ปชป.บุกกรุงเฮก ยื่นจม.2ฉบับ ศาลอาญาระหว่างประเทศ ฟ้องเอาผิด “แม้ว” เบื้องหลังกระบวนการฆ่าตัดตอน พร้อมแจง “มาร์ค” ไม่เคยหนีสอบเหตุสลายชุมนุม
(4 ส.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายกษิต ภิรมย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำหนังสื่อยื่นอัยการศาลอาญาระหว่างประเทศรวมทั้งประธานศาลอาญาระหว่าง ประเทศที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 27 ก.ค. เป็นการร้องศาลอาญาระหว่างประเทศในเรื่องกระบวนการฆ่าตัดตอนตามนโยบายการ ปราบปรามยาเสพติดในรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อยากเรียกร้องให้ผู้ที่ได้รับความเสียหายและไม่ได้รับความ เป็นธรรมจากกระบวนการดังกล่าว เช่น กรณีของน้องฟลุ๊คที่ถูกลูกหลงจากการจับกุมยาเสพติดของตำรวจให้มาร่วมกันเป็น โจทก์ยื่นฟ้องพ.ต.ท.ทักษิณครั้งนี้ด้วย
นายชวนนท์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ กรณีนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ไปร้องศาลอาญาระหว่างประเทศ เรื่องเหตุการณ์ความไม่สงบโดยระบุว่ากระบวนการยุติธรรมในประเทศไม่สามารถ ดำเนินการได้นั้น ในจดหมายที่ยื่นได้ชี้แจงให้เห็นว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังกระบวนการเหตุการณ์ ความไม่สงบทั้งหมดคือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯและ นายอัมเตอร์ดัม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้หลีกเลี่ยงการตรวจสอบเพราะเป็นผู้ที่ตั้งคณะ กรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริง เพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) เพื่อให้ตรวจสอบหาข้อเท็จจริงถึงเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง เมื่อปี2553 อีกทั้งน.ส..ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯก็เป็นน้องสาวของพ.ต.ท.ทักษิณ และเป็นนายกฯในรัฐบาลนี้ซึ่งก็ยินดีที่จะให้ตรวจสอบแต่ดูเหมือนว่ารัฐบาล พยายามนิรโทษกรรมและล้างผิดให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์โดยไม่มีการ สอบสวน
นายชวนนท์ กล่าวต่อว่า จากกรณีที่มีปฏิกิริยาว่า นายอัมสเตอร์ดัม ถอนตัวจากการเป็นล็อบบี้ยิสต์ ของพ.ต.ท.ทักษิณ ความจริงนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัมไม่ใช่ทนายความส่วนตัวแต่เป็นล็อบบี้ยิสต์โดยมีหลักฐานที่เป็น ข้อมูลบัญชีรายชื่อบริษัทล็อบบี้ยิสต์ต่างๆที่จะต้องแสดงต่อสภาครองเกรสของ สหรัฐอเมริกา โดยชี้ให้เห็นว่านายอัมเตอร์ดัมเป็นล็อบบี้ยิสต์ให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งแต่ ค.ศ.2006 จนถึงปัจจุบัน ดังนั้นพ.ต.ท.ทักษิณใช้นายอัมเตอร์ดัมเป็นทนายความเป้าหมายไม่ใช่เป็นการ ช่วยเหลือกลุ่มคนเสื้อแดงและเพื่อนำนายอภิสิทธิ์ขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ แต่ถามว่าเป็นการล็อบบี้ให้ได้วีซ่าเข้าสหรัฐอเมริกา โดยเอาการเปิดใช้สนามบินอู่ตะเภาไปแลกเปลี่ยนหรือไม่และเมื่อได้วีซ่าแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามสลัดว่าไม่เกี่ยวข้องกับนายอัมเตอร์ดัมทั้งที่เป็นล็อบบี้ยิสต์ทำงาน กันมาอย่างต่อเนื่อง.
ู^
^
^
ผมกลัวอย่างเดียว กลัวว่า พรรคปลาบู่ไม่กล้าจริง
ไม่รู้จะแกล้งโง่ หรือหลอกสาวกไปไหนนะครับ ว่าการนำคดีความขึ้นสู่ ICC นั้น ไม่ใช่ใครจะไปฟ้องก็ได้เหมือนศาลรัฐธรรมนูญไทย ที่มาตรา 68 เขียนไว้อย่าง แต่แปลไทยเป็นไทยก็ไม่มีอะไรต่าง เลยหาทางแปลเป็นภาษาอังกฤษ เพราะเชื่อว่าคนไทยส่วนใจจะตามไม่ทัน
ช่องทางในการนำคดีขึ้นสู่ ICC ตามข้อมูลและความเข้าใจของผมมีดังนี้
1, ประเทศนั้นๆ ลงสัตยาบัน ภาคี ICC (ไกลเกินสำหรับประเทศไทย)
2, รัฐบาลลงนามรับรองเขตอำนาจศาล เฉพาะกรณี (ตอนนี้ใครเป็นรัฐบาล ก็น่าจะรู้ พ่อปลาบู่น่าจะโดนกรณีนี้แน่ๆ เพราะแค่ รมต. ต่างประเทศลงนามก็เรียบร้อยแล้ว)
3, ผู้ถูกฟ้องถือสัญชาติประเทศที่เป็นภาคี ICC (พ่อปลาบู่ กำลังโดนเล่นกรณีนี้ ประธาน ICC ถึงกับเอ่ยปาก เรื่องใหญ่ขนาดนี้ พ่อปลาบู่น่าจะไม่ได้คิดเองคนเดียว)
ที่สำคัญอีกอย่าง ICC จะให้สิทธิ์ศาลในประเทศก่อน กรณีนี้ หากเค้าเห็นว่าศาลไทย ไม่สามารถให้ความยุติธรรมได้ เค้าจึงนำคดีนั้นๆ ไปพิจารณา