http://bit.ly/WY7nJq คำฟ้องในคดีนี้ ระบุว่า การที่ รมว.กลาโหม มีคำสั่งปลดนายอภิสิทธิ์ ออกจากราชการมีเจตนากลั่นแกล้งเพื่อให้นายอภิสิทธิ์พ้นจากสมาชิกภาพการเป็น ส.ส. และเพื่อทำลายล้างพรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ ในทางการเมือง
โดยยืนยันว่าการเข้ารับราชการทหารของนายอภิสิทธิ์ เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งคำสั่งปลดนายอภิสิทธิ์ นั้นขัดต่อเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยวินัยทหาร 2476 เพราะทหารที่อยู่ในบังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยวินัยหทาร คือ ทหารกองประจำการ และทหารประจำการ ส่วนทหารกองเกิน หรือทหารกองหนุน เช่นนายอภิสิทธิ์ นั้น เป็นทหารที่ไม่ได้รับราชการทหาร และมิได้อยู่ประจำหน่วยทหาร จึงไม่อยู่ในบังคับของของ พ.ร.บ.ดังกล่าว การดำเนินการของ รมว.กลาโหม และคณะกรรมการของกระทรวงกลาโหม ก็มิได้เป็นไปตามขั้นตอน
^
^
^
หลังจากจนมุมเรื่อง สด.9 ปลอม "มีสาระสำคัญอันเป็นเท็จ" หมดทางสู้เรื่องนี้ เค้าไม่ได้เน้นความบริสุทธิ์ แต่เบี่ยงประเด็น ไปเล่นเรื่อง รมว.กลาโหม ไม่มีอำนาจปลด อันนี้น่าติดตามครับ จะเหมือนกรณียุบพรรค ปชป. หรือไม่ ที่อยู่ดีๆ
มวยหมดราคาแล้ว แต่สุดท้ายคดีพลิก
เจอทางออกง่ายๆ ประธาน กกต. ทำความเห็นไม่ทันในเวลาที่กำหนด ไม่ต้องมีการพิสูจน์ถูกผิด นี่แหละประเทศไทย
รัฐบาลนี้จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรับรองอำนาจ ICC.และแก้รัฐธรรมนูญโดยเร็ว โดยเฉพาะในหมวด "อำนาจตุลาการ" จะต้องมีการยึดโยงกับประชาชน และสามารถตรวจสอบได้ เช่น นานาอารยะประเทศ สิ่งที่สะท้อนความล้าหลังของประเทศที่เห็นชัดเจนคือ ระบบยุติธรรม ที่สร้างความฮาไปทั่วโลกไม่รู้กี่คดีแล้ว ฉะนั้นไม่ว่ารัฐบาลจะมีจำนวนเสียงในสภาเท่าไหร่ มีประชาชนสนับสนุนสักกี่ล้าน หากขบวนการยุติธรรม ยังไม่เที่ยงธรรมพอก็เปล่าประโยชน์ เพราะความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ จะไม่เกิดขึ้น วันๆ รัฐบาล จะต้องคอยแจงต่อศาล ไม่ต้องทำมาหากินอะไรกัน