|
สาวกแดง
|
คงยากนะที่...หนาแบบอภิสิทธิ์..จะลาออก
แต่เรารอดูอีกนิด แม้ที่น้อยนิดบนแผ่นดินไทย
ก็จะไม่ให้เขาอยู่...5555
|
|
|
|
![]() |
|
เอาซะหน่อย
|
ว่ากันไปทีใครทีมันเนอะเรื่องพรรนี้
ลิเกโรงใหญ่ดูจนตายก็ไม่จบ
|
|
|
|
![]() |
|
Chris
|
|
|
|
|
![]() |
|
wikileaks
|
ให้ไปอ่านใน wikileaks ที่สถานฑูตสหรัฐ ประเมิน สถานะการณ์ว่า เสื้อแดงต่อสู้เพื่อ ประชาธิปไตย เสียแต่ว่าอ่านภาษาออกหรืเปล่า
|
|
|
|
![]() |
|
|
ท่านได้อ่านบทความเรื่อง "“ความโชคดีซ้ำซากของพรรคประชาธิปัตย์" หรือยังครับ ผมอยากรู้ว่าคนที่ชอบพูดดูถูกคนอื่น ในกระทู้ "ย้อนรอยคดียุบพรรค ทรท" อ่านแล้วจะมีความเห็นอย่างไร
รู้สึกว่ากระทู้ ความโชคดีซ้ำซากของพรรคประชาธิปัตย์ ผมเคยอ่านแล้วครับ แต่จำไม่ค่อยได้ ตอนนี้ไปหาอ่าน ก็หายไปแล้ว ส่วนที่คุณอยากรู้ว่า คนที่ชอบดูถูกคนอื่นในกระทู้ ย้อนรอยคดียุบพรรค ทรท นั้นเป็นอย่างไร กระทู้นี้หรือครับ http://webboard.news.sanook.com/forum/?topic=3325161 ...เหอะๆๆ ผมก็อยากรู้เหมื่อนกัน
|
|
|
|
![]() |
|
|
ผมอยากให้นายกทำดีเพื่อคนจนและชาวไร่ชาวนาที่ไม่มีเงินเดือนกินเพราะเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศไทยและขาดที่พึ้งเพราะนายกต้องรับใช้ประชาชน
|
|
|
|
![]() |
|
likethiscomment
|
แกนนำเหลือง พยายามเรียกสาวก ออกมาชุมนุมก็ไม่มีอะไรมาก ก็แค่ ทุนเริ่มหมด กระแสเริ่มตก เลยอยากจะมาป่วนเมื่องซักหน่อยเพื่อหาทุนใส่กระเป๋า อีกอย่างก็เปรียบเหมื่อน โยนหินถามทาง ถ้าออกมาเยอะ เหอะๆ.....มันก็เบ่งคับฟ้า แต่ออกมาน้อย มันเลยมุดกลับรู หาข้ออ้างใหม่ๆมาประท้วง มุขนี้หากินได้ตลอดกาล  ชอบมา...อย่างนี้สิ ถึงเรียก "ปัญญาชน"
|
|
|
|
![]() |
|
Rooster
|
คงยากนะที่...หนาแบบอภิสิทธิ์..จะลาออก
แต่เรารอดูอีกนิด แม้ที่น้อยนิดบนแผ่นดินไทย
ก็จะไม่ให้เขาอยู่...5555
/////////////////////////////////*-* ก็คงรอต่อไปนะเหมือนรอทักแม้วกลับมา ถึงตอนนี้ ณ ปัจจุบัน แม้วยืนตรงไหนของแผ่นดินไทยในซอกหลืบก็หาไม่เจอเออ... 5555   อะม้วนหางซิ
|
|
|
|
![]() |
|
|
 ป่านนี้ตระกูลป้าโนตมคงอายหน้ามุดแผ่นดินแล้ว เมื่อไม่มอาวุธแค่บอกก็ถอยแล้ว ไม่ต้องโชว์ขนาดนี้ บ่งบอกถึงการใช้สมองส่วนไหนคิดเลย คงจะครือกันกับแกนนำที่ชื่อจตุพร เรียนรามฯเท่าไหร่ก็แทบจะไม่จบ การสู้กันด้วยวิถีการเมืองคือการเลือกตั้งที่ใสสะอาดเท่านั้น โดยไม่ต้องซื้อเสียงหรือใส่ร้ายกัน ทำได้ป่ะเพื่อไทย
|
|
|
|
![]() |
|
กาน
|
ปลากระป๋องเน่า นมโรงเรียนบูด ยุบพรรคหมดอายุ
|
|
|
|
![]() |
|
![]() |
|
|
มาก
|
ปลากระป๋องเน่า นมโรงเรียนบูด ยุบพรรคหมดอายุ
ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆ
|
|
|
|
![]() |
|
test
|
|
|
|
|
![]() |
|
คนอยู่บ้าน
|
ไม่มีเสื้อเหลืองไม่ได้ แต่ขออย่าชุมนุมค้างคืน
ก็เสื้อเหลืองฟุ้งซ่าน หวาดระแวงจนโอเวอร์ ที่คัดค้าน ห้ามแก้ ห้ามแตะ ทั้งๆ ที่รัฐธรรมนูญก็แค่กระดาษ 1 แผ่น ที่ส่งมาทางไปรษณีย์ ชาวบ้านแค่รับไปก่อนแต่ไม่ได้อ่าน อ่านบ้างไม่อ่านบ้าง ชาวบ้านไม่ได้ยืนยันด้วยว่าแก้ไม่ได้
รัฐบาลอภิสิทธิ์อย่าแก้มาตรา 190 เพื่อปรักปรำศาลว่าศาลผิด ที่ตัดสินให้รัฐบาลนายสมัคร และนพดลผิด
อย่าไปแก้เพื่อฟอกความบริสุทธิ์ให้พรรคพลังประชาชน สมัคร นพดล ที่แอบยกให้เขมร ครอบครองปรปักษ์ดินแดนไทย ยินยอมให้เขมรจดทะเบียน มรดกโลกคนเดียว โดยไม่ให้ สส ฝ่ายค้าน คือพรรคประชาธิปัตย์สมัยนั้น และ สว รับรู้ ยุ่งเกี่ยว จนทำทหารไทยกัมพูชา ขัดแย้งกัน ยิงกันตายหลายศพ บาดเจ็บหลายคน .
ชาวบ้านไม่สบายใจที่พวกคุณจะแก้ โดยอ้างเหตุผล เพื่อให้เฉพาะรัฐบาลเท่านั้น ตัดสินใจได้รวดเร็ว เรื่องอธิปไตยดินแดนที่ดิน อธิปไตยทางเศรษฐกิจ โดยอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาค้าเสรีกันโดยอิสระทุกๆ อย่าง โดยไม่คำนึงถึงแรงงาน ชาวไร่ชาวนาไทย ฯลฯ โดยไม่ให้สภารับรู้
ทั้งๆ ที่ฝ่ายค้านก็แค่พ่นน้ำลายพูดๆๆๆ เป็นตรายาง แต่นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลก็แค่ฟังๆไป แต่ยังหน้าด้าน ใช้อำนาจทำธุรกิจการเมืองยักยอก กินเปอร์เซ็นต์ จัดซื้อ จัดจ้างภาษีประชาชน ฉกเข้ากระเป๋าไป
นักธุรกิจการเมืองมีสิทธิ์ใช้คะแนนเสียงส่วนใหญ่ในสภา ที่อ้างคะแนนเสียงคนจนส่วนใหญ่ (คนอิสานเหนืออีกแล้วครับท่าน) แก้ รธน ได้ ก็เพื่อให้เฉพาะกระเป๋าเงินครอบครัวพรรคพวกตุรอด ให้ยิ่งรวย ยยย รวยขึ้น แต่ชาวบ้านจนลงๆ หนี้ท่วม
แก้เพื่อให้พวกตัวหลุดคดีความทั้งคดีฉ้อโกง คดียักยอก คดีอาญา
แก้เพื่อปล่อยตัวหัวโจกก่อการร้ายนำคนมาตาย เผาบ้านเผาเมืองออกมาจากคุก
|
|
|
|
![]() |
|
|
น้ำลายใครก็สู้น้ำลายคางคกไม่ได้ มันเหมาะสมแล้วที่จะเป็นนายกของคนเสื้อแดง..?
|
|
|
|
![]() |
|
สาวเสื้อแดง
|
|
|
|
|
![]() |
|
หนุ่ม กทม.
|
ทักษินไปหากินขี้ที่ไหนแล้วหว่ะ 
|
|
|
|
![]() |
|
สาวเสื้อแดง
|
ทักษินไปหากินขี้ที่ไหนแล้วหว่ะ  ถามหา เนี่ย จะหาเพื่อนกินเหรอจ้ะ 55555 
|
|
|
|
![]() |
|
La verita'
|
La verita'
Ok, finalmente questo sito web racconta la storia vera dei ROSSI come era, tutto ben documentato (con un approccio Holiwoodiano). Dimentica come la CNN e la BBC ci faccevano credere questa rebellione come una protesta pacifica dei poveri del Nord Est rurale contro la classe media urbana. L'uomo che si vede all'inizio e' l'ex primo ministro Thaksin, che adesso e' un rifugiato con dei miliardi di denaro che ha guadagnato illegalmente quando era primo ministro. E' molto populare can la gente rurale perche' ha introdotto la carta medica di 30 baht (che gli ospedali dovevano pagare le spese), denaro per gli anziani e organizzo una co-op per gli agricoltori. Per essere corretto egli era il primo dirigente Thai a pensare alla gente rurale del Nord e dell' Isaan. (Era abbastanza furbo a sapere che questa gente non educata e bene credente poteva essere manipolata e abbusata. Con la sua richezza organizzo' la protesta rossa a Bangkok... pagando circa 9.00 dollari al giorno ai partecipanti rossi incluendo gratuitamente cibo, bevande e divertimento. E' l' Hitler thailandese.
Un classico rosso - hhtp://www.youtube.com/watch?v=vBDm-jA3N80
|
|
|
|
![]() |
|
สาวเสื้อแดง
|
|
|
|
|
![]() |
|
☎
|
เอเอฟพี - นักการทูตสิงคโปร์วิจารณ์ผู้นำประเทศในเอเชียว่าทุจริตคอร์รัปชัน, ไร้ความสามารถ และ โง่ ทั้งยังประณามการเมืองไทยยุคทักษิณว่าคอร์รัปชันทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน โทรเลขกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งวิกิลีกส์นำมาเปิดเผยวันนี้ (12) ระบุ
โทรเลขของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งวิกิลีกส์มอบให้สำนักข่าวแฟร์แฟกซ์ของออสเตรเลีย มีเนื้อหาวิจารณ์บุคคลสำคัญของหลายประเทศเช่น มาเลเซีย, อินเดีย, ญี่ปุ่น และ ไทย
“ปัญหาหลักของมาเลเซีย คือ การขาดผู้นำที่มีความสามารถ” บิลาฮารี คอสิกัน เลขาธิการถาวรประจำกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ กล่าวกับ เดวิด ซิดนีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออก ในโทรเลขเมื่อเดือนกันยายน ปี 2008
ด้วยเหตุนี้ “สถานการณ์ในมาเลเซียจึงสับสนและอันตราย” ทั้งยังถูกกระตุ้นโดย “ความขัดแย้งด้านเชื้อชาติที่อาจเกิดขึ้นได้” จนอาจทำให้ชาวจีนกลุ่มน้อยต้องหลบหนีเข้ามาในสิงคโปร์ บิลาฮารี กล่าว
ปีเตอร์ โฮ เจ้าหน้าที่สิงคโปร์อีกคนหนึ่งกล่าวว่า นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัก ของมาเลเซียเป็น “คนฉวยโอกาส” ซึ่ง “ไม่เคยลังเล” ที่จะวิพากษ์วิจารณ์สิงคโปร์ “เมื่อสบโอกาสเหมาะ”
โฮ ยังระบุว่า ข้อกล่าวหาที่ว่า นาจิบ มีส่วนพัวพันกับการสังหารสตรีชาวมองโกเลียในปี 2006 จะเป็นรอยด่างที่คอย “หลอกหลอน” เขาไปตลอดเส้นทางการเมือง แม้ว่าเขาจะปฏิเสธมันก็ตาม
นอกจากนี้ บิลาฮารียังเคยวิจารณ์รัฐบาลไทยในปี 2008 โดยประณาม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นว่า “ทุจริต” รวมไปถึง “นักการเมืองคนอื่นๆ และฝ่ายค้านด้วย”
บันทึกข้อความเมื่อปี 2009 ระบุว่า ทอมมี โกะห์ ทูตสิงคโปร์ซึ่งดูอ่อนโยนและมีวาทศิลป์เมื่ออยู่ต่อหน้าสาธารณชน เคยวิจารณ์ญี่ปุ่นและอินเดียอย่างไม่ไว้หน้า
“ญี่ปุ่นเหมือนผู้แพ้พุงพลุ้ยที่พยายามฟื้นสัมพันธ์กับจีนและอาเซียน” และ “การที่บทบาทของญี่ปุ่นในภูมิภาคเสื่อมลงเรื่อยๆก็เนื่องมาจากความโง่, ผู้นำที่ไม่ดี และ การขาดวิสัยทัศน์ของญี่ปุ่นเอง” โทรเลขซึ่งบันทึกการสนทนาระหว่าง โกะห์ กับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุ
โกะห์ยังวิจารณ์ “เพื่อนโง่ๆ ชาวอินเดีย” ของเขาว่าอยู่ในฐานะ “ครึ่งๆ กลางๆ” ในอาเซียน โทรเลขฉบับดังกล่าวเผย
ขณะนี้รัฐบาลสิงคโปร์ยังไม่มีการตอบโต้ใดๆ แต่หนังสือพิมพ์ สเตรท ไทม์ส ซึ่งสนับสนุนรัฐบาลได้เผยแพร่ถ้อยคำวิจารณ์เหล่านี้ลงบนเว็บไซต์แล้ว
|
|
|
|
![]() |
|
☎
|
!:: จะเรียกว่า “โรคจิต” เต็มขั้นไปแล้วสำหรับ ทักษิณ ชินวัตรที่ทำทุกอย่างอะไรก็ได้เพื่อเรียกร้องความสนใจ ให้คนอื่นเห็นความสำคัญอยู่ตลอดเวลา หรือจะเรียกว่า “เสพติด”พลังอำนาจ จนเวลานี้ “จมไม่ลง” คนประเภทนี้ถ้าไม่มีการบำบัดได้ทันท่วงทีก็น่าเป็นห่วง
!:: อย่างไรก็ดีหากมองอีกมุมหนึ่งมันก็น่าเห็นใจ เพราะก่อนหน้านี้ความทะเยอทะยานส่วนตัวที่วางแผนต่อเนื่องกันเป็นสิบๆปี สามารถ “ฮุบ” เอาทุกอย่างมาไว้ในมือ แต่แล้ว จู่ๆก็มาพังครืน และยิ่งนานวันก็ยิ่งห่างไกลจนแทบหมดหวังที่จะกลับคืนสู่สภาพเดิม แถมยังมีโอกาสเสียชีวิตและหมดทุกอย่างที่เคยมีมา เป็นใครก็ต้องกลุ้ม จนต้องหาทางออกทุกทาง ทำได้แม้กระทั่งหลอกตัวเองและคนอื่นไปวันๆ
!:: การออกมาแจ้งข่าวแทนนายของ “ทนายรับจ้าง” อย่าง นพดล ปัทมะ อ้างว่า ทางคณะกรรมาธิการฯอะไรนั่นแจ้งขอเลื่อนการเชิญ ทักษิณ ไปชี้แจงที่สหรัฐออกไปก่อน อ้างว่ากรรมาธิการบางคนเป็นสมาชิกรัฐสภาติดภารกิจ ไม่สะดวก และระหว่างจะได้ยื่นขอวีซ่าเข้าประเทศเอาไว้ล่วงหน้า ฟังดูแล้วถ้าใครเชื่อคำแก้ตัว “กระจอก” แบบนี้ถือว่าสติ “ปัญญานิ่ม” เต็มทน
!:: สิ่งที่ต้องพิสูจน์อันดับแรกก็คือ “คุณเหลี่ยมจัด” มันถูกขึ้นบัญชีดำเข้าสหรัฐไม่ได้มานานเป็นปีแล้ว เหมือนกับที่สหราชอาณาจักร และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการยกเลิก สองการเคลื่อนไหวครั้งนี้ก็เป็นแค่ต้องการเป็นข่าว และจงใจให้เกิดขึ้นในช่วงเดือน “มหามงคล” เท่านั้นเหมือนเช่นที่เคยทำต่อเนื่องมาทุกปี คิดดูง่ายๆว่าถ้าการเข้าเมืองไม่มีปัญหา มีหรือคนอย่างทักษิณ จะไม่เดินเข้าออกเป็นว่าเล่น แม้จะไม่ต้องไปพูดเรื่องการเมือง แต่เอาแค่เดินไปจับมือคนนั้นคนนี้เพื่อให้เป็นข่าวหากทำได้แค่นี้มันคงทำ ตั้งนานแล้ว ทุด !!
!:: แน่นอนชัดเจนแล้วว่าการเลือกตั้งจะต้องเกิดขึ้นในราวเดือนเมษายนปีหน้าเป็น อย่างช้า เพราะถ้าฟังจากปากของ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บอกใบ้จนเข้าใจแล้ว ดังนั้นเงื่อนไขหลักเวลานี้น่าอยู่ที่การแก้ไข รธน.เป็นเรื่องหลักเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น ส่วนที่เหลืออื่นๆอยู่ในความควบคุมของรัฐบาลทั้งสิ้น และเวลานี้อย่าได้แปลกใจที่กำลังอยู่ในช่วง “ตกเขียว” หาเสียงล่วงหน้า อย่าได้แปลกใจที่จะได้เห็น “ประชานิยมใหม่” ซื้อใจครอบคลุม “ทุกหย่อมหญ้า”
!:: มีทั้งการขึ้นเงินเดือน ข้าราชการ นักการเมือง ทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น ขณะเดียวกันยังมีการแก้หนี้นอกระบบล็อตที่สอง การลดค่าครองชีพ เพิ่มสวัสดิการ มุ่งไปที่ “รากหญ้า” ชิงฐานเสียงของ “ แม้ว” ให้เปลี่ยนใจกลับมาอยู่ใน “อ้อมใจ” ของมาร์ค แม้ว่าอาจไม่ซื้อใจได้ผลเต็มร้อย แต่รับรองว่ามันต้องมีเคลิ้มกันบ้างละ
!:: นอกจากนี้ปลายเดือนนี้โผตำรวจระดับ พันตำรวนโทถึงพันตำรวจเอกระดับรองผู้บังคับการที่เป็นชุดสุดท้ายประจำปี กำลังจะคลอดออกมา ซึ่งเป็นกลไกสำคัญ เพราะจะเข้าถึงรากหญ้าเหมือนกันหลังจากก่อนหน้านี้ได้ “จัดแถว” มาแถวสองสามรอบ มาถึงนาทีนี้ก็ต้องบอกว่าคนที่ ทักษิณ กลัวที่สุดไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น อภิสิทธิ์ นี่แหละ
!:: นั่นคือคำตอบว่าทำไมถึงต้องยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ภายในเดือนนี้ และถ้าให้เดาน่าจะเป็นวันอังคารที่ 14 ธ.ค.นี้ เพราะถ้าเป็นจริงยังทำให้ภาพของเขาเป็นบวก แต่แท้ที่จริงแล้วสามารถกุมสภาพเอาไว้ทุกอย่างในมือหมดแล้ว พิษสงของเสื้อแดงทำได้แค่ชุมนุม “รายเดือน” ชุมนุมได้ชุมนุมไป เสร็จแล้วก็เลิกทำได้แค่นั้น แต่ผลสะท้อนกลับมามีแต่สร้างความรำคาญถูกมองเป็น “ตัวป่วน”
!:: ผลการเลือกตั้งซ่อมอย่างไม่เป็นทางการวานนี้(12 ธ.ค.) ทั้ง 5 เขต ทั้งใน เขต 2 กทม.และต่างจังหวัด ส่วนใหญ่ก็เป็นไปตามคาดหมาย แต่ละพรรคยังสามารถรักษาพื้นที่เดิมของตัวเองได้เกือบทั้งหมด อาจมียกเว้นที่ โคราช บุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ต้องลุ้นเหนื่อยหน่อย แต่สำหรับสนามเมืองหลวงถือว่าน่าจับตา เพราะ อภิรักษ์ โกษะโยธิน นำห่างม้วนเดียวจบ มันสะท้อนภาพรวมในคราวหน้าได้ไม่ยาก ขณะเดียวกันให้จับตาอนาคตใน “ระดับชาติ” ของ “หล่อเล็ก” คนนี้ให้ดี เพราะนี่แหละคือ “ทายาท” คนใหม่ แต่นั่นหมายความว่าต้องต่อคิว กรณ์ จาติกวณิช ก่อนนะ !!
|
|
|
|
![]() |
|
สาวเสื้อแดง
|
เอเอฟพี - นักการทูตสิงคโปร์วิจารณ์ผู้นำประเทศในเอเชียว่าทุจริตคอร์รัปชัน, ไร้ความสามารถ และ โง่ ทั้งยังประณามการเมืองไทยยุคทักษิณว่าคอร์รัปชันทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน โทรเลขกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งวิกิลีกส์นำมาเปิดเผยวันนี้ (12) ระบุ
ข่าวจากผู้จัดกวน นั้นเหรอ เค้าเลิกอ่านกันแล้ว เสียสายตา เสียเวลาทำมาหากิน ไม่ได้อ่านหนังสือฉบับนี้ฉบับเดียวไม่มีใครเค้าว่าโง่หรอก 
|
|
|
|
![]() |
|
|
!:: จะเรียกว่า “โรคจิต” เต็มขั้นไปแล้วสำหรับ ทักษิณ ชินวัตรที่ทำทุกอย่างอะไรก็ได้เพื่อเรียกร้องความสนใจ ให้คนอื่นเห็นความสำคัญอยู่ตลอดเวลา หรือจะเรียกว่า “เสพติด”พลังอำนาจ จนเวลานี้ “จมไม่ลง” คนประเภทนี้ถ้าไม่มีการบำบัดได้ทันท่วงทีก็น่าเป็นห่วง
!:: อย่างไรก็ดีหากมองอีกมุมหนึ่งมันก็น่าเห็นใจ เพราะก่อนหน้านี้ความทะเยอทะยานส่วนตัวที่วางแผนต่อเนื่องกันเป็นสิบๆปี สามารถ “ฮุบ” เอาทุกอย่างมาไว้ในมือ แต่แล้ว จู่ๆก็มาพังครืน และยิ่งนานวันก็ยิ่งห่างไกลจนแทบหมดหวังที่จะกลับคืนสู่สภาพเดิม แถมยังมีโอกาสเสียชีวิตและหมดทุกอย่างที่เคยมีมา เป็นใครก็ต้องกลุ้ม จนต้องหาทางออกทุกทาง ทำได้แม้กระทั่งหลอกตัวเองและคนอื่นไปวันๆ
!:: การออกมาแจ้งข่าวแทนนายของ “ทนายรับจ้าง” อย่าง นพดล ปัทมะ อ้างว่า ทางคณะกรรมาธิการฯอะไรนั่นแจ้งขอเลื่อนการเชิญ ทักษิณ ไปชี้แจงที่สหรัฐออกไปก่อน อ้างว่ากรรมาธิการบางคนเป็นสมาชิกรัฐสภาติดภารกิจ ไม่สะดวก และระหว่างจะได้ยื่นขอวีซ่าเข้าประเทศเอาไว้ล่วงหน้า ฟังดูแล้วถ้าใครเชื่อคำแก้ตัว “กระจอก” แบบนี้ถือว่าสติ “ปัญญานิ่ม” เต็มทน
!:: สิ่งที่ต้องพิสูจน์อันดับแรกก็คือ “คุณเหลี่ยมจัด” มันถูกขึ้นบัญชีดำเข้าสหรัฐไม่ได้มานานเป็นปีแล้ว เหมือนกับที่สหราชอาณาจักร และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการยกเลิก สองการเคลื่อนไหวครั้งนี้ก็เป็นแค่ต้องการเป็นข่าว และจงใจให้เกิดขึ้นในช่วงเดือน “มหามงคล” เท่านั้นเหมือนเช่นที่เคยทำต่อเนื่องมาทุกปี คิดดูง่ายๆว่าถ้าการเข้าเมืองไม่มีปัญหา มีหรือคนอย่างทักษิณ จะไม่เดินเข้าออกเป็นว่าเล่น แม้จะไม่ต้องไปพูดเรื่องการเมือง แต่เอาแค่เดินไปจับมือคนนั้นคนนี้เพื่อให้เป็นข่าวหากทำได้แค่นี้มันคงทำ ตั้งนานแล้ว ทุด !!
!:: แน่นอนชัดเจนแล้วว่าการเลือกตั้งจะต้องเกิดขึ้นในราวเดือนเมษายนปีหน้าเป็น อย่างช้า เพราะถ้าฟังจากปากของ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บอกใบ้จนเข้าใจแล้ว ดังนั้นเงื่อนไขหลักเวลานี้น่าอยู่ที่การแก้ไข รธน.เป็นเรื่องหลักเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น ส่วนที่เหลืออื่นๆอยู่ในความควบคุมของรัฐบาลทั้งสิ้น และเวลานี้อย่าได้แปลกใจที่กำลังอยู่ในช่วง “ตกเขียว” หาเสียงล่วงหน้า อย่าได้แปลกใจที่จะได้เห็น “ประชานิยมใหม่” ซื้อใจครอบคลุม “ทุกหย่อมหญ้า”
!:: มีทั้งการขึ้นเงินเดือน ข้าราชการ นักการเมือง ทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น ขณะเดียวกันยังมีการแก้หนี้นอกระบบล็อตที่สอง การลดค่าครองชีพ เพิ่มสวัสดิการ มุ่งไปที่ “รากหญ้า” ชิงฐานเสียงของ “ แม้ว” ให้เปลี่ยนใจกลับมาอยู่ใน “อ้อมใจ” ของมาร์ค แม้ว่าอาจไม่ซื้อใจได้ผลเต็มร้อย แต่รับรองว่ามันต้องมีเคลิ้มกันบ้างละ
!:: นอกจากนี้ปลายเดือนนี้โผตำรวจระดับ พันตำรวนโทถึงพันตำรวจเอกระดับรองผู้บังคับการที่เป็นชุดสุดท้ายประจำปี กำลังจะคลอดออกมา ซึ่งเป็นกลไกสำคัญ เพราะจะเข้าถึงรากหญ้าเหมือนกันหลังจากก่อนหน้านี้ได้ “จัดแถว” มาแถวสองสามรอบ มาถึงนาทีนี้ก็ต้องบอกว่าคนที่ ทักษิณ กลัวที่สุดไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น อภิสิทธิ์ นี่แหละ
!:: นั่นคือคำตอบว่าทำไมถึงต้องยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ภายในเดือนนี้ และถ้าให้เดาน่าจะเป็นวันอังคารที่ 14 ธ.ค.นี้ เพราะถ้าเป็นจริงยังทำให้ภาพของเขาเป็นบวก แต่แท้ที่จริงแล้วสามารถกุมสภาพเอาไว้ทุกอย่างในมือหมดแล้ว พิษสงของเสื้อแดงทำได้แค่ชุมนุม “รายเดือน” ชุมนุมได้ชุมนุมไป เสร็จแล้วก็เลิกทำได้แค่นั้น แต่ผลสะท้อนกลับมามีแต่สร้างความรำคาญถูกมองเป็น “ตัวป่วน”
!:: ผลการเลือกตั้งซ่อมอย่างไม่เป็นทางการวานนี้(12 ธ.ค.) ทั้ง 5 เขต ทั้งใน เขต 2 กทม.และต่างจังหวัด ส่วนใหญ่ก็เป็นไปตามคาดหมาย แต่ละพรรคยังสามารถรักษาพื้นที่เดิมของตัวเองได้เกือบทั้งหมด อาจมียกเว้นที่ โคราช บุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ต้องลุ้นเหนื่อยหน่อย แต่สำหรับสนามเมืองหลวงถือว่าน่าจับตา เพราะ อภิรักษ์ โกษะโยธิน นำห่างม้วนเดียวจบ มันสะท้อนภาพรวมในคราวหน้าได้ไม่ยาก ขณะเดียวกันให้จับตาอนาคตใน “ระดับชาติ” ของ “หล่อเล็ก” คนนี้ให้ดี เพราะนี่แหละคือ “ทายาท” คนใหม่ แต่นั่นหมายความว่าต้องต่อคิว กรณ์ จาติกวณิช ก่อนนะ !! ถ้าแม้นเอ็งยังมีความเป็นคนสักนิด กล้าบอกได้ไหม ใครมีหุ้นมากที่สุดในประเทศนี้ ใครมีที่ดินมากที่สุดในประเทศนี้ คุณคนนั้นแหละที่มันกลัวว่าคนจะรักทักษิณมากกว่ามัน นั่นโรคจิตรขนานแท้ อาจรวมเอ็งด้วย
|
|
|
|
![]() |
|
☎
|
เห็นข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์ฉบับวันศุกร์องค์กรโปร่งใสนานาชาติ ซึ่งมีสำนักงานที่กรุงเบอร์ลินเผยผลสำรวจทั่วโลก ระบุคนไทย 100 คนมี 30 คนจ่ายใต้โต๊ะให้เจ้าหน้าที่รัฐ เป็นสัดส่วนการทุจริตที่สูงกว่าเพื่อนบ้านทั้งมาเลย์ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ส่วนสิงคโปร์นั้นไม่ต้องพูดถึง
ข่าวแบบนี้นักการเมืองฝ่ายค้านชอบ คนเสื้อแดงก็ชอบเพราะไปสำรวจในบอร์ดใน FB สีแดงก็พบเห็นมีการวิจารณ์เรื่องนี้กันพอสมควรเพราะหยิบมาย้ำยังไงก็ซัดใส่ รัฐบาลไปเต็ม ๆ อารมณ์นี้ดูเหมือนแต่ละคนแต่ละความเห็นดูจะรังเกียจเดียดฉันท์การทุจริต คอรัปชั่นการจ่ายใต้โต๊ะกันซะเหลือเกิน
ซึ่งก็น่าตลกดีที่ในยุคหนึ่งสายตาของคนกลุ่มเดียวกันนี้แทบมองไม่ เห็นการทุจริตคดโกงในรัฐบาลที่ตนชื่นชอบ ไม่ว่าทักษิณ สมัคร สมชาย แต่พอเปลี่ยนมาเป็นรัฐบาลที่ตนไม่ชอบสายตาพลันบังเกิดมองเห็นชัดเจนขึ้นมา เหมือนกับส.ส.ที่อยู่ฟากรัฐบาลขณะนี้ก็เหมือนตาบอดกันไปทั้งหมดมองไม่เห็น สิ่งผิดปกติที่เกิดระหว่างการบริหารงานของพวกตน..อย่างว่าแต่ส.ส.เลยพวกมวล ชนขาเชียร์ที่ถือหางอยู่ก็เหมือนกัน
อาการตาบอดใบ้ระหว่างที่พวกตนมีอำนาจมันก็คือ“ความไม่เท่าเทียม-ความ ไม่เป็นธรรม” อีกลักษณะหนึ่งนั่นแหละอย่าได้ตะโกนถามหาจากใครที่ไหนเลย
ระยะหลังมานี้ “ความเท่าเทียม เป็นธรรม ไม่สองมาตรฐาน” กลายเป็นศัพท์แสงฮิตของรากหญ้าไม่แพ้คำว่าไพร่-อำมาตย์ที่เคยติดปากกันมา ก่อนหน้า อันที่จริงวงการต่าง ๆ โดยเฉพาะวงวิชาการเคยใช้คำเหล่านี้มาอภิปรายเขียนหนังสือบทความแต่ก็ไม่มีคน ให้ความสนใจ แม้แต่ช่วงพันธมิตรชุมนุมแรก ๆ เมื่อปี 2548-49 พยายามงัดเอาคำเหล่านี้มาประณามการกระทำของรัฐบาลทักษิณแต่ก็ต้องยอมรับว่า ฮิตไม่เท่ากับยุคนี้ที่คนเสื้อแดงเอามาใช้อย่างเห็นผล
แม่ค้า หาบเร่ ยาม สามล้อเครื่อง จับกัง ไล่เรื่อยมาถึง อาจารย์มหาวิทยาลัย นักเขียนปากกล้า นักการเมืองในสภาต่างก็ใช้คำเหล่านี้กันถ้วนหน้า..บางคนพร่ำเพ้อเรียกหาราว กับว่าสิ่งที่เรียกหานั้นมันเคยมีอยู่จริงในสังคมประชาธิปไตยไทย ๆ แล้วบังเอิญมันหายวับไปกับตาทันทีที่ทักษิณถูกรัฐประหารเมื่อกันยายน 2549
เอาเถอะ..จะปั่น จะปลุก จะทำให้ซึมซาบกันด้วยวิธีใดก็ตามผมยังมองว่ามันเป็นการดีที่มีขบวนการทำให้ ประชาชนจำนวนมากได้ยินได้ฟังได้สัมผัสและอยากเห็นสิ่งที่กล่าว ๆ มาอย่างกว้างขวาง (ไม่ว่าฝ่ายเหลืองฝ่ายแดงฝ่ายขาวเขียวหรือสีใด)
จะได้ยินจำ ๆ กันมาแบบนกแก้วนกขุนทอง หรือแบบที่อยากเห็นจริง ๆ ก็ล้วนแต่ดีกว่าไม่มีการยกมาพูดถึงเลย เพราะอย่างน้อยเผื่อมีคนจำนวนหนึ่งที่ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า..เจ้าสิ่งที่เรา เรียกร้องหาอยู่นั้นมันพร่องมาตั้งแต่เริ่ม...ไม่เคยมีอยู่เต็มเปี่ยมเหมือน น้ำในโอ่งมานานแล้ว อย่างน้อยก็ตลอด 78 ปีที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองกันมา
บางยุคมีมาก บางยุคมีน้อย แต่โดยรวมมันก็แค่ครึ่งโอ่งค่อนโอ่งแบบพอไปวัดไปวาอวดต่อชาวโลกได้
แต่ที่แน่ ๆ ไม่ใช่ว่าในยุคทักษิณ สมัคร สมชาย มี! ..แต่พอยุคพล.อ.สุรยุทธ์ อภิสิทธิ์ ไม่มี ! อย่างแน่นอน.. แท้จริงแล้วมันก็ครือ ๆ กันนั่นแหละเพียงแต่กองเชียร์ต่างหากที่ปิดตาตัวเองข้างหนึ่ง เลือกมองเฉพาะสิ่งที่ตัวเองอยากเห็น
ถามจริงเหอะ..ที่ตะโกนปาว ๆ อยากเห็น “ความเป็นธรรม-เท่าเทียม”นั้นน่ะอธิบายได้ไหมว่าอย่างไร
คนเสื้อแดงที่ตะโกนปาว ๆ เรียกหาความเป็นธรรม-ไม่สองมาตรฐานน่าจะลองมานึกตรึกตรองด้วยสติสัมปชัญญะ สักรอบว่า ถ้าคุณอยากจะเห็นความเป็นธรรมเท่าเทียมไม่สองมาตรฐานเกิดขึ้นในสังคมนี้ อย่างสมบูรณ์ทั่วถึงจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้มันเกิดขึ้น...?
-ออกไปใส่เสื้อแดงประท้วงทุกวันที่ 10 วันที่ 19 และวันอาทิตย์จนกว่ารัฐบาลนี้จะลาโรงไป และเมื่อนั้นสังคมไทยจะได้ความเท่าเทียม อาการสองมาตรฐานที่หายไป ? กลับคืนมาทันที !!?
-หรือว่าต้องทำอะไรมากกว่านั้น ?
-หรือต้องทำอะไรที่ไม่ใช่แบบนั้น ?
ลึก ๆ ผมอยากให้มีนักวิชาการทำวิจัยสำรวจทัศนะคติคนเสื้อแดงเป็นการเฉพาะเพียงคำ ถามเดียวว่าด้วย เห็นด้วยกับความคิดว่า “โกงก็ได้ขอให้ทำงานเป็น” เพราะอยากจะรู้ลึกลงไปจากผลวิจัยเอแบคโพลล์เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาบอก ว่าล่าสุดคนไทยยอมรับรัฐบาลที่ทุจริต แต่ขอให้ประเทศชาติเจริญรุ่งเรือง+ประชาชนอยู่ดีกินดี เพิ่มขึ้น จากร้อยละ 62.2 ในเดือน ต.ค. 51 เป็นร้อยละ 76.1
อยากรู้ว่าใน 76.1 % ที่ยอมรับรัฐบาลทุจริตเป็นแดงกี่เปอร์เซ็นต์ และสีอื่นที่ไม่ใช่แดงสักกี่เปอร์เซ็นต์
ทำไมเหรอครับ..? ก็เพื่อจะบอกกับคนเสื้อแดงว่า เป้าหมายในชีวิตที่พวกท่านอยากเห็นสังคมเกิดความเป็นธรรม ไม่มีสองมาตรฐานและเท่าเทียมที่ได้แหกปากตะโกนร่วมกับแกนนำนักการเมืองใหญ่น้อยนั้นจะไม่มีวันเป็นไปได้โดยเด็ดขาดถ้าคนไทยยังมีความคิดแบบนี้
ลองใช้สมองตรองดูเถอะครับอย่าใช้ส่วนอื่นตรอง..ว่าสิ่งที่ท่านต้อง การให้สังคมเกิดเป็นธรรมเท่าเทียมจะเป็นจริงได้ยังไงเพราะต่อให้พรรคที่ท่าน ชมชอบได้เป็นรัฐบาล และบริหารงานตามแบบฉบับโกงไม่เป็นไรขอให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้าการประมูล งานแบบโกง ๆ มันจะเกิดจากพื้นฐานความเป็นธรรมไม่สองมาตรฐานได้ยังไง ขึ้นชื่อว่าฮั้วประมูลมันก็คือสองมาตรฐานไม่เป็นธรรมต่อคนอื่นนั่นเอง
เกิดมีการรับสมัครคนเข้าทำงานในอบต.-อบจ.หรืองานของหน่วยงานรัฐ แล้วมีแต่เด็กเส้นเด็กฝากเด็กที่ทุจริตข้อสอบเพราะมีอาจารย์แอบเอาข้อสอบให้ ดู หรือมันจงใจพกโพยไปเข้าห้องสอบเอาเปรียบชาวบ้าน.. อีแบบนี้มันจะเกิดสังคมที่ไม่สองมาตรฐานได้ยังไงไม่ทราบ ?
ทุกวันนี้เวลาได้ยินคนพูดคนเขียนคนแหกปากตะโกนเรียกหาความเท่าเทียม เป็นธรรมไม่สองมาตรฐานขึ้นมาทีไรผมต้องชะงักเพื่อค้นหาคำตอบว่าที่เขาเรียก หาอยู่นั่นน่ะมันเป็น “ความเท่าเทียมเป็นธรรมแบบเดียวกับที่เรารู้จัก” หรือเปล่า ?
หรือว่ามันเป็นแค่ “ความไม่เป็นธรรมนกแก้วนกขุนทอง” เฉพาะกิจ
เป็นการมองความไม่เป็นธรรมด้วยสายตามองแบบ realtime ก็คือแบบระยะสั้น ๆ วัดจากหัวแม่ตีนตัวเองห่างออกไปแค่ไม่กี่เมตร ไม่สามารถมองย้อนหลังไปไกลกว่า 1-2 ปี ?
|
|
|
|
![]() |
|
☎
|
อันที่จริง “ความเป็นธรรมและธรรมาภิบาล” เป็นองค์ประกอบที่ขาดได้ไม่ได้ของสังคมประชาธิปไตยยุคใหม่ (หรือถ้าไม่ชอบคำว่าประชาธิปไตยใช้สังคมที่ดียุคใหม่แทนก็ไม่ต่างกัน) เช่นเดียวกับ “ความเชื่อในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์สิทธิมนุษยชนและหลักเสรีภาพความเท่าเทียม”
ทั้งสององค์ประกอบคล้ายกับปีกสองข้างที่สังคมประชาธิปไตยใดขาดสิ่งใด สิ่งหนึ่งไปก็ยากจะบินขึ้นสูงสู่ชั้นบรรยากาศในระดับเดียวกับสังคม ประชาธิปไตยที่เขาพัฒนาแล้ว
อุปมาว่าหากขาดปีกใดปีกหนึ่งไป สิ่งที่ประกาศตัวว่าเป็นนกจะบินได้แค่ไก่ แล้วยังหลอกตัวเองว่าเป็นนกเหมือนชาวบ้านเขา
บทบัญญัติที่รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญเป็นหลักประกันอย่างหนึ่งแต่ที่ เหนือไปกว่าบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญก็คือ วิถีวัฒนธรรมของสังคมนั้น ๆ ว่าเชื่อและศรัทธาในหลัก “ความเป็นธรรมและธรรมาภิบาล” ปีกหนึ่งกับ “ความเชื่อในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์สิทธิมนุษยชนและหลักเสรีภาพความเท่าเทียม” อีกปีกหนึ่งจริงหรือไม่
ซึ่งถ้าเชื่อในหลักความเป็นธรรมและธรรมาภิบาล (อย่างที่แหกปากตะโกนกัน) จะต้องไม่ปิดตาตัวเองมองเฉพาะว่าผู้ที่เกี่ยวกับหลักความเป็นธรรมก็คือ รัฐบาล ตุลาการ ตำรวจ อัยการหรือองค์กรอิสระเพียงไม่กี่หน่วยแล้วก็ตั้งท่าเรียกหาความเป็นธรรมจาก หน่วยงานเหล่านี้ยังกับว่ายกให้กันให้ได้ง่ายเหมือนมือถือหรือไอแพดสัก เครื่อง เพราะที่สุดแล้วพลังที่จะกดดันและสร้างให้สังคมนี้บังเกิดความเป็นธรรม เท่าเทียม ไม่สองมาตรฐานได้จริงก็คือพลังของประชาชนเจ้าของประเทศที่เชื่อศรัทธาและ อยากเห็นสิ่งดังกล่าวบังเกิดขึ้นจริง
แต่ถ้าประเภทตะโกนหาความเป็นธรรม ไม่สองมาตรฐานตอนเช้า ตกเย็นกลับบ้านไปหาอบต.ใช้เส้นขอฝากลูกทำงาน แล้วพอมีคนมาสำรวจความเห็นดันบอกว่า โกงไม่เป็นไรขอให้ทำงานเป็น
ถ้าเป็นแบบนี้ก็ป่วยการที่จะแหกปากตะโกนเรียกหาความเป็นธรรม ไม่สองมาตรฐานให้กับตัวเองหรือให้กับนายแม้วเลย เพราะที่สุดแล้วไม่ว่าใครสักคนต่างก็ไม่เชื่อและศรัทธาในสิ่งนั้นจริง ๆ !
|
|
|
|
![]() |
|
ก้อเห็นอ่านอยู่นี่
|
เอเอฟพี - นักการทูตสิงคโปร์วิจารณ์ผู้นำประเทศในเอเชียว่าทุจริตคอร์รัปชัน, ไร้ความสามารถ และ โง่ ทั้งยังประณามการเมืองไทยยุคทักษิณว่าคอร์รัปชันทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน โทรเลขกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งวิกิลีกส์นำมาเปิดเผยวันนี้ (12) ระบุ ข่าวจากผู้จัดกวน นั้นเหรอ เค้าเลิกอ่านกันแล้ว เสียสายตา เสียเวลาทำมาหากิน ไม่ได้อ่านหนังสือฉบับนี้ฉบับเดียวไม่มีใครเค้าว่าโง่หรอก  ดีแล้วที่อ่าน ไหนว่าเค้าเลิกอ่านกันแล้วไง?????
|
|
|
|
![]() |
|
สาวเสื้อแดง
|
|
|
|
|
![]() |
|
|
☎
|
นับแต่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาลงโทษจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีให้ความยินยอมภริยาซื้อที่ดินรัชดาฯ จากหน่วยงานของรัฐซึ่งอยู่ในกำกับดูแลของตน อันเป็นความผิดตามกฎหมาย ป.ป.ช.ว่าด้วยเรื่องเกี่ยวกับการมีผลประโยชน์ทับซ้อน เป็นต้นมา
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งหลบหนีคดีดังกล่าวได้ออกแถลงการณ์โจมตีคำพิพากษาดังกล่าว โดยกล่าวหาว่าตนเองถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง โดยมีบุคคลที่มีอำนาจเหนือศาลอยู่เบื้องหลังการตัดสินคดี (มติชนรายวัน 24 ต.ค. 2551 หน้า 15)
หลังจากนั้น บรรดานักการเมืองที่อยู่ฝ่ายเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ทยอยกันออกมาแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณชนต่างๆ นานา ในลักษณะที่เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของศาลยุติธรรมอย่างเป็นขบวนการต่อ เนื่องตลอดมา
ในการเคลื่อนไหวมวลชนของกลุ่มคนเสื้อแดงตั้งแต่ต้นปี 2553 จนถึงกลางเดือนเมษายน พ.ศ. 2553 แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงหลายคนได้กล่าวพาดพิงดูหมิ่นการตัดสินของศาลฎีกาแผนก คดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหลายครั้งหลายหน เป็นต้นว่า
เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2553 นายอดิศร เพียงเกษ ได้กล่าวปราศรัยบนเวทีคนเสื้อแดงที่จังหวัดพัทลุง มีใจความตอนหนึ่งว่า “ศาลยุติธรรมหรือศาลอะไรก็ช่าง ศาลสองมาตรฐาน ต่อไปถ้าเป็นอยู่อย่างนี้มันจะไม่มีศาล ยกเว้นศาลเดียวที่บ้านคือศาลพระภูมิ.....ท่านทักษิณผิดอะไร เซ็นยินยอมให้เมียไปซื้อที่ดิน ซื้อถูกต้อง ขายถูกต้อง เซ็นยินยอมติดคุก 2 ปี บ้าที่ไหนในโลกเขาทำกัน ประเทศนี้เพี้ยนไปหมดแล้ว”
ในวันเดียวกันนี้ นายวีระ มุสิกพงศ์ กล่าวปราศรัยปลุกระดมมวลชนก่อนวันพิพากษาคดียึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีใจความตอนหนึ่งว่า “อีกไม่กี่วันศาลจะตัดสิน มีคนมากมายว่าเรื่องนี้จะเอายังไง ผมบอกไม่ต้องถาม ยึดแน่นอน ไม่ต้องสงสัย เขายึดหมด ไม่เหลือสักบาท.........เป็นการกระทำของโจรปล้นทรัพย์ชัดเจน”
ครั้นเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำพิพากษาให้ยึดทรัพย์ บางส่วนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะเหตุมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจากการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ
วันรุ่งขึ้น พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กับผู้บริหารพรรคก็เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย โดยพลเอกชวลิตได้อ้างถึงคำกล่าวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า กระบวนการตัดสินคดียึดทรัพย์อยู่ในร่มเงาของอิทธิพลบางอย่าง ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้รับความเป็นธรรม
ต่อมาในคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ส่งตัวนายวิคเตอร์ บูท ผู้ต้องหาชาวรัสเซียไปดำเนินคดีที่ประเทศสหรัฐอเมริกา นายจตุพร พรหมพันธุ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า
“ศาลชั้นต้นตัดสินไม่ยอมส่งตัวนายวิคเตอร์ บูท ไปดำเนินคดีที่สหรัฐอเมริกา แต่ระหว่างอยู่ในชั้นศาลอุทธรณ์นั้น มีการไปเจรจากับรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ที่ประเทศเวียดนามว่าจะส่งตัวนายวิกเตอร์ บูท ให้ได้ แต่ต้องแลกกับตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี”
นายจตุพรยังกล่าวต่ออีกว่า “นอกจากนี้ยังมีข่าวว่า มีคนใกล้ชิดที่ติดตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เข้าไปพบนายวิคเตอร์ บูท ถึงในเรือนจำ เพื่อให้นายวิกเตอร์ บูท ให้การซัดทอดว่า พ.ต.ท. ทักษิณ สั่งให้ขนอาวุธจากเกาหลีเหนือมายังประเทศไทยเพื่อไปให้กับคนเสื้อแดง แต่เมื่อนายวิคเตอร์ บูทไม่ยอม ในที่สุดศาลอุทธรณ์จึงตัดสินแบบนี้” (มติชนรายวัน 25 ส.ค. 2553 หน้า 2)
นั่นก็หมายความว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้กล่าวหาว่า องค์คณะผู้พิพากษาในศาลอุทธรณ์ที่พิพากษาคดีส่งตัวนายวิคเตอร์ บูท มิได้มีความเป็นอิสระในการพิจารณาพิพากษาคดี แต่ได้ตัดสินคดีไปตามคำขอร้อง หรือคำสั่งจากฝ่ายรัฐบาล โดยมิได้คำนึงถึงความเป็นธรรมแก่คู่ความ
เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2553 กลุ่มคนเสื้อแดงก็ออกมาเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรศาลยุติธรรม โดยมีการวางดอกกุหลาบแดงที่หน้าเรือนจำที่คุมขังผู้ต้องหาที่เป็นแกนนำกลุ่ม คนเสื้อแดง และเขียนป้ายเสียดสีศาลทำนองว่า คนเหล่านั้นถูกขังโดยศาลเตี้ย
พฤติกรรมต่างๆ ของบุคคลดังกล่าวข้างต้น ล้วนแต่เข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดอาญาฐานดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการ พิจารณาพิพากษาคดี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 198 ซึ่งบัญญัติว่า “ผู้ใดดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาพิพากษาคดี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี..”
การที่ผู้พิพากษาเกี่ยวข้องกับคดีข้างต้นและผู้บริหารศาล ยุติธรรมมิได้ดำเนินคดี แก่บุคคลเหล่านั้น ในความผิดฐานดูหมิ่นศาล ไม่ว่าจะเป็นเพราะไม่ต้องการที่จะเป็นคู่ขัดแย้งหรือเพราะเกรงกลัวอิทธิพล อำนาจมืดก็ตาม แต่ก็ทำให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวย่ามใจที่จะกระทำการดูหมิ่นศาลอย่างต่อเนื่อง
โดยพยายามกระทำทุกวิถีทางเพื่อให้เห็นว่า ระบบกระบวนการยุติธรรมและศาลยุติธรรมและศาลไทยไม่น่าเชื่อถือ ทั้งนี้ ก็เพื่อสนับสนุนข้ออ้างของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ว่าถูกศาลจำคุกเพราะถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง
ล่าสุด เมื่อนายจตุพรยื่นหนังสือร้องเรียนต่อประธานศาลฎีกาขอให้เปลี่ยนตัวผู้ พิพากษาที่พิจารณาคดีนายกรัฐมนตรีฟ้องนายจตุพรเป็นคดีความผิดฐานหมิ่นประมาท ไม่สำเร็จ
นายจตุพรก็ยื่นฟ้องผู้พิพากษาเป็นคดีอาญาในความผิดฐาน ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งนับว่าเสี่ยงต่อการที่จะถูกฟ้องกลับเป็นจำเลยในความผิดฐานดูหมิ่นศาล หรือผู้พิพากษาในการพิจารณาหรือพิพากษาคดี และความผิดฐานฟ้องเท็จในคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 175
เชื่อว่า การที่จตุพรกล้าที่จะกระทำการท้าทายอำนาจศาลยุติธรรมดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง นั้น คงเป็นเพราะคิดว่าผู้พิพากษาหรือศาลยุติธรรมไม่กล้าดำเนินคดีแก่ตน เนื่องจากเกรงกลัวในอิทธิพลของตนกับพวกนั่นเอง
|
|
|
|
![]() |
|
☎
|
☎ ทำท่าจะเป็นไปตามคาดจริงๆว่าเป็นแค่สร้างกระแส “ลวงโลก” ชิงพื้นที่ข่าวในช่วงเดือน “มหามลคล” สำหรับกำหนดการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาของ “วีรบุรุษประชาธิปไตยชายผ้านุ่ง” อย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” เพราะล่าสุดกลายเป็นว่า “ไม่ไปแล้ว” อ้างว่าถูกรัฐบาลไทยกดดันครอบครัว ทำให้ต้องยกเลิกกำหนดการเดินทางดังกล่าว
☎ น่าเสียดายจริงๆ หาก “เหลี่ยมจัด” ไม่ไปสหรัฐฯ ไม่ได้ไปชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงและความมั่นคงในยุโรป(ซีเอสซี อี) อะไรนั่น เพราะจะได้รู้ว่าข่าวที่ว่า สหรัฐฯไม่อนุญาตให้เข้าประเทศนานมาแล้ว เหมือนกับที่อังกฤษทำมาแล้ว เพราะถ้าเข้าประเทศนั้นได้ มีหรือว่าจะไม่เดินทางเข้าออกเสนอหน้าไปโม้วันละสามเวลา ที่เห็นเวลานี้อย่างมากก็แค่ผลุบโผล่ๆ อยู่แถว ดูไบ บรูไน หรือมอนเตเนโกร ดังนั้นคราวนี้ถ้าเข้าสหรัฐฯได้ นั่นก็หมายความว่าข่าวถูกขึ้น “บัญชีดำ” เป็นเรื่องโคมลอย
☎ อีกด้านหนึ่งมันก็ต้องรอลุ้นเช่นเดียวกันว่า นี่คือแผนล่อให้ติด “กับดัก” หรือไม่ อาจรอให้เข้าไปชี้แจง สร้างภาพอะไรเสร็จสรรพ เมื่อเดินออกมาจากห้องประชุมก็จะถูกเจ้าหน้าที่เข้ามากระซิบข้างหูว่า “เชิญทางนี้ครับ” แล้วนำตัวไปสอบปากคำ จากนั้นก็ส่งกลับประเทศไทยในฐานะ “ผู้ร้ายข้ามแดน” แต่กรณีหลังเชื่อว่าไม่น่าเกิดขึ้น เพราะคนอย่าง “คุณหน้าเหลี่ยม” มันขี้ขลาด นิสัยไม่ต่างจาก “เหลิม โคลาโคลา” ไม่มีผิด คนประเภทนี้จะ “แอ็กอาร์ต” เฉพาะที่ตัวเองมีอำนาจ หรือมีคนล้อมหน้าล้อมหลังเป็นพรวนเท่านั้น ที่สำคัญ จะไม่ยอมเสี่ยงถูกจับกุมเด็ดขาด
☎ อย่างไรก็ดี ทุกอย่างก็ไม่ได้เหนือความคาดหมาย เพราะถ้าติดตามมาตลอดก็จะรู้ซึ้งถึง “สันดาน” ของคนๆนี้ได้ดี และคราวนี้ก็เช่นเดียวกันว่าเป็นแค่ “สร้างข่าว” เรียกร้องความสนใจ “จงใจ” ปล่อยออกมาในช่วงเดือน “มหามงคล” ซึ่ง ก็ทำมาทุกปี ขณะเดียวกันยังเป็นช่วงที่จะมีการเลือกตั้ง ทั้งเฉพาะหน้าคือเลือกตั้งซ่อม และเลือกตั้งใหญ่ รวมไปถึงกิจกรรมชุมนุมของเหล่าสาวกในวันที่ 10 ธ.ค. ที่จะถึงอีกด้วย เพราะถ้าไม่มีอะไรให้เป็นข่าวออกมาบ้าง เดี๋ยวมันก็ “ฝ่อ” ตายกันพอดี
☎ นี่ซิ เหนือความคาดหมายของจริง กับการที่เมื่อวานนี้ ( 9 ธ.ค.) ศาลอาญาออกหมายจับ และถอนประกัน จตุพร พรหมพันธุ์ หลังจากโยกโย้ไม่ยอมไปเบิกความในฐานะพยานฝ่ายจำเลยในคดีที่นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ฟ้องหมิ่นประมาท กรณีกล่าวหาว่า “สั่งฆ่าประชาชน” เมื่อเจอลูกนี้เข้าไปทำให้ทนายถึงกับหน้าซีด ส่วน “คุณตู่” ไม่ต้องพูดถึง เมื่อรู้ข่าวคง “หูตาเหลือก” ที่ผ่านมามันก็มาฟอร์มเดิมนั่นคือเมื่อเห็นท่าไม่ดีก็ใช้ “วิชามาร” ทำลายศาล กล่าวหาทำนองว่า “ไม่เป็นกลาง” เหมือนกับที่เคยทำลายศาลรัฐธรรมนูญ จนวุ่นวายมาแล้ว
☎ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าข่าวดังกล่าวได้สร้างความพอใจกับสาธารณชนที่ทราบข่าวเป็นอย่างยิ่ง สังเกตได้จากการขึ้นข่าวนี้ใน “เว็บผู้จัดการ” เพียงไม่กี่นาที มีคนเข้าไปเปิดอ่านจนเป็น “ข่าวยอดนิยม” มีคนสนใจติดตามมากที่สุดตลอดทั้งวัน บางครั้งก็ต้องบอกว่า “เวรกรรม” มีจริง อย่าล้อเล่น อย่ายโสโอหัง เป็นอันขาด
☎ นี่ก็เริ่มแล้วเช่นเดียวกันสำหรับคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ กรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท ถือว่าเป็นคดีที่สอง หลังจากคดีแรกศาลได้ยกคำร้อง “หลุดบ่วง” นำร่องไปก่อน โดยเมื่อวานนี้เป็นการ “นัดพร้อม” คู่กรณีกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งนับจากนี้ไปก็ถือว่าจะค่อยเข้าสู่บรรยากาศเขม็งเกลียวมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานก็ตาม แต่ถือว่าคดีเริ่มเดินแล้ว
☎ อย่างไรก็ดี มีหลายฝ่ายมองว่าคดีหลังน่าจะง่ายกว่าคดีแรก อีกทั้งความผิดก็น่าจะเป็นแบบเฉพาะตัว ซึ่งทางฝ่ายประชาธิปัตย์ก็เห็นช่องทาง อีกทั้งทีมกฎหมายก็ยังเป็นทีมเดิม นำโดย “นายหัวชวน” ชวน หลีกภัย และ “หยัด 10 ประการ” บัญญัติ บรรทัดฐาน ทำ ให้โล่งใจกันเยอะ แต่จะประมาทไม่ได้ เพราะในแง่มุมกฏหมายอะไรก็เกิดขึ้นได้ หลายคนเคยตายน้ำตื้นมาแล้ว แต่ล่าสุดก็หายห่วง เมื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ยกคำร้องคดีดังกล่าว ด้วยมติ 4 ต่อ 3 เนื่องจากเห็นว่ากระบวนการฟ้อง “ไม่ถูกต้อง”
☎ แต่สิ่งที่น่าติดตามต่อไปก็คือ เมื่อพรรคประชาธิปัตย์รอดพ้นทั้งสองคดี มันจะกลายเป็นว่าเหมือน “พยัคฆ์ติดปีก” และให้จับตาการไล่บี้ “ฝ่ายตรงข้าม” ให้จมดินไปหรือไม่ เพราะสัญญาณแบบนี้เริ่มมีให้เห็นมาตั้งแต่การผลักดันแก้ไขรธน. จนผ่านสภาวาระแรก และรอดพ้นคดี 28 ล้านบาทมาแล้ว ขณะเดียวกันนี่คือสัญญาณพร้อมมากขึ้นสำหรับการเลือกตั้งรอบใหม่ เพื่อวาดหวังกลับมามีอำนาจอีกรอบ ภายใต้รัฐบาลผสมชุดใหม่ ที่มีนายกฯชื่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในปีหน้า !!
|
|
|
|
![]() |
|
สาวเสื้อแดง
|
|
|
|
|
![]() |
|
☎
|
นักโทษชาย นายทักสิน ชินนะวัตถุ์ บ้าสมบัติ ทรัพย์เงินทอง กองท่วมหัว ด้วยฉลฉ้อ คอร์รัปชั่น เมามันมัว เห็นแก่ตัว ชั่วสันดาน “การโกงกิน”
โกงจนชิน กินเป็นนิจ กิจวัตร ปล้นสมบัติ ทรัพย์เงินทอง ของแผ่นดิน ใช้อำนาจ กวาดโกยมา เป็นอาจิณ ปั่นหุ้นชินว์ ซุกสินทรัพย์ “ซ่อนลับตา”
ทั้งโคตรโกง โกงทั้งโคตร พันธุ์โฉดฉ้อ ทั้งเทือกเถา เหล่ากิ่งกอ แตกหน่อมา ทั้งชั่วชาด ญาติโก โหติกา ทั้งด้านหนา หากินกัน “เวรบรรลัย”
เนรคุณ ผืนแผ่นดิน โกงกินชาติ แค้นอาฆาต มุ่งมาดร้าย ทำลายไทย คั่งเคืองแค้น ผืนแผ่นหล้า เคยอาศัย หวังเป็นใหญ่ ในแผ่นดิน “เดี๋ยวดิ้นตาย”
เป็นเปรตผี สัมภเวสี พเนจร เที่ยวเร่ร่อน หลอนหลอกคน จนวุ่นวาย คุณผีห่า คุณซาตาน แม้วมารร้าย ให้ชิ๊บหาย กายใจต้อง “มืดหมองมัว”
เอาเศษหญ้า มาโยนให้ หวังควายรัก คน แช่งชัก หักกระดูก ทุกทิศทั่ว ยังไม่เจียม มองเหลี่ยมหน้า กะลาหัว นรกชั่ว ทั่วทุกขุม >> ต่าง “รุมจอง” !!!
|
|
|
|
![]() |
|
☎
|
สถานการณ์ความปั่นป่วนในพรรคเพื่อไทยวันนี้ ถ้าให้พิจารณาอย่างเข้าใจก็ต้องบอกว่ามีอย่างน้อยสองสามสาเหตุประกอบกัน ซึ่งมีทั้งจากภายนอกและภายใน
ที่ผ่านมาบรรยากาศความขัดแย้งแตกแยกในลักษณะช่วงชิงการนำ แบ่งออกเป็นหลายก๊กหลายเหล่าเกิดขึ้นมาช้านานแล้ว แต่ก็ถูก “กลบเกลื่อน” เอาไว้ตลอด ขณะเดียวกันสังคมภายนอกก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องแบบนี้มากนัก
ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า พรรคเพื่อไทย ซึ่งถือว่าเป็นพรรคใหญ่ที่สุด มี ส.ส.มากที่สุด แต่กลับปรากฏว่าจนถึงบัดนี้ยังไม่มีการเสนอชื่อ บุคคลเป็น “ผู้นำฝ่ายค้าน” ในสภาผู้แทนราษฎรอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเสียที แม้ว่ากรณีนี้ในเบื้องลึกอาจเป็นเรื่อง “ละเอียดอ่อน” แต่ผ่านมานานกว่าสองปีแล้วก็น่าจะเคาะออกมาได้แล้ว
ความขัดแย่งแตกแยกดังกล่าวยังสะท้อนให้เห็นจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ล่าสุดยังต้องไปตามตัว ยงยุทธ วิชัยดิษฐ ให้กลับมารั้งตำแหน่งอีกรอบหลังจากประกาศกลับไปเลี้ยงหลานที่บ้านเงียบๆในบั้นปลาย ซึ่งการรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคของ ยงยุทธ มองได้หลายด้าน แต่สำคัญที่สุดก็คือ ต้องการให้มา “ขัดตาทัพ” เอาไว้ก่อน ยื้อเวลาพรรคแตกออกไปให้นานที่สุด
เพราะต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมามีบุคคลพยายามเสนอตัวเข้ามามากมาย มีทั้งเข้ามาในรูปแบบการแสดงบทบาทนำ จากนั้นค่อยเสนอตัวให้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ก็มี ซึ่งเท่าที่เห็นในตอนนี้ก็มักคุ้นหน้าคุ้นตากันดี เช่น พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธที่กลับมารับตำแหน่งประธานพรรค ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส. หรือบุคคลอื่นๆที่มีข่าวมาเป็นระยะอย่าง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ก็เคยถูกระบุว่าพยายามต่อสายหรือไปพบกับ ทักษิณ ชินวัตร “เจ้าของ” พรรคมาแล้วหลายครั้ง รวมไปถึงคนอื่นๆ เช่น มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน เป็นต้น แต่ในที่สุดจนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีการตอบรับออกมาให้เป็นที่ชัดเจน และจนถึงบัดนี้ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ ก็ยังเป็นหัวหน้าพรรคอยู่ต่อไป แม้ว่าถ้ามองกันตามสภาพที่เป็นจริงแล้วแทบจะไม่มีบทบาทอะไรให้จดจำได้เลย
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศแบบนี้สังคมภายนอกได้รับรู้กันดีอยู่แล้ว ไม่ต้องมาอธิบายกันซ้ำซาก แต่สิ่งที่ชวนให้ภาพของพรรคเพื่อไทยเริ่มถดถอย และกระแสของ ทักษิณ ชินวัตร ติดลบลงเรื่อยๆ ก็เริ่มมาจากการที่สังคมเริ่มรับรู้ความจริงจากคำพิพากษาคดีทุจริตต่างๆที่ทยอยออกมาเป็นหางว่าว รวมไปถึงการอยู่เบื้องหลังการยุยงปลุกปั่นให้คนเสื้อแดงก่อการจลาจลเผาเมืองถึงสองปีซ้อน โดยเฉพาะเหตุการณ์ครั้งล่าสุดเมื่อเดือนเมษายน ต่อเนื่องจนถึงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้สังคมรับรู้ความจริง และเห็นธาตุแท้ชัดเจนขึ้น
ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งก็ปรากฎว่า การยืนระยะได้นานเกินคาดของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แม้ว่า ทักษิณ ได้ทุ่มกำลังทุกทางเท่าที่มีเพื่อหวังโค่นล้ม โดยมองข้ามช็อตจะเปลี่ยนแปลงอย่างขนานใหญ่แบบถอนรากถอนโคน ซึ่งในทางตรงกันข้าม ณ นาทีนี้กลายเป็นว่าฝ่ายตรงข้ามมีความเข้มแข็งขึ้นทุกวันจนน่ากลัว
นอกจากนี้ ฝ่าย “คนทรยศ” ที่นำโดย เนวิน ชิดชอบ ที่แตกตัวออกไปสร้างพรรคภูมิใจไทยและเกาะเกี่ยวอำนาจอยู่กับ อภิสิทธิ์ ก็เติบใหญ่ สามารถเดินทับรอยสะสมสะเบียง กระสุนดินดำเอาไว้พร้อมสรรพ และที่น่าเจ็บใจก็คือการเติบใหญ่ดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อบ่อนเซาะกำลังของพรรคเพื่อไทยอีกด้วย
อย่างไรก็ดี ทุกสิ่งทุกอย่างก็มาสรุปเอาตอนที่รับทราบผลการเลือกตั้งซ่อมทั้ง 5 เขต ซึ่งมีทั้งในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด แต่ที่น่าจับตาก็คือพื้นที่เขตเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นครราชสีมา สุรินทร์ และขอนแก่น ส่วนสาเหตุที่ต้องมองข้ามพื้นที่กรุงเทพฯไปก่อน เนื่องจากได้พิสูจน์กันมาหลายรอบแล้วว่า “ตกเป็นรอง” และเริ่มถูกทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ
ดังนั้น ใน 4 จังหวัดที่เหลือหากกล่าวโดยสรุปไล่เรียงทีละจังหวัด เช่น ขอนแก่นที่เพื่อไทยเอาชนะพรรคประชาธิปัตย์ได้ขาดลอยหลายช่วงตัว ขณะที่ประชาธิปัตย์ได้แค่ 36,000 คะแนน แต่ต้องไม่ลืมว่าก่อนหน้าได้แค่ 7 พันคะแนนเท่านั้น
สำหรับพื้นที่สำคัญ คือ นครราชสีมากับสุรินทร์ ถ้าพิจารณาอย่างผิวเผินก็ต้องบอกว่าเป็นการขับเคี่ยวกันกับพรรคภูมิใจไทย โดย เนวิน ชิดชอบ กับเพื่อไทยโดยพึ่งพา “กระแสทักษิณ” แบบเดิมๆไม่เปลี่ยนแปลง หรือถ้าเรียกง่ายๆ ก็คือยังหากินอยู่กับภาพของทักษิณ นั่นเอง ขณะเดียวกันด้วยองค์ประกอบปลีกย่อยอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นอำนาจรัฐ รวมไปถึงปัจจัยนอกระบบอื่นๆ แต่ในที่สุดเมื่อผลออกมาพบว่า ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยต้องพ่ายแพ้มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะทำให้ “ตาสว่าง” กันเสียที
พื้นที่อยุธยา ก็เช่นเดียวกัน แม้ว่าจะไม่ใช่พื้นที่เดิมของพรรคเพื่อไทยก็ตาม แต่ในบรรยากาศที่ผ่านมาถือว่าเป็นพื้นที่หลักของคนเสื้อแดง แต่ก็สู้ไม่ได้
ดังนั้นถ้าให้สรุปในภาพรวมๆและความเป็นจริงที่ออกมาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า “พ่ายแพ้อย่างหมดรูป” ผิดไปจากคาดหมาย เนื่องจากคิดว่าพื้นที่ภาคอีสานเป็นของ ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย
เมื่อทุกอย่างกลับตาลปัตร แบบนี้มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะต้อง “ขวัญเสีย” หลายสิ่งหลายอย่างที่เคยปกปิดเอาไว้มันก็ถูกเปิดออกมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้หากติดตามความเคลื่อนไหวมาอย่างใกล้ชิดก็จะพบเห็นการแตกแยกชิงดีชิงเด่นกันภายในมาตลอด
ผลการเลือกตั้งซ่อมที่ออกมาดังกล่าวมันก็ยิ่งเปิดแผลความแตกแยกออกไปอีก ซึ่งก็มาจากคู่กรณีเดิมต่างฝ่ายต่างก็ชี้หน้าต่อว่ากันโทษกันไปมา และคนที่ต้องถูกกำหนดให้ต้องรับผิดชอบไปเต็มๆก็คือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งในต่างจังหวัด จนต้องออกมาตอบโต้อย่างเผ็ดร้อนตามสไตล์
ขณะเดียวกัน เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาแบบนี้มันก็เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า “กระแสทักษิณ” ได้ลดลงเรื่อยๆ ซึ่งแม้แต่เลขาธิการพรรคเพื่อไทย สุพล ฟองงาม ยังยอมรับว่าการไม่มีหัวหน้าพรรคที่ชัดเจนทำให้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ถดถอยมากขึ้น
อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาจากปัจจัยและองค์ประกอบเท่าที่มีอยู่ตอนนี้ทำให้สรุปได้ว่าผลจากการเลือกตั้งดังกล่าวจะนำไปสู่การแตกแยกที่รุนแรง และจะมี ส.ส.ย้ายพรรคออกไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย หรือแม้แต่พรรคชาติไทยพัฒนาในการเลือกตั้งครั้งหน้า ต่อไปนี้จะมี ส.ส.ทยอยออกมาแสดงตัวมากขึ้นหลังสงวนท่าที เพราะยังกลัวสอบตก แต่นาทีนี้เมื่อผลการพิสูจน์ออกมาให้เห็นทำให้ หลายคนที่เป็นประเภท “เขี้ยวลากดิน” ที่เรียกว่าเป็น “ดาวฤกษ์” มีพลังอยู่ในตัวเอง อยู่ได้ด้วยตัวเอง คนพวกนี้เมื่อได้รับข้อเสนอประเภทที่ “ปฏิเสธไม่ได้” ก็ย่อมตัดสินใจย้ายออกไป ซึ่งข่าวว่าเบื้องต้นมีไม่น้อยกว่า 10 คน
ประกอบกับเมื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญทำให้เขตเลือกตั้งเล็กลงเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองได้เปรียบ อีกทั้งเมื่อได้รับข้อเสนอที่ดีกว่า และเชื่อว่ายิ่งใกล้วันเลือกตั้ง “พลังดูด” จะยิ่งรุนแรงขึ้น และถ้าถึงเวลานั้นเมื่อ ทักษิณ ชินวัตร ปลงตกประเมินแล้วว่าโอกาสชนะนั้นริบหรี่ก็จะไม่ยอมลงทุน มันก็ยิ่งไปกันใหญ่ ตัวใครตัวมันก็แล้วกัน!!
|
|
|
|
![]() |
|
☎
|
ในวันนี้ ขุนดาบทะลวงฟันที่สู้เพื่อนายใหญ่ น่าจะเหลือเพียงไม่กี่รายเท่านั้น หลังจากที่จอมปอดแหกจำนวนไม่น้อยต่างโยนผ้าขึ้นเวทีไม่ขอท้าต่อยท้าตีกับรัฐบาลเดอะมาร์คต่อไปให้งี่เง่า โดยจอมเดนตายที่เหลือล้วนเป็นหน่อเนื้อเชื้อคนสีชาดที่นายใหญ่เชื่อใจเต็มร้อยและแน่ใจเต็มพัน “เปิ้นสู้ตายเพื่อกู” เช่น
ตุ๊ดตู่จอมตาขวาง ทนายยอดตาหวาน เด็จพี่จ้อรายวัน (ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นรายสัปดาห์) บ.ก.ลายจุดจอมหลุดเดี่ยวและสหายปูนผู้มุ่งความสำเร็จ
แน่นอนครับ ท่านรองประธานสภาโรมานอฟ ท่านนายพลรองเท้ากอล์ฟผู้ชราภาพ ท่านพ่อใหญ่จอมหวานเจี๊ยบและดาวสภาอีกมากมายต่างท่องบทกลอนของสุนทรภู่ “รู้อะไรไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี” จนขึ้นใจ ต่างรักษาระยะห่างจากเสี่ยเหลี่ยมทั้งสิ้น
คงไม่ขอวิจารณ์การเคลื่อนไหวของ “ห้าพระกาฬภักดีนายใหญ่” เพราะเกือบทุกเรื่องล้วน “วอน นอน คุก” แต่ขอพูดถึงการออกมาวิจารณ์รัฐบาลเดอะมาร์คของเด็จพี่ บางเรื่องค่อนข้างจะใกล้เคียงความจริง
อย่างเช่นเรื่อง “การยุบสภา” เป็นต้น หลังจากที่เดอะมาร์คออกมาประกาศก่อนมีการเลือกตั้งซ่อมว่า “เมื่อบ้านเมืองสงบเรียบร้อยและทุกฝ่ายพร้อมแล้ว ก็คงจะยุบสภาได้ในปีหน้า”
ต้องถือว่าเป็นวิธีพูดที่สุดยอดหลักแหลมของจอมยุทธผู้ “ซ่อนดาบไว้ในฝักอย่างมิดชิด” เพราะนอกจากพูดออกมาแล้วไม่เป็นการผูกมัดตัวเองให้ต้องยุบสภาเมื่อใด ยังมีเงื่อนไขให้อ้างได้ว่า “ถ้าบ้านเมืองยังไม่สงบเรียบร้อย ก็ยังไม่ยุบ”
คำว่า “บ้านเมืองสงบเรียบร้อย” เป็นคำนามธรรมที่พิสูจน์กันได้ไม่ง่าย
“แค่ไหนจึงจะสงบเรียบร้อย”
เมื่อพูดเป็นปริศนาธรรมเช่นนี้ เด็จพี่รายวันที่เปลี่ยนมาเป็นเด็จพี่รายสัปดาห์ก็ได้ออกมาไขปริศนาธรรมไว้อย่างละเอียด ดังนี้
“รัฐบาลจะไม่มีการยุบสภาในช่วงต้นปีหน้าอย่างแน่นอน เพราะรัฐบาลต้องการที่จะจัดทำงบประมาณปี 2555 ให้เรียบร้อย รวมทั้งมีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการอีกรอบ จนกว่ารัฐบาลชุดนี้จะมั่นใจเมื่อใดจึงจะยุบสภาเมื่อนั้น”
ตั้งแต่ฟังเด็จพี่รายวัน จนเปลี่ยนเป็นเด็จพี่รายปักษ์แล้วเปลี่ยนกลับเป็นเด็จพี่รายสัปดาห์ ก็เพิ่งมีครั้งนี้เองที่เด็จพี่จ้อได้เข้าท่าอย่างมี “ตรรกะ”
เมื่อรู้แล้วว่า รัฐบาลจะยุบสภาหลังงบประมาณผ่านและแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการเรียบร้อย เด็จพี่ก็ควรบอกให้คนเสื้อแดงทั้งหลายอย่าได้งอแงหรือก่อความวุ่นวายจนกลายเป็นสร้างเงื่อนไข “บ้านเมืองไม่สงบสุข” ทำให้รัฐบาลเลื่อนการยุบสภาออกไปจนเกือบครบวาระการครองอำนาจ
ถ้าต้องรอยาวถึงธันวาคมปีหน้า เกรงว่าพรรคเพื่อไทยจะเกิดโรค “เลือดไหลไม่หยุด” นะครับเด็จพี่
[/color][/size]
|
|
|
|
![]() |
|
|
☎
|
“อภิสิทธิ์” เร่งทุกภาคส่วนส่งเสริมการทำดีเพื่อปลูกฝังค่านิยมและจิตสำนึก พร้อม สนุนผู้ที่ทำดีเพื่อรักษาคนดี เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ ย้ำ สังคมไทยในปัจจุบันต้องการคนที่เสียสละทำงานเพื่อส่วนรวม
วันนี้ (15 ธ.ค.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงานประกาศเกียรติคุณบุคคล หน่วยงาน และโครงการดีเด่นของชาติ ครั้งที่ 21 พร้อมมอบโล่เกียรติคุณและกล่าวแสดงความยินดีแก่บุคคล และหน่วยงานดีเด่นของชาติ ประจำพุทธศักราช 2553 พร้อมด้วย นายจตุรงค์ ปัญญาดิลก ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการสำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนและส่งเสริมบทบาทของบุคคลและสถาบันทางสังคมต่างๆ เพื่อปลูกฝังค่านิยมและจิตสำนึกที่ดีในการทำงานเพื่อสังคมและประเทศชาติ ส่งเสริมการเรียนรู้ของประชาชน ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนใช้หลักธรรมในการดำรงชีวิตมากขึ้น รวมทั้ง สนับสนุนให้นำศักยภาพของบุคลากรฝ่ายต่างๆ มาใช้ในการพัฒนาประเทศ ซึ่งคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนงานตามนโยบายของรัฐบาลมาโดยตลอด
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับบุคคลและหน่วยงานที่ได้รับรางวัลในปีนี้ ส่วนใหญ่เป็นบุคคลที่สังคมรู้จักกันดี ซึ่งได้รับรู้ถึงความทุ่มเทในการทำงาน และคุณประโยชน์ของผลงานที่ได้สร้างสรรค์ขึ้นมา อาทิ วงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของไทย ภาคอุตสาหกรรม การพัฒนาบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ การออกแบบอาคารสถาปัตยกรรมไทย ที่เป็นประโยชน์ต่อการรักษามรดกทางด้านศิลปะและสถาปัตยกรรมของชาติ การพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย เพื่อเป็นยารักษาโรคแทนยาแผนปัจจุบันที่นำเข้าจากต่างประเทศ และการส่งเสริมภาพยนตร์ไทย ส่วนผลงานของหน่วยงาน คือ ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค เป็นต้นแบบของการจัดบริการสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุที่ดีของประเทศ ดังนั้น ตนหวังว่าความดีเหล่านี้จะได้รับการรักษาคุณภาพมาตรฐานและต่อยอดพัฒนาให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนต่อไป
“ทุกสังคมต้องการบุคคล และองค์กรที่ทำงานเพื่อส่วนรวม และต้องการผู้ที่ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่บุคคลอื่นในสังคมด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งสังคมไทยในปัจจุบันต้องการคนที่เสียสละทำงานเพื่อส่วนรวม ดังนั้น ต้องเร่งส่งเสริมและสนับสนุนผู้ที่ทำดีเพื่อรักษาคนดีและความดีไว้ เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่คนดี และเป็นแรงบันดาลใจให้คนไทยร่วมกันทำความดีเพื่อสังคมให้มากขึ้น” นายกฯ กล่าว
|
|
|
|
![]() |
|
|
☎
|
ปีนี้ นิตยสารไทม์ของสหรัฐอเมริกา จัดอันดับ 10 ข่าวเด่นในรอบปี (TOP 10 WORLD NEWS STORIES) ยกให้เหตุการณ์ชุมนุมเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ติดอันดับ 10
นิตยสารไทม์ ระบุด้วยว่า "ผู้ที่เป็นหัวหน้าในนามทางการเมืองของพวกเขา คืออดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งอาศัยแบบพลัดถิ่น นับตั้งแต่พ้นจากตำแหน่งในเหตุการณ์รัฐประหาร เมื่อปี 2549 และในปี 2551 ต้องโทษในข้อหาคอร์รัปชัน และต้องคำพิพากษาในช่วงที่เขาหนีการฟังคำตัดสิน"
สอดคล้องกับท่าทีและแนวทางปฏิบัติของ "ทักษิณ ชินวัตร" เอง
ซึ่งล่าสุด... ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการโทรศัพท์เข้ามาสั่งการในการประชุมพรรคเพื่อไทย โดยทักษิณย้ำกับ ส.ส.พรรคเพื่อไทยว่า ขอให้เตรียมตัว 2 อย่าง คือ อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล และเตรียมเลือกตั้งทั่วไป
"ส่วนการดูแลค่าใช้จ่ายพวกเสื้อแดง ขอให้ส.ส.ไปดูกันหน่อย ไปเยี่ยมเยียนหน่อย แล้วก็มาเบิก จดมาเลย ผมจ่ายให้ทั้งหมด"
นี่คือการตอกย้ำ ยืนยัน หรือสารภาพด้วยการกระทำ
"ทักษิณ" คือ "นายใหญ่" หรือ "นายจ้าง" หรือ "เจ้าของม็อบ" หรือ "ผู้บงการ" ?
เป็นตัวฉกาจของขบวนการเสื้อแดง ที่ลงมือปฏิบัติการจนเกิดความไม่สงบ ความรุนแรง ก่อการร้าย เผาบ้านเผาเมือง ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
ถ้ายังจำกันได้... ก่อนจะเกิดเหตุร้ายแรงขึ้น ฝ่ายรัฐบาลและแกนนำของเสื้อแดงได้เปิดเวทีพูดคุยหาทางออก(ทางลง)ร่วมกันแล้ว แต่ปรากฏว่า แกนนำเสื้อแดงบางคนเหมือนได้รับคำสั่งของใครบางคน ทำการตัดตอนทางออก ทำลายกระบวนการสันติเสวนา ยกระดับการเคลื่อนไหว เพิ่มความป่าเถื่อนรุนแรง บุกโรงพยาบาล ตั้งป้อมค่ายกีดขวางข่มขู่ผู้คนที่สัญจรไปมา หรือแม้แต่การปรากฏตัวชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ของกองกำลังติดอาวุธสงครามชุดดำ ที่ปะปนอยู่ในการ์ดของคนเสื้อแดง
เหมือนจงใจจะให้เกิดความรุนแรง เพื่อหวังใช้เลือดเป็นเครื่องมือทางการเมืองของพวกตนต่อไป
ตัวการใหญ่คนนั้นเป็นใคร?
เจ้าของม็อบคนนั้นเป็นใคร?
ในที่สุด ก็มีเหตุนองเลือด เกิดการปะทะ ฆ่ากันตายหลายศพ โดยที่เจ้าหน้าที่รัฐมิได้บุกตะลุยเข้าไปไล่ฆ่าหรือบดขยี้บริเวณชุมนุมที่แยกราชประสงค์ แต่ความสูญเสียส่วนใหญ่กลับเป็นเพราะกองกำลังติดอาวุธของขบวนการเสื้อแดงเองที่ปฏิบัติการด้วยเอ็ม79 อาวุธสงคราม และสิ่งเทียมอาวุธ (บั้งไฟ ระเบิดขวด) โจมตีเข้าใส่ทหารตามจุดสะกัดและสถานีตำรวจ ที่ตั้งอยู่วงรอบนอกพื้นที่การชุมนุม ระหว่างปฏิบัติการกระชับพื้นที่
ตามด้วยการเผาบ้านเผาเมือง ตามคำประกาศสั่งการบนเวทีการชุมนุมของคนเสื้อแดง
โดยที่คนเสื้อแดงที่อ้างว่าไม่เห็นด้วยกับการเผา ก็ไม่เคยแสดงท่าทีต่อต้าน ขับไล่ไสส่ง หรือประท้วงแกนนำเสื้อแดงที่ประกาศความรุนแรงอยู่บนเวทีการชุมนุมมาโดยตลอด
จนถึงบัดนี้... บรรดาประชาชนผู้บริสุทธิ์ ผู้ทำมาหากินโดยสุจริต แต่ร้านค้าถูกเผาทำลายไปในเหตุการณ์ไม่สงบในวันดังกล่าวจำนวนมาก ยังคงไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้กระทำผิดได้เลย
แทบไม่ต่างจากการถูกปล้นสะดมภ์
ตกเป็นหนี้เป็นสิน ภายในระยะเวลาข้ามคืน
ประกันภัยก็ไม่ยอมจ่าย อ้างว่าเป็นภัยจากการก่อการร้าย
คงมีแต่ภาครัฐที่เข้าไปช่วยเหลือ แต่ก็ทำได้เพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับมูลค่าความเสียหายจริงที่คนเหล่านั้นถูกกระทำไปโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วยเลย
วันนี้... พอเห็นว่า กระแสของตนในความรู้สึกของคนเสื้อแดงดูด้อยค่า ราคาตกต่ำ
"นายใหญ่" หรือ "เจ้าของม็อบ" ผู้บงการตัวจริง ค่อยแสดงตัว แบะท่า จะเล่นบทเป็น "นายห้าง" พร้อมจ่าย พร้อมลงทุนครั้งใหม่
น่าเศร้าใจ... ที่ผ่านมา คนเสื้อแดงก็ได้รู้เช่นเห็นชาติไปแล้วถึงสันดาน "เอาตัวรอด"
ทอดทิ้งคนเสื้อแดงที่กระทำผิดกฎหมายให้ตกระกำลำบาก
แกนนำเสื้อแดงก็ไม่ดูดำดูดี บ้างก็หนีไปเสวยสุขอยู่ต่างแดน
ส.ส.เสื้อแดงก็ไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ทั้งที่อาจใช้ตำแหน่ง ส.ส.ช่วยประกันตัวคนเสื้อแดงได้ แต่ไม่ทำ เพราะกลัวว่าตัวเองจะแปดเปื้อน (ทั้งๆ ที่ ส่วนใหญ่ เคยขึ้นเวทีปลุกระดมให้ชาวบ้านออกมาร่วมก่อการ)
ตัวนายใหญ่ ยิ่งแล้วใหญ่... ปฏิเสธความรับผิดชอบทั้งปวง
จึงมีแต่ภาครัฐและรัฐบาล ที่เข้าไปช่วยเหลือคนเสื้อแดง ช่วยประกันตัว ช่วยหาทนายความ ฯลฯ
เพราะฉะนั้น เมื่อ "นายใหญ่" โผล่ออกมาตอนนี้... ในยามที่ "ค่าของตน" ตกต่ำสิ้นราคา
กะจะใช้เงินฟาดหัวรอบใหม่
หากจ่ายเงินให้คนเสื้อแดงเมื่อไหร่ ก็อย่าลืมจ่ายชดใช้ให้คนไทยที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำของขบวนการเสื้อแดงที่จะไป "ตกเบิก" นั้นด้วย
|
|
|
|
![]() |
|
|
☎
|
ยังไม่ทันขึ้นเป็นแกนนำชาวแดงทั้งแผ่นดินอย่างเต็มรูปแบบ แต่ ธิดา ถาวรเศรษฐ์ ภรรยา เหวง โตจิราการ กลับทำให้ นปช.กลืนน้ำลาย-หายใจไม่ทั่วท้อง อันเนื่องคุณเธอประกาศก้อง... “ดิ...ดิ...ฉัน...ไม่ใช่...ตะ...ตะ...ตัวแทน...ทะ..ทะ..ทักษิณ” นั่นหมายความว่า เมื่อมิใช่ตัวแทน “เสี่ยแม้ว” ท่อน้ำเลี้ยงก็ไม่คล่องนะสิเจ๊ คิดผิดคิดใหม่ พูดผิดพูดใหม่ ไม่งั้นบักโกรกยกฝูง มอ....
อ้อ! ในฐานะที่ แดงเถือก เคยเป็น “อนุคอมมิวนิสต์” มาก่อน จึงพอจะรู้ว่า แกนนำคนเสื้อแดงคนใหม่รายนี้ เธอเป็นสุภาพสตรีที่พูด “ติดอ่าง” ดังนั้นบรรดาสาวก ทักษิณ ชินวัตร ต้องอดทนและตั้งใจฟังให้ดี อย่าผลีผลามทำอะไรแบบวู่วามเด็ดขาด ไม่งั้นอาจสับสนซัดคนกันเอง
ฝากมาจาก ตู่-จตุพร ไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เอาเป็นว่าคนเสื้อแดงที่บาดเจ็บล้มตายในเหตุการณ์เลือดที่ราชประสงค์ ไม่ใช่ฝีมือของทหาร หรือ “คนสีเขียว” เพราะความจริงเป็นฝีมือของ “ทหารเทียม”...แบบเดียวกับ “แดงเทียม” นั่นแหละ
รวบรวมสมัครพรรคพวกในสาย “ศิลปิน” ไปประชุมเพื่อปฏิรูปประเทศกันที่รีสอร์ตแถวนครนายกเมื่อวันวานที่ผ่านมา สองท่านอาวุโสศิลปินแห่งชาติ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กับ อัศศิริ ธรรมโชติ แต่กลับไร้รายชื่อของศิลปินเสื้อแดงอย่าง ทอม ดันดี วิสา คัญคัพ นี่ก็สองมาตรฐานอีกแล้วครับท่าน
พูดถึงเรื่องสองมาตรฐาน ยังไงๆ วานท่าน อัศวิน ขวัญเมือง แสร้งทำเป็นสองมาตรฐานเหมือนวงการอื่นๆ บ้างก็ได้-ไม่ว่ากัน วิสามัญฯ โจ๊ก ไผ่เขียว ไปแล้ว ถ้าเจอะเจอ อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ขอให้แกล้งมองไม่เห็นทีเถอะ...เจ้าประคุณ
ประสาคนปากมอม เอ้ย ปากอยู่ไม่สุข ว่าแล้ว เหลิม อยู่บำรุง เลยออกมาซัดพวกกันเองซะจมเขี้ยว อีกหน่อยคงเลี้ยวมาแทะ “เสี่ยแม้ว” (ถ้ายังรอดจากมะเร็งต่อมลูกหมากภายในครึ่งปีหน้า-ไม่ฮา เดี๋ยวอด)
|
|
|
|
![]() |
|
สาวเสื้อแดง
|
|
|
|
|
![]() |
|
☎
|
มีข่าวว่า ทักษิณ ชินวัตร จะเดินทางเข้าไปชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการความร่วมมือด้านความมั่นคงในยุโรป (Commission for Security Cooperation in Europe) ประเทศสหรัฐอเมริกา
ยังไม่ทราบแน่ว่า สหรัฐฯ สนใจประเด็นใดบ้าง เกี่ยวกับตัวผู้หลบหนีคำพิพากษาของศาลยุติธรรมแห่งประเทศไทยคนนี้?
1) คณะกรรมาธิการความร่วมมือด้านความมั่นคงในยุโรป (Commission for Security Cooperation in Europe) ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นหน่วยงานที่กำกับดูแล ให้ข้อมูล และสนับสนุนการทำงานเรื่องความร่วมมือทางด้านความมั่นคงในยุโรป ของสหรัฐอเมริกา
ในคณะกรรมาธิการฯ จะมีทั้งวุฒิสมาชิก และ ส.ส.ของสหรัฐฯ ร่วมเป็นกรรมการ ทำงานโดยอิสระ ไม่มีข้อผูกมัดใด เพื่อจะทำรายงานเสนอให้สมาชิกรัฐสภาของสหรัฐฯ นำไปประกอบการทำหน้าที่ต่อไป
ดังนั้น ถ้าจะถามเรื่องเกี่ยวกับยุโรป และเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกา ตามชื่อของคณะกรรมาธิการฯ ก็น่าจะถามเรื่องว่าทักษิณไปได้พาสปอร์ตจากประเทศเล็กๆ ในแถบยุโรปมาได้อย่างไร?
ซื้ออย่างไร? ดำเนินการอย่างไร?
ผู้ร้ายหลบหนีอาญาแผ่นดินจากประเทศอื่น สามารถใช้พาสปอร์ตที่จัดหามาได้จากประเทศเล็กๆ ในยุโรป เดินทางเข้าออกประเทศต่างๆ ในเครือสหภาพยุโรป (EU) อย่างสะดวกสบาย จริงหรือไม่?
แล้วอาชญากรคนอื่นๆ ที่หลบหนีคำพิพากษาของศาลยุติธรรมของประเทศอื่นๆ ซึ่งรวมถึงกรณีผู้หลบหนีศาลยุติธรรมของสหรัฐอเมริกา จะสามารถใช้เล่ห์เหลี่ยมและกลวิธีแบบเดียวกัน เป็นช่องโหว่ เพื่อหลบหนีการจับกุมได้ด้วยหรือไม่?
ทางการสหรัฐฯ อาจต้องการข้อมูลเหล่านี้ เพื่อนำไปกำหนดท่าที มาตรการ ตลอดจนข้อเรียกร้องต่อสหภาพยุโรป เพื่ออุดช่องโหว่ ป้องกันมิให้อาชญากรของสหรัฐหลบหนีไปเสวยสุขโดยถือพาสปอร์ตประเทศเล็กๆ แถบยุโรปบ้าง
2) หรือถ้าสหรัฐสนใจเรื่องภายในประเทศไทย....
กรณีเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในช่วง พ.ค.2553 ทักษิณก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์โดยตรง
เพราะหลังจากปลุกระดมชาวบ้านให้ออกมาก่อการใหญ่แล้ว ตัวเขาก็หลบหนี ซุกซ่อนตัวเองรวมถึงญาติพี่น้องอยู่ในที่ปลอดภัย ทอดทิ้งให้คนเสื้อแดงดิ้นรนกันไปตามยถากรรม ในเกมที่ตัวเขาน่าจะรู้เห็นอยู่แล้ว
คำให้การของทักษิณ ย่อมเป็นเพียงพยานบอกเล่า หรือแสดงข้อคิดความเห็น หรือแม้แต่คำแก้ตัวที่เบาหวิว ไร้น้ำหนัก
ถ้าเป็นเรื่องนี้ สหรัฐอเมริกาน่าจะต้องการตัว "จตุพร-อริสมันต์-ณัฐวุฒิ ฯลฯ" มากกว่า
เว้นเสียแต่ว่า... สหรัฐจะตั้งข้อกล่าวหาว่า ทักษิณ ชินวัตร เป็นตัวการใหญ่ในขบวนการเคลื่อนไหวทางการเมืองของคนเสื้อแดง ในช่วงที่เกิดการเผาบ้านเผาเมืองและมีทหารและประชาชนเสียชีวิตในกรุงเทพมหานคร
สอดคล้องกับแนวทางสอบสวนและดำเนินคดีของทางการไทย
ถ้าอย่างนั้น ทางการไทยก็ควรจะประสานความร่วมมือในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคดีความของทักษิณไปยังสหรัฐ เพื่อดำเนินการให้เกิด "ความร่วมมือด้านความมั่นคง" ระหว่างไทยกับสหรัฐด้วย
3) แต่ถ้าสหรัฐสนใจเรื่องเกี่ยวกับปัญหาละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่เกี่ยวข้องกับทักษิณโดยตรง
และน่าจะได้ข้อมูลเชิงประจักษ์จากการซักถามทักษิณตัวเป็นๆ ก็ควรจะสนใจ เรื่อง "การฆาตกรรมในสงครามยาเสพติด" ยุครัฐบาลทักษิณ
เรื่องนี้ อาจจะเข้าข่าย "อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ" ด้วยซ้ำ
ทักษิณนั้น อาจเข้าข่ายจะต้องชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาในฐานะตัวการใหญ่ หรือผู้สั่งการ
โดยในช่วง 3 เดือนของการดำเนินตามนโยบายประกาศสงครามขั้นแตกหักเพื่อเอาชนะยาเสพติดของรัฐบาลทักษิณ (1 กุมภาพันธ์ 2546 - 30 เมษายน 2546) เกิดกรณียิงทิ้งประชาชนผู้มีรายชื่ออยู่ในบัญชีที่ทางการสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด (บัญชีดำ) จำนวนมาก
ในการสั่งการ มอบหมาย และชี้แจงนโยบายของนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ปรากฏว่า มีลักษณะชี้นำ ปลุกเร้า และกดดันให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ปฏิบัติงานใช้ความรุนแรงนอกระบบกฎหมายเข้าจัดการปัญหา ทั้งยังมีการใช้วาทกรรมและพิธีกรรมที่ยั่วยุให้เกิดการใช้ความรุนแรงในสังคม
ยกตัวอย่าง
ทักษิณมอบหมาย สั่งการ และชี้แจงนโยบาย โดยใช้ถ้อยคำในลักษณะชี้นำ ปลุกเร้า และกดดันให้เจ้าหน้าที่รัฐผู้ปฏิบัติงานหวนกลับไปใช้ความรุนแรงนอกระบบกฎหมาย หลีกเลี่ยงกระบวนการยุติธรรม ดังที่เคยเกิดขึ้นในอดีตบางยุคสมัย เช่น
"สำหรับคนที่ค้าท่านต้องใช้ Iron fist หรือกำปั้นเหล็ก ใช้ความเด็ดขาดอย่างชนิดไม่ต้องปราณี พลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ เคยกล่าวไว้ว่า ภายใต้แสงอาทิตย์ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นเรื่องยาเสพติดผมมั่นใจว่าตำรวจไทยจัดการได้"
"การทำงานหนักของท่าน 3 เดือน ถ้าจะมีผู้ค้ายาตายไปบ้างก็เป็นเรื่องปกติ"
"บางทีถูกยิงตายแล้วต้องถูกยึดทรัพย์ด้วย ผมคิดว่าเราต้อง***มพอกัน"
"เรื่องยาเสพติดเป็นเรื่องสำคัญที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติที่เราต้องทำสงครามสู้รบให้แตกหัก และเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องมีการบาดเจ็บบ้าง"
"ที่อยู่ของขบวนการค้ายาเสพติดมี 2 ที่ คือถ้าไม่ไปคุก ก็ไปวัด"
"ผมถือว่าการที่เข้าไปพัวพันหรือเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเป็นความเลวสุดที่เราจะไม่มีการให้อภัยเด็ดขาด"
"ผมจัดการแน่นอน ไม่เก็บไว้ทำพ่อหรอก ขอให้บอกเบาะแสมา ใครขายยาผมจะหิ้วให้หมด จะส่งไปเยี่ยมยมบาลให้หมด"
ยิ่งกว่านั้น รัฐบาลทักษิณได้เร่งรัด บังคับให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง คือ ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ต้องปราบปรามผู้ค้าและผู้สงสัยว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้ได้อย่างน้อยถึงร้อยละ 25 ของบัญชีรายชื่อผู้ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด (บัญชีดำ) โดยใช้เกณฑ์วัดผลเชิงปริมาณ 3 ประการ
ประกอบด้วย (1) จับกุมดำเนินคดีจนถึงขั้นอัยการส่งฟ้องศาล (2) วิสามัญฆาตกรรม และ (3) การที่ผู้ค้ายาเสพติดเสียชีวิต ไม่ว่าด้วยกรณีใดก็ตาม
หากเจ้าหน้าที่ไม่สามารถลดยอดผู้มีชื่อในบัญชีดำได้ถึงร้อยละ 25 ก็จะต้องถูกโยกย้ายหรือพิจารณาโทษทางวินัย ทักษิณถึงกับกำชับ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานว่า "ถ้าล้มเหลวทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดก็คงต้องไปด้วยกัน"
ทำให้เกิดการฆ่าคนที่มีชื่ออยู่ในบัญชีดำขนานใหญ่
เป็นการฆาตกรรมอย่างเป็นระบบ ทั่วประเทศ
โดยที่ประชาชนเหล่านั้น ทั้งหมดเพียงต้องสงสัย และส่วนใหญ่ก็เป็นผู้บริสุทธิ์ที่ถูกจับยัดใส่บัญชีดำ โดยไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งสิ้น
สหรัฐอเมริกาน่าจะสนใจเรื่องนี้ด้วย เพราะเป็นกรณีศึกษาของการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเลวร้ายที่สุด มุ่งผลประชานิยมทางการเมือง ทำลายหลักการ "นิติรัฐ" และ "ตัดตอนกระบวนการยุติธรรม" โดยตรง
|
|
|
|
![]() |
|
☎
|
จากความพ่ายแพ้เลือกตั้งซ่อม สส.ใน จ.นครราชสีมา และจ.สุรินทร์ ต่อพรรคภูมิใจไทยอย่างหมดรูป จนบรรดา สส.อีสานพรรคเพื่อไทย ออกมาแสดงความไม่พอใจต่อความตกต่ำของพรรค และชี้ให้เห็นถึงยุทธศาสตร์การหาเสียงที่ผิดพลาดโดยเฉพาะการมุ่งแต่ชูจุดขายนำนักโทษชายแม้วกลับบ้านโดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับตัวผู้สมัคร และที่สำคัญ คือ ท่อน้ำเลี้ยงอุดตันจนทำให้ต้องพ่ายแพ้หมดรูป ซึ่งหากยังเป็นอย่างนี้เชื่อว่าจะมี สส.พรรคเพื่อไทย แห่แปรพักตร์ไปอยู่ฝ่ายรัฐบาล ทำให้การประชุมพรรคเพื่อไทยครั้งล่าสุด มีการอภิปรายถึงการปรับยุทธศาสตร์พรรคครั้งใหญ่ อย่างเคร่งเครียด
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานสส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้รับผิดชอบการรณรงค์หาเสียงศึกเลือกตั้งซ่อมสส.ในพื้นที่ภาคอีสานครั้งนี้ ยอมรับว่าความพ่ายแพ้ส่วนหนึ่งเกิดจากการวางยุทธศาสตร์หาเสียงที่ผิดพลาดโดยไม่เข้าใจถึงวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่นที่แตกต่างกัน แต่ขณะเดียวกันก็อ้างว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้พรรคเพื่อไทยพ่ายแพ้มาจากการที่พรรคฝ่ายรัฐบาลใช้กลไกอำนาจรัฐและเงินจนได้รับชัยชนะ ซึ่งหากสามารถลดการใช้เงินของพรรคฝ่ายรัฐบาลได้ราว 30 % มั่นใจว่าเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าพรรคเพื่อไทย กวาดที่นั่ง สส.ทั่วภาคอีสานแน่นอน
เหล่า สส.พรรคเพื่อไทย ได้ฟังแม่ทัพผู้พ่ายแพ้อย่าง "เป็ดเหลิม" สาธยายแล้วก็ได้แต่เออออห่อหมก แต่ในใจคงอดสงสัยไม่ได้ว่า จะจริงอย่างที่ "เป็ดเหลิม" วาดฝันหรือไม่ เพราะเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ "เป็ดเหลิม" ก็ประกาศคุยโวไว้แต่แรกว่า พรรคเพื่อไทยชนะแน่อย่างน้อย2จังหวัดในอีสานคือสุรินทร์และขอนแก่น และมีโอกาสสูงที่จะชนะที่นครราชสีมา แต่ผลกลับปรากฏว่า สนามเลือกตั้งที่สุรินทร์และนครราชสีมาพรรคเพื่อไทยพ่ายแพ้ให้พรรคภูมิใจไทยอย่างหมดรูป
อย่างไรก็ตาม ไฮไลท์การประชุมพรรคเพื่อไทยครั้งล่าสุด อยู่ที่นายใหญ่ตัวจริงเสียงจริงนั่นคือ นักโทษชายแม้ว ถึงกับลงทุนออกโรงโฟนอินมาปลอบและปลุกขวัญบรรดา สส.พรรคเพื่อไทยที่กำลังอยู่ในภาวะลังเลระส่ำระสาย และมีแนวโน้มที่จะเกิดอาการเลือดไหลไม่หยุดด้วยตัวเอง ขณะเดียวกัน นักโทษชายแม้ว ยังต้องการแสดงบารมีสร้างภาพตัวเองว่ายังไม่เสื่อมมนต์ขลัง
สาระสำคัญที่ นักโทษชายแม้ว โฟนอินปลุกปลอบขวัญบรรดา สส.ก็คือ ขอให้ทุกคนอย่าทิ้งพรรค ขอให้อยู่สู้ต่อไป และอย่าไปตกใจกับผลเลือกตั้งซ่อมที่ออกมาซึ่งไม่ได้เป็นตัวชี้วัดอะไรต่อผลการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมีขึ้น ซึ่ง นักโทษชายแม้ว อ้างว่าสาเหตุที่พ่ายแพ้เลือกตั้งครั้งนี้เพราะชะล่าใจไปหน่อยที่ต้องการทดลองยุทธศาสตร์หาเสียงโดยไม่ใช้เงินและตัวเองไม่โฟนอินมายังบรรดาหัวคะแนนในพื้นที่เพื่อต้องการวัดคะแนนนิยมที่แท้จริง แต่จากนี้ไปจะมีการวางระบบบริหารพรรคใหม่หมด รวมทั้งมีการวางยุทธศาสตร์และนโยบายการหาเสียงสำหรับการเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะมีขึ้น
พร้อมกันนั้น นักโทษชายแม้ว ก็ใช้วิธีการแบบเดิมวาดฝันปลุกขวัญบรรดาสส.เพื่อไทยให้มีความหวังและกำลังใจ ด้วยการย้ำ ขอให้ทุกคนมั่นใจว่าเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้าพรรคเพื่อไทยจะชนะอย่างถล่มทลายกวาดสส.ทั่วประเทศได้เกินกว่าครึ่งหนึ่งของสส.ทั้งหมดในสภาผู้แทนราษฎรแน่นอน ซึ่งนั่นหมายความว่าพรรคเพื่อไทยจะกลับมายิ่งใหญ่ได้เป็นรัฐบาลยึดครองประเทศแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอีกครั้ง
ที่สำคัญ นักโทษชายแม้ว ประกาศย้ำหนักแน่นตั้งรางวัลล่อใจว่า ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องท่อน้ำเลี้ยงกระสุนดินดำสำหรับการเลือกตั้งใหญ่เพราะมีให้แบบไม่อั้น ขณะเดียวกันขอให้ สส.พรรคเพื่อไทย ไปดูแลบรรดาคนเสื้อแดงด้วย โดยใครจ่ายไปเท่าไหร่ให้จดแล้วมาเบิกได้เลย
จากคำพูดโฟนอินของ นักโทษชายแม้ว จึงเป็นหลักฐานตอกย้ำว่า นักโทษชายแม้ว ก็คือเจ้าของพรรคเพื่อไทยอันเป็นหุ่นเชิดตัวจริง และเป็นผู้บงการชักใยอยู่เบื้องหลังม็อบคนเสื้อแดงที่จุดชนวนเผาบ้านทำลายเมืองในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม นักสังเกตการณ์ทางการเมืองมองว่า จากอาการของนักโทษชายแม้วเหมือนจะปากกล้าแต่ขาสั่น ซึ่งจากการโฟนอินครั้งล่าสุดแสดงให้เห็นว่านักโทษชายแม้วเองหวั่นวิตกต่อภาวะระส่ำระสายและแนวโน้มสส.เพื่อไทยที่เตรียมแห่ผละหนีไปซบพรรคภูมิใจไทยของยี้ห้อยเนวิน ชิดชอบไม่น้อย ถึงกับต้องรีบออกโรงมาปลอบขวัญพร้อมทุ่มท่อน้ำเลี้ยงไม่อั้นหวังสกัดไม่ให้เลือดไหลไม่หยุด ขณะเดียวกันก็สั่งให้ทุกคนในพรรคอยู่ไปและสู้เต็มที่ด้วยการสร้างวิมานในอากาศว่าจะได้กลับมามีอำนาจยึดครองประเทศอีกทั้งๆ ที่แนวโน้มสถานการณ์ที่เป็นจริงนั้นริบหรี่เต็มที โดยนักสังเกตุการณ์ทางการเมืองคาดการณ์ว่าสูตรจัดตั้งรัฐบาลชุดต่อไปนั้นเชื่อว่ามีการล็อกขั้วไว้เรียบร้อยแล้ว โดยยังเป็นรัฐบาลผสมชุดเดิมส่วนพรรคเพื่อไทยถึงอย่างไรก็ไม่มีทางโต มีแต่รอวันล่มสลายเท่านั้น
|
|
|
|
![]() |
|
|