองโหลดมาอ่านและศึกษาดูล่ะ รับรองว่าจะเกิดประโยชน์อย่างแน่นอน

คุณคิดว่าเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ที่ผมได้เสนอไปเป็นเรื่องไร้สาระหรืออย่างไร
-การหัก 50-100 บาท/เดือน เป็นการเก็บค่ารักษาบัญชีที่ค้ากำไรเกินควรด้วยเจตนาจะล้างบัญชีจนลูกค้าตายจากไป เงินที่ดูดเลือดไปจากประชาชนเข้ากระเป๋าแบงค์ไปเป็นเงินเท่าไร นับไม่ถูก
-ส่วนต่างดอกเบี้ยมากเกินควร ส่วนหนึ่งมาหักค่าเสียหายใช้หนี้ที่แบงค์ทำเจ๊งเองตอนเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจ
แล้วเวลากำไร ทำไมแบงค์ไม่แบ่งคืนประชาชนหรือผู้ฝากเงินบ้างหรือไม่ เงินแค่ 0.5-1 % แบงค์ก็ได้เงินจำนวนมหาศาลแล้ว
-บัตรเอทีเอ็มขึ้นจาก 100 บาท เป็น 200 บาทแบบมัดมือชกด้วยความเจ้าเล่ห์แสนกลสารพัดที่งัดเอามาใช้ ฟาดกำไรเพิ่มไป 100 %
-ตู้รับฝากเงินสดกินเงินคราวละ 100 500 หรือ1000 บาท หากไม่ร้องเรียน เข้ากระเป๋าใคร หากมีหลายร้อยหลายพันตู้ จะเป็นเงินเท่าไร มีการตรวจสอบแก้ไขตู้ทั้งหมดให้มีสภาพดีแล้วหรือยัง รวมทั้งตู้เอทีเอ็มที่เสียในบางครั้งด้วย ร้องเรียนกว่าจะได้คืนยากลำบากมาก
-วันดีคืนดีเงินในบัญชีถูกอายัดเกลี้ยงทั้ง ๆ ที่ต้นเหตุมีแค่หนึ่งในสี่ ไม่มีวันคืน 3 ส่วนให้ แม้จะชี้แจงด้วยเหตุด้วยผลอย่างไรก็ไม่รับฟัง
-อยู่ดี ๆ เรื่องยังไม่สิ้นสุด ก็มาขอให้เขียนหนังสือยอมให้หักเงินในบัญชีหมุนเวียนไปครึ่งหนึ่ง ในขณะที่มีเงินเหลืออยู่น้อยมากอยู่แล้ว
-เงินประกันอัคคีภัยยังทำเกินกว่าเงินกู้ถึง 7 เท่า ก็ทำมาแล้ว บ้านที่อยู่เฉย ๆ ก็ทำแบบประกันธุรกิจเสียเกินจริงกว่า 10 ปี ทำประกันเกินยอดที่กู้แบบจำยอม
-สมรู้ร่วมคิดกับบริษัทประเมินหลักทรัพย์ ในอดีตเจอแบงค์ทำเองประเมินต่ำติดดินอย่างไร ปัจจุบันก็เฉกเช่นเดียวกัน เอาเปรียบอย่างสุด ๆ
-ยึดหลักทรัพย์ลูกค้า แล้วขายทอดตลาดเอง ประเมินเองต่ำ ๆ ขายได้เงินทุนคืน แล้วยังมาทวงหนี้เท่าเดิมอีก
-หลอกลูกค้าเสียค่าประเมินค่าใช้จ่ายฟรีโดยไม่แจ้งให้ทราบว่า แบงค์ประเมินได้มากน้อยเพียงไรไม่สามารถให้กู้ได้ ใช้กฎที่ไร้ความเป็นธรรม
-บวกดอกเบี้ยบัญชีใหม่มากกว่าบัญชีเดิมถึง 1.75 เป็นปี ๆ หากไม่รู้ไม่ทักท้วง ก็ต้องจ่ายไปเรื่อย ๆ
-เงินกู้ผ่อนหมด ไม่ปรับเป็นโอดีให้ตามสัญญาถึง 2 ครั้ง ต้องทักท้วงจึงจะได้ ฯลฯ

-การยอมพวกโจรกบฏรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นรัฐาธิปัตย์
-รัฐบาลไม่ได้มาจากเสียงส่วนใหญ่ของประเทศ แต่งตั้งกันเองโดยการบีบบังคับ ไร้ความชอบธรรม
-รัฐบาลและผู้บงการเข่นฆ่าประชาชนมือเปล่า ทั้ง ๆ ที่ในสงครามเขายังยกเว้น
-ตุลาการยอมรับโจรกบฏรัฐประประหาร ไม่สามารถฟ้องร้องได้ ไร้ความเป็นธรรมจนได้รับฉายาตุลาการวิบัติ ฯลฯ


ฉะนั้น คราวหน้าคราวหลัง อย่าได้มาติเรือทั้งโกลนโดยไม่ดูตาม้าตาเรือให้ดีเสียก่อนจะดีกว่า หากไม่รู้จริงก็น่าจะเจียมตัวสักนิดก็ยังดี เรื่องบัตรเครดิตนั้นก็อิงกับบัญชีแบงค์อยู่และผมไม่เคยมีปัญหาใด ๆ ทั้งสิ้นตลอดกว่า 21 ปีที่เปิดบัญชีมา ไม่เชื่อก็ถามแบงค์ดูได้ อย่ามาเนียนอิงแอบเข้าข้างแบงค์และดิสเครดิตผมจะดีกว่า โคลงกลอนต่าง ๆ นั้น ผมกลั่นออกมาจากใจตามความเป็นจริง น่าจะแสดงให้เห็นชัดแล้วนะครับทุกวันนี้ ใคร ๆ เขาก็รู้กันว่าโจรครองเมือง ตุลาการวิบัติ รัฐบาลฆาตกรมือเปื้อนเลือด ความเป็นธรรมแทบหาไม่ได้ ยิ่งมาเจอแบงค์สันดานชั่วอีก ใครจะรับไหว ก็ต้องมาประจานให้เพื่อน ๆ ที่คิดเหมือนกันได้รับรู้เพื่อช่วยกันต่อสู้ต่อต้านให้ถึงที่สุด หรือคุณจะยอมเป็นขี้ข้าพวกชั่วช้าสารเลวเหล่านี้ ให้กระทำการย่ำยีโกงกินตามอำเภอใจ จนบ้านเมืองฉิบหายตำตาตำใจอีกต่อไปโดยไม่ทำอะไรบ้างเลยหรือ ช่วยตอบผมให้ชื่นใจสักนิดก็ยังดี

******************************************************

ขอแนะนำกระทู้ที่รวมเอาความคิดเห็นสำคัญ ๆ
จากกระทู้ต่าง ๆ หลายสิบกระทู้ที่แตกออกไปมารวมกัน
ท่านที่สนใจสามารถที่จะดาวน์โหลดได้ จากลิ้งค์ที่ให้ไว้ข้างล่างนี้ครับ
ใช้โปรแกรม winrar แตกไฟล์ จะได้ 13 แฟ้ม
แฟ้มที่ 1-12 ต้องใช้โปรแกรม OPERA ที่ว่างเปล่า ไม่มีการเปิดเว็บใด ๆ ค้างไว้ จึงจะเปิดได้
(โหลด opera ฟรีได้จากลิ้งค์นี้ครับ
http://www.opera.com/download/)

ส่วน แฟ้มที่ 13 นั้น เปิดโดย browser ใด ๆ ก็ได้

กลยุทธการบริการเอารัดเอาเปรียบจนกว่าลูกค้าจะตายของธนาคารกสิกรไทยที่ท่าน
ควรทราบ
http://www.mediafire.com/?oiynzncah3m#2


noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #7 เมื่อ: 17 ก.ย. 10, 23:47 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
กระทู้นี้โดนมือร้ายลบอีกแล้วครับ ?
ประกาศ ! กระทู้ KBank และ... ที่โดนลบ
ได้ เขียนใส่ CD ส่งถึงผู้ว่าการแบงค์ชาติเรียบร้อยแล้ว
http://webboard.news.sanook.com/forum/?topic=3055870
(กระทู้นี้เคยได้รับการเลือกเป็นกระทู้แนะนำโดยสมาชิก
แล้วก็โดนปลดออกตามที่ผมเอ่ยไว้ข้างบนนี้)


สนใจอ่านกระทู้ที่มีสาระและป็นประโยชน์ประกอบกระทู้นี้ได้เป็นอย่างดี ดาวโหลดได้จากที่นี่ครับ

ประกาศ กระทู้ KBank แตกไฟล์ได้ 2 แฟ้มครับ
http://www.mediafire.com/?nkymnkrzk5d#2

โหลดแฟ้มเต็มครบถ้วนแฟ้มเดียวได้ที่นี่ แต่ต้องใช้โปรแกรม OPERA เปิดครับ
http://www.mediafire.com/?jthihnzfnzj



jrchai
Level 11
ความคิดเห็น: 1,368

ประกาศ ! กระทู้ KBank และ... ที่โดนลบ
ได้เขียนใส่ CD ส่งถึงผู้ว่าการแบงค์ชาติเรียบร้อยแล้ว
เมื่อ: 11 มี.ค. 10, 20:42 น


วันนี้ผมถือว่าเป็น โอกาสอันดีที่จะประกาศแจ้งให้เพื่อนสมาชิกทั้งหลายได้ทราบว่า
กระทู้ ต่าง ๆ ในเว็บบอร์ดสนุกที่ผมตั้งมารวมมากกว่า 40 กระทู้ ตั้งแต่วันที่ 27-10-52 เป็นต้นมา
แม้ว่าจะถูกร้องเรียนให้ลบความคิดเห็นจนหมดเกลี้ยง ไปแล้วโดยไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงก็ตาม
แต่โชคยังดีที่ผมได้ทำสำเนาไว้ เกือบครบหมดทุกความคิดเห็นก่อนหน้าที่จะโดนลบรวมประมาณ 243 MB
จึงได้ ตัดสินใจทำการเขียนใส่แผ่น CD ส่งถึงผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยถึงที่ด้วยตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
พร้อม ทั้งแนบเอกสารข้อเท็จจริงอ้างอิงประกอบกระทู้ที่ตั้งต่าง ๆ หลายฉบับด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น
หนังสือที่ส่งให้สคบ.หลังจากการเจรจาไกล่เกลี่ยที่ไม่ เป็นผลกับธนาคารกสิกรไทยเมื่อวันที่ 11-02-53
ข้อมูลการประเมินที่ต่ำ กว่าความเป็นจริงมากของบริษัทประเมินทรัพย์สิน PROGRESS APPRAISAL
หนังสือ ตอบจากสมาคมธนาคารไทยกรณีการหักเงิน 50-100 บาท โดยมีเจตนาจะล้างบัญชีอย่างไม่เป็นธรรม
หนังสือการเอาเปรียบด้านการ ประเมินค่าประกันอัคคีภัยล่าสุด 2 ครั้ง
หนังสือรายละเอียดข้อมูลที่ส่ง ให้กับบริษัทข้อมูลเครดิตในรอบปีที่ผ่านมา
ที่แสดงยอดคงเหลือ ณ สิ้นเดือน บัตรเครดิตกสิกรไทย มากกว่าจริงเท่าตัว โดยไม่ทราบเหตุผล ฯลฯ
นอก จากนี้ผมยังได้ทำหนังสือร้องเรียนเพิ่มเติมถึงผู้ว่าการฯ ด้วยอีกฉบับหนึ่งเพื่อทวงคำตอบจากท่าน
ตามหนังสือที่ได้ร้องเรียนก่อน หน้านี้ให้ตรวจสอบกรรมการบริหารธนาคารกสิกรไทยเมื่อวันที่ 23-12-52
โดย อ้างกระทู้ที่ตั้งในเว็บข่าวสนุกประกอบการร้องเรียนเหมือนเช่นการร้องเรียน ในครั้งนี้
เจ้าหน้าที่ได้เซ็นรับเรื่องไว้เป็นที่เรียบร้อย ส่วนเจ้าหน้าที่ท่านใหม่ที่รับเรื่องแจ้งให้ทราบว่า
ได้ติดต่อนัดกับทาง ธนาคารให้มาร่วมเจรจา 3 ฝ่าย คล้ายที่ได้ทำที่สคบ.แล้วไม่ประสบผลสำเร็จ
โดย ให้สัญญาว่าจะให้คำตอบในวันที่ 17 นี้ เพื่อกำหนดวันนัดที่แท้จริงอีกทีหนึ่ง (หวังว่าจะไม่เหมือนครั้งที่แล้ว)
ส่วน สาเหตุที่ทางแบงค์ชาติไม่ตอบหนังสือที่ร้องเรียนทั้ง ๆ ที่ผ่านมาเดือนกว่าแล้ว เจ้าหน้าที่ท่านนี้ไม่สามารถตอบได้
(ปกติควรจะ ต้องมีคำตอบให้ใน 15 วัน แม้ว่าจะโทรทวงถามคำตอบทุกอาทิตย์
แต่ก็มีแต่ การปัดโยนไปโน่นนี่แทน)

ในครั้งนี้ ผมขออนุญาตโพสต์เพื่อประกาศแจ้งให้เพื่อนสมาชิกทราบอย่างเป็นทางการ
แต่ ไม่ปรารถนาจะโต้ตอบหรือโพสต์ข้อความเพิ่มโดยไม่จำเป็นแต่อย่างไร
เพราะ เกรงว่ากระทู้อาจจะโดนลบหรือล็อกอีกโดยไม่มีเหตุผลเพียงพอและไม่เป็นธรรมดัง เช่นครั้งก่อน
(ลบเฉพาะความคิดเห็นผู้ตั้งกระทู้ แต่คงความคิดเห็นของผู้อ่านไว้)


กระทู้โปรดที่ โพสต์ถึงวันที่ 27-02-53




noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #8 เมื่อ: 17 ก.ย. 10, 23:52 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ขอแนะนำกระทู้ข้อเท็จจริงจากการเป็นลูกค้าธนาคารกสิกรไทย(และธนาคารต่าง ๆ)
ซึ่งได้รวบรวมเอาความคิดเห็นสำคัญ ๆ เกี่ยวกับการเอาเปรียบประชาชนอย่างไม่เป็นธรรม
จากกระทู้ต่าง ๆ หลายสิบกระทู้ที่แตกออกไปจากกระทู้หลักนี้มารวมกัน
รวมทั้งตัวอย่างกระทู้ที่สำคัญ ๆ ที่อ้างอิงในกระทู้นี้มาเป็นเครื่องยืนยันถึง
มาตรฐานกระบวนการยุติธรรม จริยธรรมและคุณธรรมในสังคมและการเมืองไทยนั้น
ช่างหาได้ยากเย็นแสนเข็ญเสียจริง ๆ

ท่านที่สนใจสามารถที่จะดาวน์โหลดได้จากลิ้งค์ที่ให้ไว้ข้างล่างนี้ครับ
ใช้โปรแกรม winrar แตกไฟล์ที่ดาวน์โหลดมา จะได้ 13 แฟ้ม
แฟ้มที่ 1-12 ต้องใช้โปรแกรม OPERA ที่ว่างเปล่า ไม่มีการเปิดเว็บใด ๆ ค้างไว้ จึงจะเปิดได้
ส่วนแฟ้มที่ 13 นั้น เปิดโดย browser ใด ๆ ก็ได้

(ดาวน์โหลด Opera 10.61 web browser ฟรี สำหรับเปิดแฟ้ม
http://www.opera.com/)

กลยุทธการบริการเอารัดเอาเปรียบจนกว่าลูกค้าจะตายของธนาคารกสิกรไทยที่ท่าน
ควรทราบ
http://www.mediafire.com/?oiynzncah3m#2
หรือ
กลยุทธการเอาเปรียบของกสิกรไทย.zip (มี 13 แฟ้ม)
15.87 MB
http://www.mediafire.com/?mcyy643cvo14l28

ประกาศ ! กระทู้ KBank และ... ที่โดนลบ ได้เขียนใส่ CD ส่งถึงผู้ว่าการแบงค์ชาติเรียบร้อยแล้ว.mht
7.53 MB
http://www.mediafire.com/?jthihnzfnzj
หรือ
http://www.mediafire.com/?861huy8nbua0at0

ระวังน้า คุณหนูเสี่ยปั้นKbank แบงค์ต่าง ๆ ทำเยี่ยงนี้ มีหรือที่เปตนรกอบายภูมิจะไม่ถามหา
ระวังน้าคุณหนูเสี่ยปั้น.rar
131.7 KB
http://www.mediafire.com/?aust89gx6vjz9u0

เทวดามีจริงหรือ - ฉีกหน้ากากเทวดา+คลิปตาสว่าง+กระทู้แนะนำโดยสมาชิก
(มีลิ้งค์ดาวน์โหลดหนังสือธรรมะที่ขึ้นชื่อหลายเล่มด้วยกันในกระทู้นี้
และเป็นกระทู้สุดท้ายก่อนหยุดการตั้งกระทู้และการโพสต์ไปร่วม 2 เดือนได้
เป็นกระทู้ที่มีคนเข้าชมกว่า 10000 ครั้ง ซึ่งถือว่าฮ็อตสุด ๆ กระทู้หนึ่งเลยทีเดียว)
เทวดามีจริงหรือ.rar
5.86 MB
http://www.mediafire.com/?y0hh9fttmln9yyx

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #9 เมื่อ: 17 ก.ย. 10, 23:55 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ขอแนะนำกระทู้พวกสันดานแบงค์ที่ชอบเอาเปรียบประชาชนนี้ด้วยครับ

คุณหนูเสี่ยปั้นปั้นหน้าตายปฏิเสธลั่นไม่ยุ่งการเมือง
แต่เรื่องทำนาบนหลังคนถนัดนัก

http://webboard.news.sanook.com/forum/3170256_คุณหนูเสี่ยปั้นปั้นหน้าตายปฏิเสธลั่นไม่ยุ่งการเมือง_แต่เรื่องทำนาบนหลังคนถน.html


กรณ์สวนหมัดเสี่ยปั้น แนะเลิกฟันส่วนต่าง ดบ.บนหลัง ปชช.
http://www.jjthai.net/articles/43


กรณ์ สวนกลับ บัณฑูร ยันให้เสียสละหั่น สเปรด ดบ.กู้-ฝาก เพราะต้องการให้มีส่วนร่วมกันรับผิดชอบสังคม ตอกแบงก์พาณิชย์ ลดส่วนต่าง ดบ.กู้-ฝากให้ลูกค้าได้เองอยู่แล้ว เพราะคุมส่วนแบ่งการตลาด ไม่ต้องไขสือรอแบงก์รัฐชี้นำ ส่วนข้อเสนอให้หารือแบงก์ชาติ แทรกแซงอัตรา ดบ.นั้น ขอรับไว้พิจารณา "วิโรจน์" แฉที่มาส่วนต่างดอกเบี้ยถ่าง พบขูดรีดสูงถึง 5% เพราะแบงก์เอาต้นทุนนำส่งกองทุนฟื้นฟู-ค่าบริหารหนี้เสีย นำมาหักดอกเบี้ยฝาก-โปะใส่ดอกเบี้ยกู้ แนะเลิกโยนความรับผิดชอบต้นทุนตังเองเป็นภาระให้ลูกค้า

วันนี้ 22 มกราคม 2552 นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่สถาบันการเงินเอกชน แนะนำให้ธนาคารของรัฐนำร่องลดช่องว่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงิน ฝาก (สเปรด) โดยระบุว่า ส่วนแบ่งทางการตลาดส่วนใหญ่นั้นเป็นของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งสถาบันการเงินเอกชนควรลดช่องว่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และเงินฝากได้เลย ไม่ต้องรอธนาคารของรัฐ และการริเริ่มหลัก ควรมาจากธนาคารพาณิชย์เอง

"กรณี สเปรดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในระบบธนาคาร ผมมองว่ายังมีส่วนต่างสูงเกินไป และต้องการเรียกร้องให้ธนาคารพาณิชย์ ร่วมมือในการปรับลดส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยลงอีก เพราะเห็นว่า สถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทุกฝ่ายควรต้องช่วยกันรับผิดชอบต่อสังคม และทำในสิ่งที่คิดว่าจะช่วยได้"

รม ว.คลัง ยืนยันว่า สิ่งที่ได้นำเสนอไปเป็นเพียงการตั้งข้อสังเกตุ เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์กำหนด สเปรดระหว่างดอกเบี้ยเงินกู้ และเงินฝากให้เกิดความเหมาะสม เพราะมองว่าหากธนาคารพาณิชย์กำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไว้สูง และมีผลทำให้สเปรดของดอกเบี้ยเงินกู้ และเงินฝากห่างกันมาก ท้ายที่สุดแล้วจะมีผลกระทบกับลูกค้าของธนาคาร และในระยะยาวอาจจะกระทบมาถึงธนาคารเองด้วย

นายกรณ์ ยังกล่าวถึงแนวคิดที่ธนาคารพาณิชย์ ต้องการให้กระทรวงการคลังหารือกับทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อแทรกแซงอัตราดอกเบี้ยนั้น ตนเองคงจะรับไว้ เพื่อพิจารณา ส่วนมาตรการกระตุ้นธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์จะเป็นการช่วยเหลือการจ้างงาน และธุรกิจภาควัตถุดิบ ส่วนกรณีที่อุตสาหกรรมอื่นต้องการให้รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือนั้น คงต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมก่อน

สำหรับข้อเสนอของนายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ที่ต้องการให้ธนาคารของรัฐเป็นฝ่ายนำร่องลดดอกเบี้ย หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงนั้น รมว.คลัง กล่าวว่า ธนาคารของรัฐมีบทบาทสำคัญในการดูแลประชาชนและลูกค้าอยู่แล้ว และส่วนแบ่งการตลาดส่วนใหญ่กว่า 80% จะอยู่ที่ธนาคารพาณิชย์

สำหรับ ผลประกอบการปี 2551 ของธนาคารพาณิชย์ที่แจ้งตลาดหลักทรัพย์ 11 แห่ง ปรากฎว่า มีกำไรสุทธิ 8 หมื่นล้าน หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 7.5 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 1,458% ธนาคารที่มีผลประกอบการเพิ่มขึ้นมากสุดเมื่อเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์คือ ธนาคารหลวงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารทหารไทย ตามลำดับ ส่วนธนาคารกสิกรไทยกำไรทั้งสิ้น 1.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1.75% ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ 7%


นาย วิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการทำธุรกิจของธนาคารพาณิชย์ในปัจจุบัน โดยยืนยันว่า มีการเอาเปรียบลูกค้าทั้งลูกค้าเงินฝากและลูกค้าเงินกู้ เห็นได้จากส่วนต่างดอกเบี้ย ที่สูงกว่าธนาคารพาณิชย์ในต่างประเทศ โดยปัจจุบันส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 5% สูงเป็นอันดับ 2 ในประเทศอาเซียน เป็นรองแค่อินโดนีเซียเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ธนาคารพาณิชย์ไทย มักอ้างว่าได้ส่วนต่างดอกเบี้ยแค่ 2.5% เท่านั้น อีก 2.5% ที่เหลือเป็นต้นทุนการบริหารงาน เรื่องดังกล่าว ตนถือว่าไม่เป็นธรรม ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย เพราะธนาคารไม่จูงใจให้ผู้ฝากเกิดการออม ส่วนผู้ประกอบการต้องแบกรับต้นทุนจากดอกเบี้ยเงินกู้ที่แพง

นาย วิโรจน์ ระบุว่า ต้นทุนการบริหารงานในความหมายของแบงก์ คือ การรวมเอาเงินนำส่งเงินกองทุนฟื้นฟู 0.4% กับค่าบริหารหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) อีก 0.8-1.0% การนำสองส่วนนี้มารีดจากดอกเบี้ยถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะสองส่วนดังกล่าวโดยเฉพาะค่าบริหารเอ็นพีแอลถือเป็นความรับผิดชอบของ แบงก์ หากเกิดหนี้เสียสิ่งที่ต้องทำคือการเพิ่มทุน แต่แบงก์ไม่ยอมเพิ่มทุน

นาย วิโรจน์ กล่าวสรุปทิ้งท้ายว่า หากธนาคารไม่นำเงินนำส่งเงินกองทุนฟื้นฟู กับค่าบริหารหนี้เสียมารวมเป็นต้นทุน ดอกเบี้ยลูกค้าเงินกู้ในปัจจุบันลงได้ประมาณ 0.5% ส่วนผู้ฝากเงินก็จะได้ผลตอบแทนดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีก 0.4%



noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #10 เมื่อ: 17 ก.ย. 10, 23:57 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ธปท.สั่งเลิกเก็บค่าต๋งข้ามเขต
http://www.thairath.co.th/content/eco/108909


ธปท. เตรียมขอความร่วมมือแบงก์พาณิชย์ยกเลิก เก็บค่าธรรมเนียมข้ามเขต โดยจะพิจารณาให้เก็บค่าธรรมเนียมส่วนอื่นเพิ่ม...

ผู้สื่อข่าวรายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า วันที่ 9 ก.ย.นี้ นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธปท. จะเชิญผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งที่มีอำนาจตัดสินใจได้ มาหารือ โดย ธปท.จะขอความร่วมมือให้ธนาคารพาณิชย์ ยกเลิกเก็บค่าธรรมเนียม (ฟี) บริการทางการเงินข้ามเขต (กรุงเทพฯปริมณฑล-ต่างจังหวัด) ทุกประเภทที่เรียกเก็บในปัจจุบัน ซึ่ง ธปท.ประเมินว่า จะทำให้รายได้ของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบลดลง 7,000-10,000 ล้านบาทต่อปี แต่ธนาคารพาณิชย์ประเมินว่ารายได้จะหายไป 10,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงแต่ ธนาคารพาณิชย์จะหารายได้ค่าธรรมเนียมทดแทนในส่วนที่ ให้บริการธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวกับเงินสดและเช็คได้เป็นการแลกเปลี่ยน โดยวันที่ 9 ก.ย.นี้ ธปท.จะพิจารณารายละเอียดที่ธนาคารพาณิชย์จะเสนอมาว่า จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมส่วนใดเพิ่มเติม โดยมุ่งในธุรกรรมที่ไม่เคยเก็บมาก่อน แต่มีต้นทุนการให้บริการสูง ซึ่งจะต้องพิสูจน์และชี้แจงต้นทุนให้ชัดเจน รวมถึงไม่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนเกินไป

สำหรับค่าบริการที่จะขอให้ยกเลิกแบ่งเป็น 1.บริการฝากและถอนเงินข้ามเขต ทั้งผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารและตู้เอทีเอ็ม ปัจจุบันเรียกหน้าเคาน์เตอร์หมื่นละ 10 บาท และมีค่าต่อคู่สายอีก 20 บาทต่อครั้ง คิดค่าธรรมเนียมสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาทต่อครั้ง ขณะที่การฝากเงินและถอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็มคิดครั้งละ 20-25 บาท 2.การโอนเงินข้ามเขตผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารและตู้เอทีเอ็มคิดเฉลี่ยที่ 10-50 บาทต่อครั้งแล้วแต่วงเงิน สำหรับการโอนเงินข้ามเขตข้ามบัญชีข้ามธนาคารไม่เกิน 100,000 บาท เก็บ 12 บาท มากกว่า 100,000-500,000 บาท เก็บ 40 บาท และมากกว่า 500,000 บาท แต่ไม่เกิน 2 ล้านบาท เก็บ 100 บาท 3.บริการเช็คข้ามเขตเก็บหมื่นละ 10 บาท 4.การโอนเงินระบบบาทเน็ตสำหรับรายย่อย.


***************************************************

http://www.thairath.co.th/content/eco/109773


noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #11 เมื่อ: 17 ก.ย. 10, 23:59 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ผลสรุป ธปท. หารือ ธนาคารพานิชย์ ยอมลดค่าธรรมเนียม 1 รายการ
http://news.sanook.com/965351-ผลสรุป-ธปท.-หารือ-ธนาคารพานิชย์-ยอมลดค่าธรรมเนียม-1-รายการ




ผลหารือ ธปท. กับธนาคารพานิชย์ สรุปลดค่าธรรมเนียมเพียงหนึ่งรายการ คือ การโอนเงินระหว่างบัญชีข้าม ธนาคารเหลืออัตราเดียว คือ โอนเงินไม่เกิน 2 ล้านบาท คิดอัตรา 12 บาทต่อรายการ ธปท.ยันเดินหน้าต่อไป

นายฉิม ตันติยาสวัสดิกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท.สายระบบข้อสนเทศ ฝ่ายระบบการชำระเงิน เปิดเผย ผลหารือระหว่างผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์ไทย 17 แห่ง ธปท. สายเสถียรภาพระบบการชำระเงิน เรื่องการปรับลดค่าธรรมเนียมการให้บริการทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ ว่า ในการประชุมครั้งนี้ ค่าธรรมเนียมการให้บริการทางการเงินที่สามารถตกลงกันได้ว่าจะยกเลิกการเก็บ ค่าธรรมเนียมมี 1 รายการคือ การโอนเงินระหว่างบัญชีข้ามธนาคาร ที่เคาน์เตอร์ธนาคาร (Bulk Payment Credit) ซึ่งในขณะนี้คิดอัตราค่าธรรมเนียม กรณีไม่เกิน 100,000 บาท คิดค่าธรรมเนียม 12 บาท กรณีมากกว่า 100,000 บาท แต่ไม่เกิน 500,000 บาท คิดอัตรา 40 บาท และกรณีมากกว่า 500,000 บาท แต่ไม่เกิน 2 ล้านบาท คิด 100 บาท โดย ภายในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ ทุกแห่งพร้อมจะลดค่าธรรมเนียมการโอนเงินระหว่างบัญชีข้าม ธนาคารเหลืออัตราเดียว คือ โอนเงินไม่เกิน 2 ล้านบาท คิดอัตรา 12 บาทต่อรายการ

แต่ขอเรียกร้องของ ธปท.ได้ขอให้ธนาคารพาณิชย์พิจารณาการยกเลิกการเก็บค่าธรรมเนียมการให้บริการ ทางการเงินข้ามเขต ( กรุงเทพปริมณฑล กับต่างจังหวัด) อีก 3 รายการ อันประกอบด้วย 1.ค่าธรรมเนียมการฝากถอนข้ามเขต ทั้งบัญชีออมทรัพย์และบัญชีกระแสรายวัน ที่เคาน์เตอร์ธนาคาร 2.ค่าธรรมเนียมขึ้นเงินเช็คข้ามเขต 3.การโอนเงินข้ามธนาคารผ่านตู้เอทีเอ็ม (ORFT) ยังไม่สามารถตกลงกันได้ แต่ขอยืนยันว่าทั้ง 3 รายการยังเป็นเป้าหมายที่ทาง ธปท. จะพยายามต่อไป


********************************************

สันดานแบงค์จอมเขี้ยว จอมเอารัดเอาเปรียบ ย่อมเป็นเช่นนี้เอง
หากนายกรณ์และแบงค์ชาติมีน้ำยาและเข้าข้างประชาชนจริง
คงไม่ปล่อยให้ส่วนต่างดอกเบี้ยเงินฝาก-กู้ห่างกันมากเช่นนี้
รวมทั้งค่าธรรมแบบมัดมือชกให้อยู่ในเงื้อมมือมาเฟียแบงค์หรอก
สมแล้วที่คุณนะฮะว่า "ปีศาจทั้งนั้นแหละ คุณเอ๋ย"
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #12 เมื่อ: 18 ก.ย. 10, 00:00 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ธนาคาร กสิกรไทย (หรือแบงคฺ์ต่าง ๆ) จงอย่าได้เป็น"แบงค์ที่ทำนาบนหลังคน"อีกต่อไปเลย
เมื่อ: 23 พ.ย. 09, 10:05 น
(กระทู้ฮ็อตสุด ๆ กระทู้หนึ่งที่ท่านไม่ควรพลาด
สามารถดาวน์โหลดได้ที่ลิ้งค์นี้ครับ แตกได้ 4 แฟ้ม
KBank-อย่าทำนาบนหลังคน.rar (235.55 KB)
http://www.mediafire.com/?3sy834gas5f6pei )


ตอนที่ 10
ธนาคารกสิกรไทย จงอย่าได้เป็น"แบงค์ที่ทำนาบนหลังคน" อีกต่อไปเลย


จากการตั้งกระทู้ เกี่ยวกับธนาคารกสิกรไทยตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2552
จนถึงวันนี้รวม ทั้งหมด 9 กระทู้ ตามลิ้งค์ข้างล่างนี้
รวมทั้งภาพประกอบจำนวนผู้อ่าน และตอบ ถือว่าเป็นที่น่าพอใจพอสมควร
ผมจึงได้รวบรวมมาตั้งกระทู้นี้ขึ้น โดยหวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจ
เพื่อที่จะได้นำเอาข้อคิดเห็น ต่าง ๆ ที่ได้แสดงไว้ในกระทู้เหล่านี้มาใช้ให้เป็นประโยชน์
ในการปรับ ปรุงการให้บริการของธนาคารต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
ผมหวังว่าธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)
สมาคม ธนาคารไทย 1111 กระทรวงการคลัง และรัฐบาล
ควรจะได้เอาใจใส่ในการควบคุม การให้บริการของธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ
เพื่อไม่ให้ตั้งกฎ กติกา สัญญา ฯลฯ ที่เอารัดเอาเปรียบประชาชนหรือลูกค้าธนาคารเกินไป
ดังหัวข้อตอนที่ 1-9 ที่ผมได้ตั้งขึ้นจากประสบการณ์และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
ผมจึงนำมา สรุปเป็นตอนที่ 10 นี้ ว่า

ธนาคารกสิกรไทย แบงค์พาณิชย์ และสมาคมธนาคารไทย
จงอย่าได้มีนโยบายทำนาบนหลังคนอีกต่อไปเลย



ชื่อกระทู้ขอให้เครดิต คุณ nano ที่ได้ให้ความคิดเห็นนี้ไว้ครับ

nano

กสิกรไทย "บริการห้ำหั่นอายัดเงินจนเกลี้ยงอย่างไร้ความยุติธรรม"
ตอบ #5 เมื่อ: วันนี้ 08:59 น
แก้ไข ลบทิ้ง

ชื่อเขาคือ กสิกรแบงค์ คือแบงค์ที่ทำนาบนหลังคน


******************************************

jrchai
Level 4
ความ คิดเห็น: 156


กสิกรไทย "บริการห้ำหั่นอายัดเงินจนเกลี้ยงอย่างไร้ความยุติธรรม"
ตอบ #6 เมื่อ: วันนี้ 14:17 น

คุณ nano คิดคำได้เจ๋งจริง ๆ
ขอบคุณครับ

******************************
จากกระทู้
กสิกร ไทย "บริการห้ำหั่นอายัดเงินจนเกลี้ยงอย่างไร้ความยุติธรรม"
http://webboard.news.sanook.com/forum/2976618


noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #13 เมื่อ: 18 ก.ย. 10, 00:02 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ทำนาบนหลังคน
http://www.classifiedthai.com/content.php?article=3310


หมายถึงคนที่คิดหาผลกำไรหรือหาผลประโยชน์ใส่ตน
ด้วยวิธีเบียดเบียนหรือรีดนาทาเร้นเอาจากน้ำพักน้ำแรงของผู้อื่นโดยขาดความเมตตา
เช่น ให้กู้เงินแล้วเรียกดอกเบี้ยแพง ๆ หรือกว้านซื้อข้าวจากชาวนาในราคาถูก ๆ
เพื่อเอามาค้าหากำไร

โดยเหตุที่การทำนาของคนไทยในสมัยโบราณจัดว่า เป็นอาชีพหลักและสำคัญ
ส่วนใหญ่โบราณจึงเอาเรื่อง “ทำนา” มาผูกเป็นสำนวน
ความหมายทำนองเดียวกับ “รีดเลือด กับปู” ก็ได้

เครดิต thaiidiom.kapook.com

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขอให้เครดิตคำว่าตัวเหลือบ ตัวปลิง จากสมณะท่านนี้ครับ

สมณะเด็ดขาด จิตตสันโต
http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Sanasoke/SA247/s247_76.html

เดินตามรอยพ่อ
อนิจจัง ชีวิต


ทางครอบครัว คงคิดว่า ข้าพเจ้าเบื่องานธนาคาร ข้าพเจ้าจึงได้เปรยว่า "จะไปบวช"
เพราะที่ทำงานก็มีการเอารัดเอาเปรียบกันมาก
แม้จะเป็นงานที่ใครๆ เขาอยากจะเข้าไปทำงานธนาคารก็ตาม
ช่องทางการเอาเปรียบผู้ฝาก ผู้กู้ มันมีอยู่แล้ว
----------------------------------------------------
----------------------------------------------------
ข้าพเจ้าได้ฟัง ก็ยิ่งเกิดความศรัทธายิ่งขึ้น
จิตใจยิ่งอยากจะลาออกจากการทำงานที่ธนาคาร เพราะเห็นทุกข์กับการทำงาน
และ อีกอย่าง ข้าพเจ้าจะบาปมากขึ้น เพราะธนาคารก็คือแหล่งดูดเงินจากคนอื่นดี ๆ นี่เอง
หรือถ้าจะเปรียบก็คือตัวเหลือบ ปลิงนั่นเอง
พวกทำงานธนาคาร คือพวกเอาเปรียบสังคม พวกเสือนอนกิน พวกเสือ-กินเปล่า






noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #14 เมื่อ: 18 ก.ย. 10, 00:03 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
นี่หรือ ว่าที่ผู้ว่าการแบงค์ชาติ ?
แค่ปัญหาลูกค้าเล็ก ๆ ที่ร้องเรียนมากว่า 5 ปี
ยังไม่มีปัญญาแก้ไขได้เลย
http://webboard.news.sanook.com/forum/?topic=3155947.0;all


ข้อความ โดย: สู้ ๆ ค่ะ
ข้อความเมื่อ: วันนี้ 13:07 น

q*014 อ่านหัวข้อแล้ว นึกแล้วว่าต้องเป็นคุณ
ที่กลับมาโพสใหม่ เห็นหายไปพักนึงแล้ว แต่ก็กลับ
มาอัพเดทข้อมูลให้ทราบกันอีกครั้งแล้ว อยากให้คุณ
ลองร้องเรียนผ่านนายก (ถ้ามีโอกาสได้พบเจอ)
อาจจะได้รับ การช่วยเหลือ ซึ่งถ้ามีเบอร์โทรศัพท์
ของท่านนายกโดยตรงเลยก็น่าจะดี เพราะเห็นท่าน
นายกเคยพูดว่าทุกปัญหายินดีรับฟัง ยังไงก็เอาใจ
ช่วย คุณ ขอให้ผ่านปัญหานี้ไปได้ด้วยค่ะ ...


**********************************

สวัสดีครับ คุณ สู้ ๆ ค่ะ

ขอบคุณครับ คุณ สู้ ๆ ค่ะ ที่มาให้คำเสนอแนะและให้กำลังใจเช่นเดิม
หากคุณอ่านข้อความที่ผมโพสต์ รวมทั้งกระทู้ที่ผมนำมาแปะล่าสุดข้างบนนี้
คุณก็จะสามารถเข้าใจได้ว่า ผมรังเกียจนายกมือเปื้อนเลือดคนนี้แค่ไหน
เรื่องนี้เป็นการต่อสู้ระหว่างรัฐบาลเผด็จการกับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่รักความเป็นธรรม
และต้องการให้บ้านเมืองมีระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
หากคุณมีโอกาสโหลดคลิปตาสว่างรายการตื่นเถิดชาวไทยมาฟัง ก็จะเข้าใจอะไรได้ดีขึ้น
คุณสามารถหาได้โดยใช้ www.google.com ค้นหา
ส่วนเว็บที่โดนบล็อก ก็ใช้โปรแกรม u.exe ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้จากที่นี่
เปิดโปรแกรม u.exe ก็จะเปิด explorer ขึ้นโดยอัตโนมัติ
แล้วเอาลิ้งค์ที่โดนบล็อกมาแปะก็จะสามารถเปิดได้
(อาจต้องกดเปิดซ้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้งในบางครั้ง)

ลิงค์โหลด โปรแกรม u.exe สามารถเปิดเว็บที่โดนบล็อกได้ดีมาก
http://www.mediafire.com/?tp84s8a86hj641z


หรือหากคุณต้องการที่จะเปิดเว็บที่โดนบล็อกจาก browser อื่น ๆ
ให้ดาวน์โหลดโปรแกรมนี้ เสร็จแล้วกด private on ก็สามารถเข้าเว็บที่โดนบล็อกได้
โปรแกรมนี้ดีมากจริง ๆ ครับ ผมเพิ่งเริ่มทดลองใช้เอง

ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรีได้ที่นี่ครับ Hotspot Shield Launch
http://www.mediafire.com/?nw4wyznwjan#1



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ผมขอยกตัวอย่าง จากกระทู้นี้และข่าวไทยรัฐมาแสดงให้คุณ สู้ ๆ ค่ะ ได้เห็น
ว่ามีคนเกลียดชังอภิสิทธื์มากมายเพียงใด


6 วัน 63 ล้านความหมาย ..สรุปว่า "อ่วม"
http://www.prachataiboard1.info/board/id/51479
Wed, 07/07/2010 - 07:50 | by สายลม รัก(1) | Report topic


แหล่ง ข่าว ที่เป็นข้าราชการพลเรือนแต่(แอบแดง)ประจำสำนักนายกฯ...

ผู้ที่ มีหน้าที่สนอง Need ความต้องการสร้างภาพ

ในโครงการ 6 วัน 63 ล้านความหมาย......ได้แจ้งข่าวเล็ก ๆ มาให้ผมแซบว่า

โครงการดังกล่าว เจ้าหน้าที่ประจำสำนักนายก และลูกน้องอีก 2-3 นาง แอบหัวเราะกันคิก ๆ แล้วสรุปในใจว่า "อ่วม"

ซึ่งการจัดทำโคงการดังกล่าว ได้มีการเกณฑ์ เจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร ดารา นักร้อง และนักการเมือง มาฟังความต้องการของประชาชน

"ทั้ง ๆ ที่เขาก็มาบอกความในใจก่อนหน้านี้แล้วเป็นแสนเป็นล้าน กลางถนนราชดำเนินเต็มพรืดไปจนถึงลานพระรูป"

"ดัน***ไม่ฟัง ***จะฟังทางโทรศัพท์ ให้มันเปลืองเงินภาษีซะงั้น.. "

หรือว่าสิ่งที่ ประชาชนบอกเป็นสิ่งที่่ไม่อยากฟัง....

หรือฟังแล้วมันแสลงใจ กรูเลยต้องฆ่าพวกมันซะ

----------------------------------------------------------------------------------------

ผล ปรากฏว่า กระบวนกาีรสร้างภาพ 6 วัน 63 ล้านความหมาย

จากฝีมือของ ลูกกรอกคะนองฤทธิ อันลือลั่นมาจาก การถ่ายทอดร้องเพลงชาติตอนเย็นทำให้คนไทยรักกันมากขึ้น (ไม่รู้เอาสมองส่วนไหนคิด หรือว่ามันเตี้ยเกินไป เลยทำให้ระดับมันสมองที่อยู่เหนือพื้นดินไม่มาก เลยต่ำลงไปด้วย)

ผล ปรากฏว่า แต่ละคน แต่ละ วงการ ไม่ว่าเจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร ต่างให้ข่าวส่วนตัวอันน้อยนิดออกมา (ถ้าเป็นบ้าน ๆ เขาเรียกนินทา) ไปในทางเดียวกันว่า "หูชา" กันทั่วหน้าโดยมิได้นัดหมาย.....

เพราะ ประชาชนโทรมา ด่า สาบแช่ง ขับไล่ เป็นจำนวนมาก

ข่าวแว่ว ๆ จากเจ้าหน้าที่ผู้ประสานงาน ออกมาว่า ดาราบางคนบ่นพึมพำว่า "รู้งี้ไม่มาหรอก ให้มานั่งฟังคำด่าอยู่ได้ ถ้ามีโครงการแบบนี้อีก อย่าหวังจะมาอีก"

ผลสะท้อนความรักความเข้าใจของประชาชนที่มีต่อ รัฐบาลช่าง แจ่มแจ้ง แดงแจ๋....

นี่ดีนะแค่ 6 วัน ถ้ายืดไปซัก 1 เดือนหละก็

อาสาสมัครถอยกรูด ไม่เหลือซักรายแน่ เพราะที่มา ๆ หนะ ต้นสังกัดบังคับส่งมาทั้งน้านนนนนนนนนนน

----------------------------------------------

แหล่ง ข่าว ยังได้แจ้งออกต่อมาอีกว่า งานนี้ ลูกกรอกคะนองฤทธิ ค่อนข้า่งผิดหวัง

เพราะ มันไม่คิดว่าประชาชนจะโกรธเกลียดรัฐบาลจนโทรมาด่าได้ "มากขนาดนี้" ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #15 เมื่อ: 18 ก.ย. 10, 00:05 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
วิลลี่-หอย'หูชา รับสายด่วน ถูกฝากไล่รัฐบาล
http://www.thairath.co.th/content/pol/93991


"วิลลี่–เสนาหอย" หน้าเจื่อน มาช่วยรับโทรศัพท์สายด่วนสร้างความปรองดอง ถูกชาวบ้านโทรมาบ่น-ด่าการทำงานรัฐบาลจนหูชา เผยมีฝากไล่รัฐบาลให้ไปตาย ด้าน "พรทิวา" คุยฟุ้งประชาชนยังให้กำลังใจ...

เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล บรรยากาศโครงการ "6 วัน 63 ล้านความคิด ร่วมเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย" เพื่อรับฟังความเห็น ข้อเสนอแนะจากประชาชนในการปฏิรูปประเทศไทยนั้น ยังคงมีรัฐมนตรี ศิลปิน ดารา มาร่วมรับสายโทรศัพท์อย่างต่อเนื่อง โดยในวันนี้ มีนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์, วิลลี่ แมคอินทอช และ "เสนาหอย" เกียรติศักดิ์ อุดมนาค พิธีกร ดารายอดนิยมตลอดจนคณะนางสาวไทย และดีเจคลื่นซี้ด (SEED) เดินทางมาร่วมรับสายโทรศัพท์

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า ภายหลังการรับโทรศัพท์ วิลลี่ แมคอินทอช และเสนาหอย ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันด้วยสีหน้าเจื่อนๆ ว่า "โดนด่าจนหูชา ส่วนใหญ่โทรศัพท์มาต่อว่าการทำงานของรัฐบาล บางสายพูดสั้นๆว่า ฝากบอกรัฐบาลด้วยว่า ไปตายซะ"

ขณะที่นางพรทิวา กล่าวว่า เท่าที่ได้รับโทรศัพท์รับฟังความเห็นจากประชาชน ส่วนใหญ่จะมีปัญหาเรื่องการทำกิน และหนี้นอกระบบ โดยในส่วนของหนี้นอกระบบนั้นแม้ว่าภาครัฐจะเปิดให้มาลงทะเบียน แต่ประชาชนอยากให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) มารับผิดชอบมากกว่าธนาคารออมสิน นอกจากนี้ ยังมีปัญหาค่าครองชีพ เงินเดือนไม่ขึ้น อย่างไรก็ตาม ก็มีประชาชนบางส่วนโทรศัพท์มาให้กำลังใจรัฐบาลด้วย และบอกว่าอยากให้อยู่นานๆ.


noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #16 เมื่อ: 18 ก.ย. 10, 00:10 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ต้องโหดร้ายขูดรีดเอาเปรียบได้เลวสุด ๆ อย่างนี้สินะ จึงชนะได้เป็นผู้ว่าแบงค์ชาติ!
http://webboard.news.sanook.com/forum/3163012


(ตอบข้อความของคุณ 000001? ที่ถูกลบไป
เกี่ยวกับสังคมที่เละเทะกันทั้งนั้น และเรื่องการเกิดมาคนละชั้นกัน ?)


ผมว่าคนเราควรมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกันครับ
ในระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง ทุกคนมีสิทธิ 1 เสียงเท่าเทียมกัน
ในศาสนาพุทธก็ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้นเช่นศาสนาพราหมณ์
คนวรรณกษัตริย์หากบวชทีหลังคนวรรณะศูทร ก็ต้องไหว้พระที่บวชก่อน
ทั้งนี้เพื่อทำลายทิฏฐิมานะความดื้อดึงถือตัวถือตนที่เป็นกิเลสหรือสนิมในใจเบื้องต้นทิ้งให้ได้ก่อน
สิ่งสำคัญคือหากเป็นมนุษย์ที่แท้จริง ก็ควรมีจิตใจสูงสูงกว่าสัตว์เดรัจฉาน จริงไหมครับ
หากทำตัวเลวชาติเช่นสัตว์หรือแย่ยิ่งกว่าสัตว์ เขาก็เปรียบเช่นพวกตกอยู่ใต้อบายภูมิ 4
มีจิตใจเร่าร้อน ต่อให้อยู่บนกองเงินกองทอง ปราศจากความสงบสุขอย่างแท้จริง
ฉะนั้นคนเราเกิดมาควรเคารพนับถือกันที่การเป็นคนดีมีศีลธรรมเป็นหลักจะดีกว่า

[พจนานุกรม [อะบายยะพูม] น. ภูมิที่เกิดอันปราศจากความเจริญ มี ๔ คือ
นรก เปรตวิสัย อสุรกายภูมิ และกําเนิดดิรัจฉาน. (ป., ส. อปาย).]

คติ ๘ ภาษาคน-ภาษาธรรม
http://www.buddhadasa.com/dhamanukom/language30.html

คติทั้ง ๘ นี้ ก็มีพูดอย่างภาษาคน หรือภาษาสมมติของชาวบ้าน
นั้นอย่างหนึ่ง เมื่อพูด ภาษาธรรมของนักปราชญ์ของผู้รู้
โดยแท้จริงนั้นก็อีกอย่างหนึ่ง

ของ ๘ อย่างนี้ ถ้าพูดอย่าง ภาษาชาวบ้าน ที่เขาพูดทางศีลธรรม
ชักชวนให้กลัวบาปกลัวกรรม ตามแบบของชาวบ้านนั้น เขาก็พูด
เป็นบ้านเป็นเมืองเป็นโลก

นรก ก็คือเมืองนรก อยู่ข้างใต้ลงไปนี้ ร้อนเป็นทุกข์.

เดรัจฉาน คือ โลกของสัตว์เดรัจฉาน: วัว ควาย ช้าง ม้า เป็ด ไก่.

เปรต คือ สัตว์ที่ผอมโซ เพราะความหิว เจ็บป่วย ร่างกายเปื่อยเน่า
ผุพัง นี่เป็นพวกเปรต อยู่ในโลกที่มองเห็นได้ยากเหลือเกิน เพราะ
ไม่มีร่างกายที่ดูได้ง่ายๆ.

อสุรกาย คือ พวกที่ไม่เห็นตัวเลย ซ่อนตัวได้มิดชิด ไม่มีใครเห็นตัว
เรียกว่า อสุรกาย นี้ภาษาชาวบ้านพูด แล้วเขียนรูปภาพตามผนัง
โบสถ์เป็นอย่างนี้.

แต่ว่า ภาษาธรรม นั้น หมายอีกอย่างหนึ่ง
คือ เป็นสภาพ เป็นภาวะ- ทางจิตใจ เพราะเป็นภาษาจิตใจ
ก็ชี้ไปยังภาษาของจิตใจ หรือภาวะทางจิตใจ

นรก นี่คือ ภาวะที่กำลังร้อนใจ เป็นไฟเผาลน อยู่ในตัวคน

เดรัจฉาน คือ ความโง่ ที่มีอยู่ในตัวคน เพราะ สัตว์เดรัจฉาน
นั่นคือ โง่ ความโง่ นั้นมาอยู่ในตัวคน
โลกเดรัจฉาน มาอยู่ในใจคน ในตัวคน

เปรต คือ ความทะเยอทะยาน ความหิว ด้วยกิเลสตัณหา
ในนั่นในนี่ ในกามารมณ์ หรือ ในความหวัง อะไรก็ตาม
หวังจนนอนไม่หลับ หิวจนนอนไม่หลับ เปรียบเหมือนกับว่า
มีปากเท่ารูเข็ม มีท้องเท่าภูเขา
มันจะกินเข้าไปให้ทันได้อย่างไร มันก็หิวเรื่อย.

อสุรกาย คือ ความกลัว ความกลัวเป็นปัญหาใหญ่ รบกวนจิตใจ
เหลือเกิน นี่คือ อสุรกาย หรือ โลกของอสุรกาย ที่มันอยู่ในใจคน

นี่พูดอย่างภาษาผู้รู้ ทั้ง ๔ อย่างนี้ ทุคติทั้ง ๔ อย่างนี้
มีอยู่ในคน อยู่ในจิตใจของคน เมื่อพูดอย่างที่ชาวบ้านพูด คือ
ชาวบ้านเป็นผู้ที่เข้าใจเรื่องอย่างนี้ไม่ได้ ก็เลยพูดให้มันเป็นวัตถุ
เป็นโลกทางวัตถุขึ้นมา โลกนรก โลกเดรัจฉาน โลกเปรต
โลกอสุรกาย อยู่ที่นั่นที่นี่ ทิศนั้นทิศนี้ มีอาการอย่างนั้นอย่างนี้

โดยเฉพาะ โลกนรกอยู่ข้างล่าง ข้างใต้สุดลงไป มีหลายชนิด
เหมือนกัน นรกล้วนแต่ร้อน ล้วนแต่เจ็บปวด คือเดือดร้อนทั้งนั้น
มันก็คือ คติที่จะต้องไปหรือการไป ไปสู่โลกนรกไปสู่โลกเดรัจฉาน
ไปสู่โลกเปรต ไปสู่โลกอสุรกาย นี้ก็ต้องถือว่าผิด ไม่มีใครต้องการ
ไม่มีใครปรารถนา ที่ไป ๔ แห่ง นี้เป็นทางผิด เรียกว่า ทุคติ.


ทีนี้ สุคติ ความเป็นมนุษย์เป็นเทวดา ๓ ชนิด รวมกันเป็น ๔ ชนิดนี้
เขาเรียกว่า สุคติ ยังน่าไป หรือ มันชวนให้ไป.

สำหรับความเป็นมนุษย์ นี้ พูดตรงกัน คือในโลกอย่างมนุษย์นี้
แต่ภาษาชาวโลกภาษาโลก เอาตัวแผ่นดินโลกนี้ เอาตัวคนที่สักว่า
เป็นคนนี้ เป็นมนุษย์โลก แต่ภาษาธรรมะ เขาเอาความหมาย หรือ คุณสมบัติของความเป็นคน ว่าเป็นมนุษย์ ว่าเป็นคน

อย่างเมื่อคุณบวช ถูกถามว่าเป็นมนุษย์หรือเปล่า
นี่มีความหมายพิเศษ เห็นอยู่โต้งๆ ว่า รูปร่างเป็นมนุษย์
ทำไมยังถามว่า เป็นมนุษย์หรือเปล่า?
ข้อนี้เล็งไปถึง คุณสมบัติอย่างมนุษย์ ความรู้สึกอย่างมนุษย์
ความต้องการอย่างมนุษย์ คุณมีหรือเปล่า?
นั่นแหละ คือ ความเป็นมนุษย์
มนุษย์ในภาษาธรรม มันหมายถึงอย่างนี้
ไม่ใช่ หมายถึง เกิดมามีรูปร่างอย่างนี้ หรือว่าอยู่ในโลกนี้.

ทีนี้ เทวดาในกามโลก ตามภาษาคน
ก็มีข้างบน เป็นสวรรค์ เป็นวิมาน มีเทวบุตร มีนางฟ้า
มีพระอินทร์ อะไรก็แล้วแต่ คือว่า เป็นกลุ่มของสัตว์ที่
สนุกสนาน สบาย สวยสด งดงาม อะไรนี่ นี่ภาษาโลกๆ ภาษาคน
ภาษาธรรมะ ภาษาของสติปัญญา ก็คือว่าภาวะที่กำลังสมบูรณ์
ด้วยกามารมณ์ คือของถูกอกถูกใจ ในเวลาใดเป็นอย่างนั้นเวลานั้น
เรียกว่า เป็นสวรรค์ชั้นกามาวจร ในจิตใจของคนนั่นเอง
เมื่อคนบางคน หรือว่า บางขณะก็ตาม เขามีโอกาสที่จะมี
ความเพลิดเพลิน อยู่ด้วยกามารมณ์ เวลานั้น ขณะนั้น ที่นั้น
เขาก็เป็นเทวดา ประเภท กามาวจร

เทวดาที่สูงขึ้นไป เป็น รูปพรหม นั้น เป็นเทวดาที่ไม่แตะต้อง
กามารมณ์ อยู่ด้วยวัตถุ รูปธรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่บริสุทธิ์
เพลิดเพลินอยู่กับสิ่งนั้น ภาษาคนก็พูดไว้เป็นโลกอีกโลกหนึ่ง
สูงขึ้นไปอีก สูงขึ้นไปจากโลก อย่างที่เป็นอย่าง กามารมณ์นั้น
แต่ถ้าเป็นภาษาจิตใจ ก็หมายถึง จิตใจในบางครั้ง มันเกลียด
กามารมณ์ จิตใจสูง เกินกว่าที่จะไปรัก กามารมณ์ ในบางขณะ
ของคนเรานี้ ภาวะจิตอย่างนั้น เรียกว่า รูปพรหม เป็นได้น้อยๆ
ชั่วขณะก็ยังดี หรือ มันจะเป็น จนตลอดชีวิต ก็ได้ สำหรับบางคน
อยู่ได้ด้วยความผาสุก ไม่เกี่ยวข้องกามารมณ์ จนตลอดชีวิต จะ
อยู่ด้วย วัตถุสิ่งของ ที่เป็นที่พอใจ หรือว่า อยู่ด้วยสมาธิ ที่เกิด
มาจาผมปธรรม ที่เป็นอารมณ์ สบายอยู่ด้วยสมาธิ อย่างนั้น ก็
เรียกว่า รูปพรหม

เทวดาอันสุดท้าย ก็เป็น อรูปพรหม คล้ายๆ กัน แต่ไม่เอาสิ่งที่มีรูป
เป็นที่เพลิดเพลิน เอาสิ่งที่ไม่มีรูป เป็นนามธรรม ที่เกี่ยวกับสมาธิ
หรือ สมาบัติ เขาเอาความว่างเปล่า ไม่มีอะไร เป็นอารมณ์ ของ
สมาธิ แล้วจิตหยุดอยู่ด้วยความพอใจ ในความเป็นอย่างนั้น มันก็
สบายถึงที่สุด สูงสุดไปตามแบบของเขา

รวมความแล้วก็ว่า ถ้าพูดอย่างภาษาคน ภาษาชาวบ้าน ก็เป็นวัตถุ
เป็นโลก เป็นบ้าน เป็นเมือง ทั้ง ๘ แห่งนี้
.......






noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #17 เมื่อ: 18 ก.ย. 10, 00:21 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ขอแนะนำกระทู้ที่เป็นประเด็นร้อนสุด ๆ นี้ด้วยครับ
เพื่อท่านจะได้เข้าใจเครือข่ายวงจรอุบาทว์ของพวกศักดินามหาอำมาตย์เผด็จการทรราชชาติชั่ว
ที่ชอบเอารัดเอาเปรียบกดขี่ข่มเหงรังแกทำนาบนหลังประชาชนได้ดียิ่งขึ้น
แต่น่าเสียดายที่เพิ่งถูกลบทิ้งไปเมื่อ 2 วันก่อนนี้เอง
หากสนใจกระทู้ดี ๆ มีสาระ เต็มไปด้วยเนื้อหา คลิปต่าง ๆ เพียบนี้
ผมได้ฝากแฟ้มไว้ให้ดาวน์โหลดได้ที่นี่ครับ


หลัการใหญ่ๆ ที่รัฐบาลเด็กเวรจอมสร้างภาพแก้อย่างไรก็ไม่ตก โกหกอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น
หลักการใหญ่ ๆ ที่รัฐบาลเด็กเวร.rar
(17.07 MB)

http://www.mediafire.com/?hewcbpho8oa6j22

ไล่ตะเพิดตีแสกหน้านายกจอมแหลสร้างภาพปรองดองบนกองเลือด-ตามเชือดตำตาตำใจไร้ขื่อแป
ไล่ตะเพิดตีแสกหน้านายกจอมแหล.rar
(279.68 KB)

http://www.mediafire.com/?9ztzaaagic2ymdc


สืบเนื่องมาจากกระทู้ซึ่งเป็นประเด็นร้อนทั้งในหมวดอาชญากรรม-สังคม-ทั่วไป และเว็บบอร์ดรวมเพิ่งตกไปหลังครบกำหนด 7 วัน แต่ก็ยังคงเป็นกระทู้แนะนำโดยสมาชิกในหมวดอาชญากรรม-สังคม-ทั่วไป 1 ใน 5 อยู่ในขณะนี้ มีคุณ คนเคยเห็นด้วย ได้มาออกความคิดเห็นทำนองเป็นคนเสื้อแดงและรู้เห็นเกี่ยวกับการชุมนุมบางอย่างแต่เนื่องจากมีข้อคิดเห็นที่ไม่สมควรบางอย่างจึงทำให้คนดูแลเว็บได้ลบทิ้งไปก่อนที่ผมจะตอบกลับเพื่อให้หายข้อข้องใจดังที่แสดงข้างล่างนี้ เมื่อนำมาพิจารณาดูแล้วจึงเห็นว่าคำตอบนี้มีสาระสำคัญที่น่าจะตั้งเป็นกระทู้ได้ จึงได้ตัดสินใจตั้งเป็นกระทู้ว่า

"หลัการใหญ่ ๆ ที่รัฐบาลเด็กเวร(เดนปีศาจนรก)จอมมารจอมสร้างภาพแก้อย่างไรก็ไม่ตก
โกหกอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น"



jrchai
คะแนนสะสม: 614 แต้ม
ความคิดเห็น: 2,162

เสื้อแดงทวงความถูกต้อง“สองปี สองมาตรฐานพาลชนคนอธรรม”19 กันยายนแดงพรึบทั่้วโลก
http://webboard.news.sanook.com/forum/?topic=3224579.135
ตอบ #115 เมื่อ: 6 ก.ย. 10, 11:55 น


ผมไม่ได้เป็นคนลบความคิดเห็นของคุณ คนเคยเห็นด้วย แต่อย่างไร รวมทั้งคนอื่น ๆ ด้วยแม้แต่ครั้งเดียวมีหลายครั้งที่ความเห็นและกระทู้ของผมโดนลบทั้ง ๆ ที่ผมไม่ได้ทำผิดกฎกติกาแต่อย่างไร ในเมื่อผมเห็นข้อคิดเห็นของคุณ ทำไมโดนลบ ผมก็จะตอบโดยไม่ยกเอาข้อความที่ทางบอร์ดอาจเห็นว่าไม่สมควรมาใส่เช่นคนอื่น ๆ คุณจะได้หายข้อข้องใจ

1.คุณ คนเคยเห็นด้วย เห็นด้วยกับการทำรัฐประหารก่อการกบฏทรยศเนรคุณต่อประชาชนเจ้าของประเทศเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 หรือไม่
2.คุณ คนเคยเห็นด้วย เห็นด้วยกับการข่มขู่คุกคามจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหารโดยการดึงงูเห่าภาค 3 หรือ... ผิดหลักการระบอบประชาธิปไตยหรือไม่
3.คุณ คนเคยเห็นด้วย เห็นด้วยกับการสั่งทหารมาเข่นฆ่าประชาชนคนในชาติเดียวกันมือเปล่าอย่างเลือดเย็นโหดเห ี้ยมอำมหิตผิดมนุษย์ที่แม้แต่ในสงครามเขายังมีข้อยกเว้นหรือไม่
4.คุณ คนเคยเห็นด้วย เห็นด้วยกับการใส่ร้ายป้ายสีสารพัดอย่างของรัฐบาลเผด็จการทรราชชาติชั่วโดยปราศจากความเป็นจริงให้คนเสื้อแดงที่รักชาติ รักความเป็นธรรมและรักประชาธิปไตยที่อำนาจเป็นของปวงชนอย่างแท้จริงหรือไม่
5.คุณ คนเคยเห็นด้วย เคยฟังรายการตาสว่างต่าง ๆ เช่น รายการตื่นเถิดชาวไทย ฯลฯ หรือไม่ เพื่อรับทราบข้อมูลที่เป็นจริงในอีกด้านหนึ่งซึ่งคุณอาจจะยังไม่รู้หรือไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร จะได้เอามาพิจารณาวิเคราะห์ให้ถ่องแท้ว่า ใครหรือกลุ่มบุคคลพรรคพวกใดกันแน่ที่เป็นคนเลวชาติ ขี้ขลาดตาขาว ปฏิเสธการปกครองระบอบเสรีประชาธิปไตยซึ่งมีอำนาจของปวงชนเป็นใหญ่ในแผ่นดินเหมือนอย่างเช่นนานาอารยะประเทศทั่วโลกเขานิยมใช้กัน
ฯลฯ
ข้อมูลที่คุณตั้งใจที่จะแอบอ้างต่าง ๆ ไม่ว่าจะจริงเท็จอย่างไร ก็ไม่สลักสำคัญเท่ากับหลักการใหญ่ ๆ ที่ผมได้ตั้งคำถามเพื่อให้คุณตอบ หากคุณยังไม่สามารถเข้าใจหลักการใหญ่ ๆ ดังที่ผมได้กล่าวข้างต้น คุณก็เหมือนคนที่หูตามืดมัวหรือบอดคนหนึ่งเท่านั้นเอง เพราะเท่าที่คุณเอ่ยมาทั้งหมดนี้เป็นแค่ข้อมูลปลีกย่อย แม้ว่าจะฟังดูดี แต่ก็แฝงเร้นด้วยเจตนาเจ้าเล่ห์หลอกลวงปราศจากความจริงใจเหมือนดังเช่นที่รัฐบาลยอดชั่วนิยมใช้ใส่ร้ายป้ายสีคนดี ๆ เพื่อปกปิดความชั่วช้าสารเลวที่ตัวเองได้กระทำเอาไว้ แทนที่จะกล้าแสดงความรับผิดชอบยอมรับความผิดแและรับโทษที่ตัวเองก่อ กลับมาสร้างความแตกร้าวด้วยการก่อกรรมชั่วหนักเพิ่มมากขึ้นยิ่งกว่าเก่าเพื่อปกปิดความชั่วที่ก่อเอาไว้ แล้วยังมีหน้ามาสร้างภาพปรองดองซึ่งแฝงเร้นด้วยเจตนาตามล้างตามเช็ดคนดี ๆ ที่รู้เช่นเห็นชาติกำพืดอันชั่วช้าสารเลวของจอมมารตัวการใหญ่ที่เป็นต้นเหตุแห่งความล่มจมฉิบหายของชาติเสียอีก แล้วอย่างนี้มีหรือบ้านเมืองจะสงบสุขอยู่รอดปลอดภัยสามารถแข่งขันกับชาติอื่น ๆ ได้ ผมถึงว่าปัจจุบันประเทศไทยปกครองโดยพวกโจรกบฏเผด็จการทรราชชาติชั่วยังไงเล่าครับ
หลักการใหญ่ ๆ ก็คือ รัฐบาลต้องออกไป คืนอำนาจให้ประชาชนตามระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริงรวมทั้งการนำเอารัฐธรรมนูญฉบับ 40 ของประชาชนมาแก้ไขบางส่วนเพื่อให้สอดคล้องกับนานาอารยประเทศที่เขาใช้กัน เอาตัวบงการใหญ่ที่สั่งฆ่าประชาชนมือเปล่ามาลงโทษ เลิกกฎสองมาตรฐานของพวกเผด็จการพาลชนคนอธรรมหรือตุลาการวิบัติเพื่อคงหลักความยุติธรรมของบ้านเมืองเอาไว้ ฯลฯ จึงจะทำให้บ้านเมืองสามารถปรองดองกันได้อย่างแท้จริง และกลับคืนสู่ภาวะปกติสุขเช่นเดิม














noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #18 เมื่อ: 18 ก.ย. 10, 21:14 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
เอกชนรุมยำ ธปท.เละเทะ ไม่กล้าตัดสินใจทั้งที่บาทแข็งทำส่งออกใกล้ตาย
http://www.thairath.co.th/content/eco/111783


เอกชนร้องรัฐบาลจริงใจแก้ปัญหาบาทแข็ง โวยดีแต่พูดไม่กระทบส่งออก ทั้งที่จริงเอกชนทุนหายกำไรหด ปรับตัวจนใกล้ตายแล้ว แขวะ ธปท.ทำงานเหมือนเสมียน ไม่กล้าตัดสินใจ หนำซ้ำยังจะขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มต้นทุน ธุรกิจวอนลดดอกเบี้ย ขู่ย้ายฐานผลิตหนีเพราะพึ่งประเทศไทยไม่ได้แล้ว ขณะที่ ธปท.เผยจะนำเรื่องบาทแข็งเข้าถกในที่ประชุม กนง. 20 ต.ค.นี้

โดยนายดุสิต นนทะนาคร ประธานสภาหอ การค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยระหว่างการเสวนา "ส่งออกอย่างไร ในสภาวะที่เงินบาทแข็งค่า" จัดโดยกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ วานนี้ (16 ก.ย.) ว่า ขณะนี้ค่าเงินบาทเริ่มส่งสัญญาณแข็งค่ามากผิดปกติ โดยเดือน ส.ค.แข็งค่าถึง 1.8% หากนับตั้งแต่ต้นปี 53 แข็งค่าขึ้น 7.58% และเฉพาะเดือน ส.ค. เดือนเดียวแข็งค่า 3.3% หากเป็นการแข็งค่าในภาวะเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งก็ไม่มีปัญหา แต่ขณะนี้เศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ อาจกระทบต่อเศรษฐกิจภาพรวมได้ จึงจำเป็นที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องเข้ามาดูแลอย่างเร่งด่วน เพราะผู้ส่งออกได้รับผลกระทบมาก โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กที่พึ่งพาวัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก และส่งออก 70-80% รวมถึงภาคเกษตรที่เกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก

ส่วนกลุ่มที่กระทบรองลงมาเป็นธุรกิจขนาดกลาง ที่นำเข้าวัตถุดิบน้อยกว่าส่งออก แต่ธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีทั้งนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศและส่งออกยังพอบริหารจัดการความเสี่ยงได้ เพราะได้ผลดีจากการนำเข้าวัตถุดิบ สำหรับแนวโน้มการส่งออก คาดว่าไตรมาส 4 จะเห็นผลกระทบชัดเจนจากปัญหาเงินบาทแข็งค่า แต่ภาพรวมการส่งออกปีนี้จะยังขยายตัวตามเป้าหมาย เพราะช่วงต้นปีขยายตัวสูง

ธปท.ทำงานเหมือนเสมียน

นายดุสิตกล่าวต่อว่า ปัญหาค่าเงินบาทขณะนี้ ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลจริงใจในการแก้ปัญหามากกว่านี้ อย่าดีแต่พูดว่าภาคส่งออกไม่ได้รับผลกระทบ เป็นการพูดแบบไม่สร้างสรรค์และน่าคลื่นไส้ รัฐบาลน่าจะพูดให้กำลังใจกันมากกว่า และบอกด้วยว่ารัฐบาลกำลังจะทำอะไรเพื่อแก้ปัญหา การที่เงินบาทแข็งค่ามาจากมีเงินร้อนเข้ามามากจริงหรือไม่ ถ้าจริงก็ต้องแก้ไข สกัดกั้นเงินร้อนอย่าให้เข้ามามากเกินไป ทำไมรัฐบาลไทยไม่ทำเหมือนประเทศอื่น เช่น ญี่ปุ่นที่กล้าแก้ปัญหาค่าเงิน ทั้งที่ ผู้บริหาร ธปท. ก็เรียนจบจากญี่ปุ่น
"แบงก์ชาติต้องกล้าตัดสินใจบริหารค่าเงินมากกว่านี้ ไม่ใช่ทำงานเหมือนเสมียน และควรพิจารณาข้อเท็จจริงจากปัญหามากกว่าใช้ความรู้สึก ไม่ใช่บอกว่าไม่มีผลกระทบและให้เอกชนปรับตัว เอกชนตอนนี้ปรับเยอะแล้ว ปรับจนใกล้ตาย หากลากยาวไปอีก 3 เดือน จะมีผู้ส่งออกตายมากกว่าครึ่ง การพูดอย่างนี้เหมือนไม่มีความรับผิดชอบ ไม่จริงใจช่วย น่าจะดูธนาคารกลางญี่ปุ่นเป็นตัวอย่างและนักธุรกิจห่วงมากว่า ถ้าบริหารจัดการไม่ชัดเจน ต่อไปจะพึ่งพาประเทศไทยไม่ได้อีกแล้ว" นายดุสิตกล่าว

แฉธุรกิจเจ๊งระนาว

ด้านนายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังกับการทำหน้าที่ของ ธปท. เพราะสถิติค่าเงินเมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา แข็งค่าสูงสุดในโลก ภายในวันเดียวบาทแข็งค่าขึ้นถึง 0.35% ขณะที่ประเทศอื่น เช่น ไต้หวัน แข็งค่าขึ้นเพียง 0.05% เกาหลีใต้

แข็งค่า 0.04% เท่านั้น ส่วนคู่แข่งอื่นๆลดลงหมด เช่น ญี่ปุ่น อ่อนค่า 0.32% ฮ่องกงอ่อน 0.0026% สิงคโปร์ 0.01% จีน 0.17% มาเลเซีย 0.19% จึงอยากถาม ธปท.ว่ามัวทำอะไรอยู่ ทำไมไม่เร่งแก้ปัญหา

ทั้งนี้ จากการสำรวจความคิดเห็นผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม 35 กลุ่ม พบว่า มากกว่า 80% ได้รับผลกระทบมาก กระจุกตัวในอุตสาหกรรมการเกษตร โดยเฉพาะผู้ส่งออกข้าว ที่ตอบว่า บาทแข็งค่าขึ้นทุกๆ 1 บาท เงินจากการส่งออกจะหายไปตันละ 250 บาท ส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์ระบุว่าทุก 1 บาทที่แข็งค่า จะกระทบรายได้ 6,000 ล้านบาท แต่ปีนี้รายได้จากการส่งออกไม่น่ามีปัญหา เพราะทำประกันความเสี่ยงค่าเงินไว้หมดแล้ว น่าจะเริ่มกระทบจริงปีหน้า และอาจย้ายฐานการผลิตจากไทยด้วย ส่วนกลุ่มเครื่องนุ่งห่ม รองเท้าที่มีกำไร 5-10% ขณะนี้ค่าเงินแข็งค่า 8% เท่ากับรายได้จากการส่งออกเมื่อแปลงเป็นเงินบาทหายไป 8% ซึ่งเริ่มเจ๊งกันแล้ว "ตอนนี้ปรับตัว และลดต้นทุนจนตัวลีบแล้ว เดิมรับคำสั่งซื้อยาว 6-10 เดือน แต่ลดเหลือช่วงสั้นๆ เพื่อลดความเสี่ยงค่าเงิน และเดิมตั้งรับค่าบาทไว้ที่ 31.50 บาท/เหรียญสหรัฐฯ ตอนนี้ลดเหลือ 30 บาท ซึ่งเริ่มขาดทุนแล้ว ถ้าตั้งรับต่ำกว่านี้ หรือที่ 29 บาทคงขายของไม่ได้แน่ ส่วนการปรับตัว หากเลือกนำเข้าวัตถุดิบมากไป ก็จะกระทบต่อผู้ผลิตในประเทศ และขยายวงกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจทั้งหมดได้"

วอนอย่าขึ้นดอกเบี้ยซ้ำเติม

ส่วนนายผณิศวร ชำนาญเวช นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย กล่าวว่า ช่วงที่ค่าเงินบาทแข็ง สมาคม ได้สอบถามสมาชิกรายใหญ่ 12 ราย มีเพียง 1 รายที่ขายสินค้าได้ ส่วนอีก 11 รายไม่สามารถขายได้ เพราะต้องขึ้นราคาทำให้ขายไม่ได้ หากเป็นอย่างนี้ ต่ออีก 3 สัปดาห์ ผู้ส่งออกต้องเสียหายหนักแน่ เพราะ ค่าเงินที่แข็งค่าขึ้น กระทบผู้ส่งออกอาหารแช่เยือกแข็งมาก เพราะใช้วัตถุดิบในประเทศมากถึง 95% และ ได้ปรับตัวแล้ว รับคำสั่งซื้อล่วงหน้าเพียง 1 เดือนจากเดิมที่รับล่วงหน้า 4-6 เดือน เพื่อป้องกันการผันผวนจากค่าเงิน ผลประกอบการตอนนี้กำไรลดลงจากปกติ 4% เหลือ 2%

"ปกติ ก.ย. เป็นช่วงระดมการผลิตให้ส่งออกทันก่อนสิ้น ต.ค. เพื่อป้อนความต้องการช่วงคริสต์มาสและปีใหม่ แต่ปีนี้ทุกคนไม่ไหว ไม่มีใครซื้อวัตถุดิบสต๊อกไว้เลย เพราะบาทที่แข็งทำให้ราคาส่งออกกุ้งทุก 1 กิโลกรัมหายไป 16 บาท หากปีนี้ การส่งออกอาหารทะเลโตได้ 3% ถือว่าครึ่งหลังของปีสาหัส เพราะครึ่งแรกขยายตัวได้ดี จากปีปกติจะขยายตัวเฉลี่ย 5% ทั้งที่น่าจะเป็นปีทองเพราะคู่แข่งคือ อินโดนีเซีย เจอโรคระบาด ส่งออกได้น้อย แต่ไทยเจอปัญหาบาทแข็ง ที่สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากกติการัฐที่เปิดโอกาสให้บางคนใช้เงินทำงาน โดยยืมเงินต่างชาติเข้ามาเก็งกำไร และรัฐบาลก็ทำอะไรไม่ได้ ส่วนดอกเบี้ยไม่ควรขึ้นแต่ควรลดลงดีกว่า"

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #19 เมื่อ: 18 ก.ย. 10, 21:19 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
(ต่อ)

อ้อนตั้งกองทุนช่วยเอสเอ็มอี

นายจิรบูลย์ วิทยสิงห์ นายกสมาพันธ์ไลฟ์สไตล์ ไทย กล่าวว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเอสเอ็มอีที่ต่อยอดงานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านของชาวบ้าน ซึ่งขณะนี้แทบทุกโรงงานมีคำสั่งซื้อถึงสิ้นปี แต่เป็นทุกขลาภ เพราะค่าเงินบาทแข็งก็ต้องขาดทุนแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้ทำสัญญาซื้อขายที่ค่าเงินอ่อนกว่านี้ ทำให้บางรายเจรจาขอคืนคำสั่งซื้อบ้างแล้ว เพราะจะเจ็บตัว จึงต้องการให้รัฐบาลตั้งกองทุนช่วยเหลือเอสเอ็มอีด้านการส่งออก เพราะที่ผ่านมารัฐบาลได้แต่พูดว่าจะช่วย แต่ไม่เคยเหลียวแลจริงจัง ต่างจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบทีไร รัฐบาลเร่งให้เงินช่วยเหลือทุกครั้ง

นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์จะเสนอให้รัฐบาลผ่อนปรนกฎเกณฑ์ค่าเงินเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจมากขึ้น เช่น การเสนอขยายระยะเวลาถือค่าเงินดอลลาร์ รวมถึงให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ช่วยประกันการทำความเสี่ยงค่าเงิน และส่งเสริมให้เอสเอ็มอีรวมกลุ่มกันเข้ามาทำประกันความเสี่ยงมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากค่าเงินผันผวน แต่มั่นใจว่าการส่งออกปีนี้จะโตได้ 20% ตามเป้าแน่นอน

นำบาทแข็งเข้าถกใน กนง.

ขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวในส่วนของ ธปท.นั้น นายสุชาติ สักการโกศล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ สายนโยบายการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 20 ตุลาคมที่จะถึงนี้ ธปท.จะนำประเด็นการแข็งขึ้นของค่าเงินบาทเข้าสู่การพิจารณาครั้งนี้ด้วย ซึ่งขณะนี้ ธปท. อยู่ระหว่างประเมินภาพรวมของค่าเงินบาทว่า เมื่อเกิดการแข็งค่าหรืออ่อนค่าลง จะกระทบต่อการบริโภคหรือการส่งออก และต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยอย่างไร อย่างไรก็ตามแม้เงินบาทแข็งค่าขึ้นมากขณะนี้ ธปท.ยังมองว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้ยังขยายตัวอยู่ในกรอบที่ กนง. ประเมินไว้คือ 6.5-7.5% เนื่องจากยังมีปัจจัยบวกมาก

นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธปท.กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของค่าเงินไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวเกาะกลุ่มไปกับประเทศในภูมิภาคเดียวกันเสมอไป แต่จะเคลื่อนไหวไปตามปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจประเทศเป็นหลัก และปัจจัยที่ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นขณะนี้ นอกจากพื้นฐานเศรษฐกิจที่ดีแล้ว ยังขึ้นอยู่กับการไหลเข้าออกของเงินทุนด้วยเป็นปัจจัยที่ผสมกัน ไม่สามารถแยกได้ว่าค่าเงินแข็งเพราะเหตุใดเหตุหนึ่ง.
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #20 เมื่อ: 20 ก.ย. 10, 12:25 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
"กรุงไทย" ชี้ลดค่าธรรมเนียมข้ามเขตได้
http://www.thairath.co.th/content/eco/112481

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยถึงการหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เรื่องโครงสร้างค่าธรรมเนียมว่า แม้ต้นทุนการโอนข้ามเขตจะปรับลงแล้ว แต่เป็นการลดต้นทุนบางประเภท เช่น ค่าโทรศัพท์หรือคู่สาย แต่หากพิจารณาอย่างละเอียดจะพบว่ามีเงินลงทุนด้านอื่นอยู่ด้วย โดยเฉพาะการลงทุนด้านเครือข่ายสาขาและเครื่องเอทีเอ็ม ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลที่ควรจะต้องนำต้นทุนส่วนนี้กลับมาพิจารณา เพราะการลดค่าธรรมเนียมการโอนข้ามเขตอาจทำได้จริง แต่หากทำให้การให้บริการเครือข่ายสาขาต้องลดไปด้วยจะเกิดปัญหาตามมา ซึ่งการลงทุนเครือข่ายสาขาในพื้นที่ห่างไกลเป็นจุดสำคัญกับการพัฒนาประเทศ ช่วยสร้างความเจริญให้พื้นที่ห่างไกล เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการเงิน แต่การทำให้ค่าธรรมเนียมบริการลดลงจนอยู่ในระดับที่ธนาคารพาณิชย์ไม่สามารถอยู่ได้ การลงทุนในพื้นที่ห่างไกลซึ่งต้นทุนสูงก็จะหายไป ซึ่งจะกระทบต่อประชาชน

"เห็นด้วยว่าต้องลด แต่ต้องรอบคอบเพื่อให้ได้ ราคาที่ไม่ทำลายทุกๆเป้าหมาย เพราะการลดค่า ธรรมเนียมการโอนข้ามเขตลดลงได้จริง คนต่างจังหวัดโอนเงินได้ถูกลง แต่ในพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีสาขาก็ต้องนั่งรถจากที่อยู่ไกลเพื่อเข้ามากดเงินในเมืองก็กลายเป็นต้นทุนที่แพงกว่า".

ไทยรัฐออนไลน์
โดย ทีมข่าวเศรษฐกิจ
20 กันยายน 2553, 06:00 น.

**********************************************

ทีแบงค์เอาเปรียบ กำไรเกินควรหลายต่อหลายอย่าง
ทำไมไม่นำเอามาแจ้งให้ทราบรายละเอียดบ้างล่ะว่า
ที่แท้แบงค์ขูดรีดเอาเปรียบมากกว่าที่ควรเท่าไร
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #21 เมื่อ: 20 ก.ย. 10, 12:45 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
พท.จี้รัฐเร่งแก้เงินเฟ้อ-ค่าเงินบาทแข็ง
http://news.sanook.com/967540




นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึง ปัญหาเงินเฟ้อและปัญหาค่าเงินบาทแข็งตัว โดย นายสุชาติ กล่าวว่า การที่ธนาคารแห่งประเทศไทย แก้ปัญหาเงินเฟ้อด้วยการขึ้นดอกเบี้ย นั้น เป็นความเข้าใจผิด เพราะหากขึ้นดอกเบี้ย ก็จะยิ่งไม่ให้เกิดเงินเฟ้อ และยังส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาค่าเงินบาทแข็งตัว ซึ่งทำให้ราคาสินค้าเกษตรลดลง รวมถึงค่าตอบแทนของการท่องเที่ยวก็ลดลงด้วย ตนจึงเห็นว่ารัฐบาลต้องรับผิดชอบ และแก้ไขปัญหาในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะ SME และด้านเกษตรกร

อย่างไรก็ตาม นายสุชาติ กล่าวอีกว่า อยากให้รัฐบาลศึกษาการแก้ปัญหาของต่างประเทศ เพราะว่าการแก้ปัญหาของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยใช้เครื่องมือด้านการจำกัดปริมาณ เป็นเรื่องที่ล้าสมัย และสร้างความสูญเสียกับระบบเศรษฐกิจด้วย
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #22 เมื่อ: 22 ก.ย. 10, 11:38 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ธปท.รับจับตาค่าเงินบาทใกล้ชิด
http://news.sanook.com/968211


นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. อยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด โดยเน้นสกัดเงินทุนที่จะไหลเข้าจากต่างประเทศอย่างใกล้ชิด โดย
เฉพาะในตลาดตราสารหนี้ ซึ่งกำลังตรวจสอบและติดตามสถานการณ์เงินไหลเข้า โดยขณะนี้ยังเน้น 5 มาตรการหลัก ที่สนับสนุนให้เงินทุนไหลออกนอกประเทศมากขึ้น เพื่อเป็นการผ่อนคลายสถานการณ์ โดยช่วยให้บุคคล และ
บริษัทที่ต้องการไปลงทุนหรือซื้อกิจการในต่างประเทศมีความสะดวกมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ธปท. ยังมองไม่เห็นการเก็งกำไรค่าเงินชัดเจน เนื่องจากมีความอ่อนไหวและการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงเร็วของการไหลเข้าและไหลออก มาก


***************************************

จงเลิกคาดหวังว่าแบงค์ชาติจะมีความจริงใจในการแก้ปัญหาอย่างแท้จริง
ขนาดผมไปเสนอความผิดที่เห็นชัดของแบงค์กสิกรไทยและแบงค์ต่าง ๆ
เขายังไม่ใส่ใจเหลียวแลอย่างที่ควรจะเป็นเลย
ทำยังกับว่าแบงค์ชาติมีหน้าที่รับใช้แบงค์พาณิชย์ให้เห็นตำตาตำใจเสียอีก
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Tags:  

หน้า: 1

 
ตอบ

ชื่อ:
 
แชร์ไป Facebook ด้วย
กระทู้:
ไอค่อนข้อความ:
ตัวหนาตัวเอียงตัวขีดเส้นใต้จัดย่อหน้าชิดซ้ายจัดย่อหน้ากึ่งกลางจัดย่อหน้าชิดขวา

 
 

[เพิ่มเติม]
แนบไฟล์: (แนบไฟล์เพิ่ม)
ไฟล์ที่อนุญาต: gif, jpg, jpeg
ขนาดไฟล์สูงสุดที่อนุญาต 20000000 KB : 4 ไฟล์ : ต่อความคิดเห็น
ติดตามกระทู้นี้ : ส่งไปที่อีเมลของสมาชิกสนุก
  ส่งไปที่
พิมพ์อักษรตามภาพ:
พิมพ์ตัวอักษรที่แสดงในรูปภาพ
 
:  
  • ข้อความของคุณอยู่ในกระทู้นี้
  • กระทู้ที่ถูกใส่กุญแจ
  • กระทู้ปกติ
  • กระทู้ติดหมุด
  • กระทู้น่าสนใจ (มีผู้ตอบมากกว่า 15 ครั้ง)
  • โพลล์
  • กระทู้น่าสนใจมาก (มีผู้ตอบมากกว่า 25 ครั้ง)
         
หากท่านพบเห็นการกระทำ หรือพฤติกรรมใด ๆ ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมถึง การใช้ข้อความที่ไม่สุภาพ พฤติกรรมการหลอกลวง การเผยแพร่ภาพลามก อนาจาร หรือการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้ผู้อื่น ได้รับความเสียหาย กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม