พอร์โต้ ชิโน่ ชวนเที่ยว “สมุทรสาคร” ย้อนรอยวิถีริมสายน้ำ ยลเสน่ห์เมืองท่า ช่วงนี้หลายคนหงุดหงิดกับอุณหภูมิองศาร้อน บวกกับความเร่งรีบของผู้คนในเมืองหลวง รถติดหนึบในทุกช่วงถนน
งานที่แสนจะเครียดและรุมเร้า บางทีเราก็ต้องหาเวลาหลีกหนีชีวิตที่แสนจะวุ่นวายและเร่งรีบในเมืองกรุง หลบไปที่ไหนซักแห่งเพื่อพักสมอง สูดอากาศบริสุทธิ์ แต่ด้วยเวลาที่มีอันน้อยนิดของคนในยุคสมัยที่เวลาทุกนาทีมีค่า สมุทรสาคร หรือที่ชาวบ้านเรียกติดปากว่า มหาชัย จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากทุกความวุ่นวาย ย้อนกลับไปสู่วิถีชีวิตริมน้ำท่าจีน ห่างจากทะเลเพียง 2 กิโลเมตร เป็นแหล่งรวมของความสงบและสวยงามของวัดวาอารามที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว แต่ก็ยังคงมีกลิ่นอายและความสะดวกสบายของชีวิตคนเมืองอยู่เช่นกัน
ด้วยการเดินทางที่สะดวกสบายจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่จังหวัดสมุทรสาคร ระยะทางเพียง 26 กิโลเมตร ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง เราก็เดินทางมาถึง สมุทรสาคร เป็นที่เรียบร้อย แต่ก่อนที่จะเข้าไปย้อนรอยและชมวิถีชีวิตริม
แม่น้ำท่าจีน เราก็มาแวะกันที่แรกกันก่อนกับ ไลฟ์สไตล์มอลล์แห่งใหม่ล่าสุดของเมืองสมุทรสาคร พอร์โต้ ชิโน่ (Porto Chino) ที่นี่ถือเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ล่าสุดบนถนนพระราม 2 – สมุทรสาคร เพราะนอกจากจะเป็นไลฟ์สไตล์มอลล์ที่ใหญ่ที่สุดบนถนนพระราม 2 แล้ว ชื่อยังมีความหมายที่สอดคล้องกับความเป็นเมืองสมุทรสาครที่ถูกหล่อเลี้ยงและมีต้นกำเนิดมาจาก “
แม่น้ำท่าจีน” พอร์โต้ (Porto) ก็มาจากคำว่า Port ที่แปลว่า ท่าเรือ และชิโน่ (Chino) มาจากคำว่า China ที่แปลว่า จีน ด้วยการตก
แต่งเพื่อให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ด้วย ปลาที่แหวกว่ายอยู่ด้านหน้าทางเข้า สมอเรือ ประภาคาร ตึก Starbucks ที่มีดีไซน์โดดเด่นคล้ายเพรียงทะเลเกาะ หลังคาตรงกลางคล้ายเสากระโดงเรือ ทุกอย่างถูกตกแต่งอย่างลงตัว และที่นี่ยังรวบรวมทุกร้านค้าไว้อย่างครบครัน มีร้านค้าชื่อดังเปิดให้บริการมากมาย ไม่ว่าจะเป็น The Pizza Company, MK, S&P, Fuji, McDonald, Foodland Supermarket, Wine Connection, iBeat by copperwired, ไดโซะ ฯลฯ และที่ไลฟ์สไตล์มอลล์ พอร์โต้ ชิโน่ แห่งนี้ ยังมีความพิเศษของร้านค้าที่เรียกได้ว่าเป็นการประสบการณ์ใหม่เลยก็ว่าได้กับ Starbucks Drive-Thru แห่งแรกของเมืองไทย ที่ล่าสุดได้รับมาตรฐาน LEED ระดับ GOLD แห่งแรกของภูมิภาคเอเชีย ซึ่งถือเป็นร้านกาแฟสีเขียวที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ให้นักท่องเที่ยวได้พักผ่อน ช้อปปิ้ง และอิ่มสบายท้องก่อนจะเตรียมตัวลุยเมืองท่ากัน
เริ่มต้นทริปด้วยการแวะสักการะ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร พระคู่บ้านคู่เมืองของชาวสมุทรสาครที่ตกแต่งในด้วยศิลปะจีน ตามความเชื่อของชาวสมุทรสาครก่อนออกเรือหาปลาทุกครั้งจะต้องมีการจุดประทัดเพื่อเป็นการเซ่นไหว้สักการะทุกครั้งเพื่อความเป็นศิริมงคล เมื่อสักการะพระคู่บ้านคู่เมืองเรียบร้อยแล้ว เดินทางกันต่อด้วยเรือข้ามฟากเพื่อข้ามไปฝั่งท่าฉลอม ซึ่งยังคงใช้ชีวิตตามวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมไว้อย่างดีเลยทีเดียว นั่งรถลางชมวิถีชีวิตของชุมชนบน ถนนถวาย ถนนที่รัชกาลที่ 5 พระราชทานชื่อตอนที่เสด็จประพาสต้น ตลอดเส้นทางของถนนนี้ประกอบไปด้วย โรงเจและศาลเจ้าที่สำคัญเกือบ 10 แห่งเลยทีเดียว อาทิ ศาลเจ้าสองพี่น้อง ศาลเจ้าแม่ทับทิม ศาลเจ้ากลาง ที่ตั้งอยู่กึ่งกลางของเมืองสมุทรสาคร ศาลเจ้าพ่อกวนอู เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ รวมถึงยังคงไว้ซึ่งความเก่าแก่อย่าง บ้านหลังคาจาก ที่เหลือเพียงหลังเดียวเท่านั้น บ้านไม้สักทอง บ้านที่ใช้ไม้สักทองทำทั้งหลัง มีหลังคาเป็นทรงจั่ว ปูหินลายก้างปลา ซึ่งเป็นบ้านที่มีความเก่าแก่ตั้งแต่สมัย พ.ศ.2465 จากนั้นชมความสวยงามของปากอ่าว ซึ่งสมุทรสาครถือเป็นปากอ่าวใหญ่ที่สุด 1 ใน 3 ของประเทศไทยเลยทีเดียว
หลังจากชมวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวท่าฉลอมเรียบร้อยแล้ว ก็มาร่วมสักการะวัดที่เป็นที่เคารพนับถือของชาวสมุทรสาครอย่าง วัดช่องลม หรือ วัดสุทธิวาตวราราม ใน พระวิหารที่บรรจุศพของพระเทพสาครมุนี (หลวงปู่แก้ว) มีนกนางแอ่นเข้ามาอาศัยพึ่งใบบุญหลวงปู่แก้วเป็นจำนวนมากและมากขึ้นเรื่อย ๆ จนแน่นพระวิหารเป็นอย่างนี้มาหลายสิบปี ซึ่งวันแรกที่นกนางแอ่นเข้ามาอาศัยตรงกับวันคล้ายวันเกิดของหลวงปู่แก้วพอดีคือ วันที่ 25 ธันวาคม 2512 นกนางแอ่นได้เข้ามาทำรัง และทิ้งล่องลอยของอุจจาระจนเต็มผนัง แต่นกนางแอ่นเหล่านี้ก็ไม่ได้สร้างความรำคาญใจให้กับชาวบ้านและผู้คนที่เข้าร่วมสักการะแม้แต่น้อย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความมหัศจรรย์อย่างมาก ต่อด้วยการเข้าสักการะ หลวงพ่อปู่หินแดง พระประธานในพระอุโบสถของวัดช่องลม องค์พระทำมาจากหินศิลาแลงทั้งก้อน พระหัตถ์ข้างซ้ายมี 11 นิ้ว ซึ่งถือเป็นปริศนาธรรมของผู้สร้างที่ได้อัญเชิญมาจากวัดช่องสะเดา ตำบลท่าทราย ที่ปัจจุบันวัดดังกล่าวได้ร้างไป
ปิดท้ายการท่องเที่ยวเมืองสมุทรสาครกันที่ วัดแหลมสุวรรณาราม หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดแหลม ซึ่งความสวยงามของวัดนี้คือเป็นโบสถ์ไม้สักทั้งหลัง พื้นเป็นกระเบื้องกลางใส และช่อฟ้าเป็นหัวมังกรทั้งหมด ซึ่งเป็นศิลปะผสมผสานระหว่างความเป็นไทย และจีนที่ลงตัวและสวยงามอย่างมาก ก่อนจะอำลาเมืองสมุทรสาครก็แวะซื้อของฝากของสด ของแห้ง สินค้าขึ้นชื่อของเมืองสมุทรสาคร
ร้อนนี้หากใครยังไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวไหนไกลๆ หรือมีโปรแกรมเที่ยวทะเลชะอำ หัวหิน แนะนำให้แวะมาสัมผัสกับเสน่ห์เมืองท่าที่รับรองว่าจะติดใจ กับความสนุกสนานครบรสอย่างแน่นอน.
******************************************