acquaintance
ตัวละครหมอคนหนึ่งในหนังโทรทัศน์เรื่อง Grey’s Anatomy ถามนางพยาบาลร่วม
งานว่า “Are we friends or acquaintances ? ”
พยาบาลสาวถาม “ทำไมคะ?”
“เพราะถ้าเราเป็น ‘acquaintance’ ผมจะไม่พูดอะไร แต่ถ้าเป็น ‘friend’ ผมจะชี้ข้อเสียข้อหนึ่งของคุณให้ทราบ...”
acquaintance หมายถึงคนที่เรารู้จักกัน แต่ไม่สนิทเหมือนเพื่อน
acquaintance อาจเป็นใครบางคนที่เพื่อนแนะนำให้รู้จักตามมารยาทเพราะบังเอิญคุณอยู่ที่นั่น อาจเป็นเพื่อนร่วมบริษัทที่มีพนักงานห้าพันคนและคุณเดินสวนกับเขาปีละสองครั้ง อาจเป็นคนที่คุณกล่าวสวัสดีพอเป็นพิธีเมื่อเจอกันในลิฟท์ คนที่คุณยิ้มให้ ทักทายกันบ้าง แต่ไม่รู้ว่าบ้านของเขาอยู่ที่ไหน เขาชอบกินอะไร หรือเล่นกีฬาอะไร
ส่วน friend คือเพื่อนที่เราคบหา รู้จักกันดี รู้ว่าเขาหรือเธอชอบไม่ชอบอะไร
คนที่เป็นเพื่อนกัน (friend) ย่อมสามารถบอกจุดอ่อนของอีกฝ่าย โดยไม่ต้องเกรงว่าอีกฝ่ายจะโกรธเคือง (หรือยอมเสี่ยงถูกโกรธ) เพราะเป็นการติเพื่อก่อ เพื่อให้เขาหรือเธอเป็นคนที่ดีขึ้น (อย่างน้อยก็ในมุมมองของเรา!)
แต่หากเป็น acquaintance คุณจะไม่บอกเขาว่าเขามีกลิ่นปาก ลืมเช็ดรอยเลอะบนแก้มข้างซ้าย หรือชุดชั้นในของเธอแลบออกมา
ในกรณีชุดชั้นในแลบ โปรดระวังสักเล็กน้อยก่อนแสดงความปรารถนาดี! เรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นคือ ครั้งหนึ่งหญิงสูงวัยคนหนึ่งบอกหญิงสาวแปลกหน้าที่เดินผ่านมาว่า ชุดชั้นในของเธอแลบออกมา หญิงสาวคนนั้นกล่าวขอบคุณหญิงสูงวัยด้วยคำว่า “เสือ-ก!”
หากคนใกล้ตัวเรามีกลิ่นปาก นิสัยบางอย่างไม่ดี หากเราถือว่าเขาหรือเธอเป็นเพื่อน ก็ควรบอกให้เขาหรือเธอทราบ - แน่ละ ด้วยวิธีการที่ละมุนละม่อม และมีศิลปะการพูด
การแบ่ง acquaintance กับ friend เป็นแค่การแยกแยะระดับความสนิทสนม มิได้เป็นการยกระดับ friend แต่อย่างไร เพราะบ่อยครั้งเพื่อนแบบ friend ห่างไกลกว่า acquaintance เสียอีก เช่น บางคนขอให้ช่วยโกงบางเรื่อง ขอลอกการบ้าน ยืมเงินแล้วไม่คืน เป็นต้น
คนเราขาดเพื่อนไม่ได้ โดยเฉพาะคนที่เดินขึ้น ‘ที่สูง’ เดินด้วยคนเดียวไม่ได้ ไม่ใช่เพราะไม่ได้จริงๆ แต่เพราะหนทางชีวิตที่เดินคนเดียวอาจจะเงียบเหงาไปบ้าง
เพื่อนก็เหมือนไขมันที่ให้ความอบอุ่น แต่หากไขมันมากเกินไป ก็อุ้ยอ้ายเดินไม่สะดวก และถ้ามีไขมันชนิดเลวมากเกินไป ก็เป็นพิษกับร่างกาย แย่กว่าการไม่มีเพื่อนเสียอีก
ในชีวิตของเราเจอเพื่อนหลายแบบและหลายเกรด ว่างๆ ลองจัดเกรดเพื่อนที่คุณมีตั้งแต่ระดับ A B C D โดยที่ A คือแบบดีสุด D คือแบบแย่สุด บางทีอาจทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น นี่ก็คือการปรับปรุงคุณภาพชีวิตอย่างหนึ่ง
เกรด A คือคนที่กล้าบอกว่าคุณมีกลิ่นปาก เพื่อให้คุณพัฒนาตนเอง
เกรด A คือคนที่คุณสามารถโทร.หาเขาหรือเธอได้ตอนตีสามเพื่อขอให้รับคุณซึ่งกำลังเมากลับบ้าน
เกรด A คือคนที่เป็นที่พักพิงทางใจเมื่อคุณตกงาน อกหัก
รักษาเพื่อนเกรด A ให้ดี ขณะเดียวกันก็พยายามพัฒนาตนเองเป็นเพื่อนเกรด A ด้วย
ในกรณีที่เจอเพื่อนเกรดดี (ฝรั่ง - D) มากๆ ก็ควรปรับลดระดับจาก friend เป็น acquaintance
และถ้าแย่กว่าพวกเกรด D ก็เดินคนเดียวดีกว่า