10 เรื่องน่ารู้ในเมืองไทยสำหรับ ‘ฝรั่ง’ ที่บางครั้งคนไทยเองก็ไม่รู้

[เมื่อ:]

10 เรื่องน่ารู้ในเมืองไทยสำหรับ ‘ฝรั่ง’ ที่บางครั้งคนไทยเองก็ไม่รู้

สิ่งหนึ่งที่ฝรั่งมังค่าเขาแนะนำต่อกัน ๆ มา นอกจากรอยยิ้่มแดนสยาม ถนนข้าวสาร อาหารรสเผ็ดร้อน และสาวฮอตเมืองพัทยาแล้ว คงเป็น 10 เรื่องต่อไปนี้ ที่แม้คนใหญ่ส่วนใหญ่มองว่าเป็นเรื่องธรรมดาๆ หรืออาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าประเทศเรามีเรื่องราวแบบนี้ด้วย แต่ขอบอกว่าฝรั่งเขาตื่นเต้นที่ได้พบเจอมาเลยหล่ะพวกเธอว์

ชื่อเมืองหลวงที่ยาวที่สุดในโลก
คงไม่มีชื่อเมืองหลวงไหนยาวเท่า "กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทราอยุธยา มหาดิลกภพ นพรัตน์ราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมาน อวตารสถิตย์ สักกะทิตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์" หรือแปลเป็นภาษาปะกิตก็ "City of angels, great city of immortals, magnificant city of the nine gems, seat of the king, city of roal palaces, home of gods incarnate, elected by Visvakarman at Indra's behest." ซึ่งไม่ว่าจะแบบไหนก็ยาวอยู่ดี และคงเป็นการยากที่จะให้ฝรั่งเขาจำชื่อยาวๆ แบบนี้ได้ แถมยังมีคนไทยจำนวนไม่น้อยไม่รู้และไม่แคร์ที่จะรู้ชื่อเต็มๆ ของเมืองหลวงประเทศตัวเองซะด้วย

มีวัดอยู่ทุกที่ไม่เว้นแม้แต่บนเหรียญ
อย่างที่ได้มีการโปรโมทท่องเที่ยวไปนั่นแหล่ะครับ ว่าประเทศไทยเนี่ยมีวัดเยอะมาก และแม้ว่าฝรั่งส่วนใหญ่จะไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อมาเที่ยววัดไทยซะทุกคน แต่ทุกคนล้วนมีความสงสัยกับภาพวัดบนเหรียญเสมอว่า "มันคืออะไร?" ซึ่งเรื่องนี้แม้แต่คนไทยกันเองก็อาจไม่ทราบเหมือนกัน ว่าภาพวัดที่ปรากฏบนเหรียญบาทคือวัดพระแ้ก้ว ภาพบนเหรียญสองบาทคือวัดภูเขาทอง วัดบนเหรียญห้าบาทคือวัดเบญจมบพิตร และวัดบนเหรียญสิบบาทคือวัดอรุณราชวราราม

เมืองร้อนอันดับต้นๆ
อันนี้ไม่ต้องฝรั่งการันตี เพราะคนไทยกันเองยังรู้สึกได้ว่าประเทศนี้ร้อนขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะว่าไปก็เป็นเรื่องดีสำหรับฝรั่งที่อยากได้ผิวสีแทนในราคาประหยัด เพราะไม่ต้องถ่อไปชายทะเลไกลๆ ที่ไหน แค่ทะเลเมืองไทยหรือแม้แต่ในกรุงเทพก็สามารถทำให้นักเที่ยวทั้งหลายผิวแทนได้เหมือนกัน




ประเทศไทยมีเพลงสรรเสริญพระบารมีก่อนฉายภาพยนตร์
นอกจากเพลงชาติที่นักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหลายสามารถยืนตรงพร้อมกับคนไทยโดยไม่ต้องมีสัญญาณบอกแล้ว ยังมีเพลงสรรเสริญพระบารมีที่เปิดก่อนฉายภาพยนตร์ด้วย ซึ่งฝรั่งที่เพิ่งมาเมืองไทยครั้งแรกในชีวิตอาจไ่ม่เข้าใจว่า "นี่คืออาร๊าย ทามม๊ายต้องยืน" แต่หลังจากได้ฟังเหตุผลแล้ว ทุกคนล้วนแต่รู้สึกว่าเพลงที่เปิดนี้มีความหมายว่าอะไร และทำไมจึงต้องยืน

กฎหมายตลกๆ
อย่าว่าแต่เราที่แอบขำกฎหมายบ้านเขา ฝรั่งเขาก็แอบตลกกับกฎหมายบ้านเราเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องห้ามออกจากบ้านโดยสวมชุดชั้นใน ห้ามเปลือยอกขับรถยนต์ หรือกฎที่ระบุว่าทุเรียนเป็นอาวุธอีกด้วย แถมยังมีกฎหมายตลกๆ สำหรับต่างชาติ แต่ไม่ตลกสำหรับคนไทย นั่นคือ การก้าวข้ามเหรียญหรือธนบัตรที่มีรูปพระมหากษัตริย์

มีห้องน้ำสำหรับเพศที่สาม
ถึงประเทศไทยจะไม่ใช่ประเทศแรก แต่ก็เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีห้องน้ำที่ใส่ใจสุขภาพจิตของคนประเภทนี้เป็นพิเศษแม้จะหายากสักหน่อย และส่วนใหญ่มักอยู่ในสถานที่ที่คนทั่วไปไม่ค่อยได้เข้าไปสัมผัสก็ตามที

คำว่า "สวัสดี" เริ่มเป็นที่แพร่หลายกันในปี ค.ศ. 1930
ก่อนหน้านั้น ฝรั่งส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าคำทักทายของไทยคือ "Gin kaow leaow ruu yang?" จนต้องเริ่มทำความเข้าใจกันใหม่หมดว่าคำทักทายของคนบ้านเราน่ะ ที่จริงมันต้อง "Sawadee Khrap/Kaa" ต่างหาก แต่กว่าจะสามารถสื่อสารให้ชาวโลกเข้าใจตรงกันได้ ก็ใช้เวลาหลายปีอยู่เหมือนกัน

กระทิงแดงเป็นเครื่องดื่มชูกำลังของไทย
กระทิงแดง หรือ Red Bull น่าจะเป็นแบรนด์ไทยไม่กี่ชิ้น ที่สามารถโด่งดังในต่างแดนได้ ซึ่งน่าเศร้าเหมือนกันที่คนไทยจำนวนหนึ่งมองว่ามันเป็นแค่แบรนด์บ้านๆ ธรรมดาๆ ที่คนขับรถบรรทุกซื้อกินเวลาทำงาน ในขณะที่ชาวต่างชาติจำนวนมากไม่คิดว่านี่เป็นแบรนด์ไทยแท้ด้วยซ้ำ

ไชน่าทาวน์และพระพุทธรูปทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก
พูดไปคงไม่มีใครเชื่อว่า เยาวราชนี่แหล่ะคือไชน่าทาวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใหญ่กว่าของนิวยอร์คหรือที่ไหนๆ ในโลกที่คนไทยจำนวนหนึ่งใฝ่ฝันที่จะไปเหยียบสักครั้งในชีวิตด้วยซ้ำ แถมยังคงความเป็นไชน่าทาวน์ในแบบที่นานาประเทศไม่มีอีกด้วย และที่สำคัญไชน่าทาวน์แห่งสยามประเทศนี้ ยังมีพระพุทธรูปทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งตั้งอยู่ที่วัดไตรมิตรวิทยารามที่หนักถึง 5 ตันครึ่งเลยทีเดียว

ไทยเป็นชาติเดียวในเอเชียตะวัีนออกเฉียงใต้ที่ไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของใคร
ยังคงเป็นที่ถกเถียงอยู่เหมือนกันว่าตกลงแล้วเราโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่ไม่เคยเสียเอกราชให้ชาติใดมาก่อน แต่สำหรับชาวต่างชาติผู้เคยมีบรรพบุรุษเป็นนักล่าอาณานิคมแล้ว เขากลับชื่นชมประเทศเล็กๆ ของเรามาก ที่สามารถเอาตัวรอดจากความวุ่นวายในยุคนั้นมาได้



หลายเรื่องรู้ไปก็เท่านั้น แต่หลายเรื่องก็ทำให้ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้บ้างเหมือนกันนะเออ


ที่มา : http://articles.spokedark.tv/2013/10/27/10-things-you-didn-t-know/#.UnCgSFMXCaI

[ตอบ #1 เมื่อ:]

อ่านเเล้วภูมิใจ อยากอยู่ไทย รักเมืองไทยมากขี้น อ้อ ไทยเคยเป็นเมืองขี้นจีนเเบบอ้อมอ้อมด้วยนะเหมือนหลายประเทศในเอเชีย ที่สมัยก่อนต้องส่งบรรณาการ (จิ้มก้อง )ให้จีนเป็นประจำ อย่างไรเสีย เมืองไทยก็มีคนดีมีอัธยาศรัยดีเยอะ ถ่อมตัว น่ารัก น่าอยู่ เป็นกันเอง

[ตอบ #2 เมื่อ:]

ไม่จริงกับการที่บอกว่าไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของชาติใด เราเคยเป็นเมืองขึ้นของพม่าตั้งหลายปี ถ้าคุณจะบอกว่าเราไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของชาติตะวันตกนะใช่ แต่เราเป็นเมืองขึ้นของคนเอเชียด้วยกันนั่นคือ พม่า

เข้าใจอะไรผิดไปแล้วล่ะ.....หากอยากรู้ต้องกลับไปศึกษาอีกเยอะๆนะ

[ตอบ #3 เมื่อ:]

ถ้าไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นพม่า แล้วพระนเรศวร ทรงประกาศเอกราช จากพม่าทำไมครับ อยากรู้จัง ช่วยตอบหน่อย

[ตอบ #4 เมื่อ:]

ตอนนั้นประเทศไทยยั้งไม่เป็นปึกแผ่นครับ ยังแบ่งเป็นเมืองนั้นเมืองนี้อยู่ พม่ายังเรียกว่ากรุงหงสาวดี บุเรงนองบุกตีเมืองนั้นเมืองนี้และสามารถยึดอโยธยาได้แต่ไม่ได้หมายความว่าเขายึดสยามทั้งหมดได้ ไม่เคยได้ยินครับว่าพม่ายึดไทยเป็นเมืองขึ้นมีแต่กรุงหงสาวดียึดอโยธยาเป็นเมืองขึ้นได้เท่านั้น

[ตอบ #5 เมื่อ:]

อ่านแล้วสะอึก (ทุกที) ตรงข้อสุดท้าย สอนกันให้ท่องจำโดยไม่มองประวัติศาสตร์ เหมือนหลายท่านที่แสดงความเห็นข้างต้น กู้เอกราชทำไมถ้าไม่ได้ตกเป็นของคนอื่น แล้วการเสียดินแดนตั้งมากมายในต้นสมัยรัตนโกสินทร์ (เสียมากกว่าที่เหลืออยู่อีก) ถือว่าตกเป็นเมืองขึ้นหรือเปล่า? กู้เงิน IMF ก็ควรถือเป็นเมืองขึ้นทางเศรษฐกิจแล้ว "หลอกคนอื่นหลอกได้แต่หลอกตัวเองมันน่าสมเพสที่สุด"

[ตอบ #6 เมื่อ:]

เข้าใจอะไรผิดไปแล้วล่ะ.....หากอยากรู้ต้องกลับไปศึกษาอีกเยอะๆนะ

ดักดาน =___= บอกได้คำเดียวว่า โง่ แล้วยังจะไป สอนคนอื่น

[ตอบ #7 เมื่อ:]

เข้าใจอะไรผิดไปแล้วล่ะ.....หากอยากรู้ต้องกลับไปศึกษาอีกเยอะๆนะ

น้องนั่นแหละคับ กลับไปศึกษาอีกเยอะๆ บอกแม่น้องเอาปลาให้กินบ้างนะ จะได้คิดเองบ้างไม่ต้องจำที่เขาบอกมาพูดอย่างเดียว แต่ถ้าน้องมีลูกแล้วก็เอาปลาให้ลูกกินละกันนะ จะได้ไม่โง่เหมือนน้องค่ะ

[ตอบ #8 เมื่อ:]

q*062

[ตอบ #9 เมื่อ:]

เพิ่มข้อ 11. ค่ะ สยามประเทศนี้ชอบกัดกันในการตอบกระทู้ค่ะ ดูจากกจะทู้นี้เป็นต้น

[ตอบ #10 เมื่อ:]

ตอนนั้นประเทศไทยยั้งไม่เป็นปึกแผ่นครับ ยังแบ่งเป็นเมืองนั้นเมืองนี้อยู่ พม่ายังเรียกว่ากรุงหงสาวดี บุเรงนองบุกตีเมืองนั้นเมืองนี้และสามารถยึดอโยธยาได้แต่ไม่ได้หมายความว่าเขายึดสยามทั้งหมดได้ ไม่เคยได้ยินครับว่าพม่ายึดไทยเป็นเมืองขึ้นมีแต่กรุงหงสาวดียึดอโยธยาเป็นเมืองขึ้นได้เท่านั้น

อย่างงั้น กระทรวงศึกษาฯ ต้องไปแก้ตำราประวัติศาสตร์ เป็นว่า "ไทย ไม่เคยเสียเอกราชแก่พม่า และพระนเรศวร ไม่ได้กู้ชาติสยาม แต่ประกาศให้เป็นเอกราชเฉพาะอโยธยา และประเทศไทยที่เรียกว่าสยามในสมัยนั้น ยังไม่ได้เป็นประเทศมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ตามที่สอนมา เพราะไม่เป็นปึกแผ่นตามที่คุณบอกครับ" อ้อ ตอนเสียกรุงครั้งที่ 2 พระเจ้าตากสินก็ไม่เคยกู้ชาติด้วย จริงไหมครับ

[ตอบ #11 เมื่อ:]

ไม่จริงกับการที่บอกว่าไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของชาติใด เราเคยเป็นเมืองขึ้นของพม่าตั้งหลายปี ถ้าคุณจะบอกว่าเราไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของชาติตะวันตกนะใช่ แต่เราเป็นเมืองขึ้นของคนเอเชียด้วยกันนั่นคือ พม่า

..............

ศึกษาประวัติศาสตร์ ใหม่ก็ดีนะ จะได้ไม่ไปปล่อยไก่

สมัยพระนเรศวร หรือ พระเจ้าตาก เรายังไม่สามารถเรียกเป็นประเทศได้

เป็นได้แค่แคว้น ซึ่งกระจัด กระจายอยู่หลายแคว้น หาความมั่นคงเป็นปึกแผ่นไม่ได้
เชียงใหม่ ก็เป็นแค่เมืองขึ้น ทางใต้ก็แค่เมืองประเทศราช

การเรียกเป็นประเทศ ตต้องหมายถึง การมีเมืองทั้งหลายเป็นจังหวัด ขึ้นกับศูนย์กลางเช่นปัจจุบัน

พม่าเอง ก็ยังไม่เป็นประเทศ เหมือนกัน

[ตอบ #12 เมื่อ:]

..............

ศึกษาประวัติศาสตร์ ใหม่ก็ดีนะ จะได้ไม่ไปปล่อยไก่

สมัยพระนเรศวร หรือ พระเจ้าตาก เรายังไม่สามารถเรียกเป็นประเทศได้

เป็นได้แค่แคว้น ซึ่งกระจัด กระจายอยู่หลายแคว้น หาความมั่นคงเป็นปึกแผ่นไม่ได้
เชียงใหม่ ก็เป็นแค่เมืองขึ้น ทางใต้ก็แค่เมืองประเทศราช

การเรียกเป็นประเทศ ตต้องหมายถึง การมีเมืองทั้งหลายเป็นจังหวัด ขึ้นกับศูนย์กลางเช่นปัจจุบัน

พม่าเอง ก็ยังไม่เป็นประเทศ เหมือนกัน

ดังนั้น เราจึงเป็นประเทศที่เกิดหลังอเมริกา เพราะเราเพิ่งมีจังหวัดสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเพิ่งผ่านมา 100 กว่าปีเอง ต่อไปนี้อย่ากล่าวอ้างว่า เราเป็นประเทศที่เก่าแก่ถึง 7-8 ร้อยปีอีก เพราะสมัยนั้นไม่เคยมีประเทศสยาม ตามความเห็นของคุณ ดีใจจังที่เราเป็นประเทศเกิดใหม่หลังอเมริกา ไชโย

[ตอบ #13 เมื่อ:]

อย่างเถียงกันเลยว่าไปศึกษาให้ดีก่อน คุณแน่ใจแล้วหรอว่าคุณศึกษามาดีแล้ว ดีแค่ไหนมันก็ไม่ใช่เสมอไป คุณเกิดกันไม่ทันหรอก ข้อมูลที่ได้มาจริงมั่งไม่จริงมั่งแต่งขึ้นมาบาง รองคิดดูชีวิตคนๆนึงเกิดมาใครจะไปจนจำได้หมด เขาจะไปทำอะไรที่ไหน วันๆเขาทำไรบ้าง เขาพูดอะไรบ้าง คุณได้ยินหรอคุณเกิดกันทันงั้นหรือ ผ่านมาเป็นร้อยๆปี แม้แต่คนเขียนหนังสือประวัติศาสตร์ยังถกเถียงกันเลย บางคนก็ว่าอย่างนูน บางคนก็ว่าน่าจะอย่างนี้ หนังสือประวัติศาสตร์แต่ละเล่มเรื่องเดียวกัน แต่ละคนเขียน เขียนไม่เหมือนกัน ตีเนื้อเรื่องออกมาไม่เหมือนกันมีก็พงศาวดารที่บันทึกเหตุการณ์สำคัญๆเท่านั้นแล้วก็มาตีความกัน ยกตัวอย่าง สมเด็จพระนเรศวรมหาราชสวรรคต ที่ไหน สวรรคต เพราะอะไร ไม่มีใครรู้ ก็ยังถกเถียงกัน บางคนก็ว่าเมืองนูน เมืองนี้
พงศาวดาของไทยกับพม่าก็ไม่ตรงกัน ก็ไม่รู้จะเชื่อข้อมูลตรงไหน

[ตอบ #14 เมื่อ:]

แต่เราก็ภูมิใจ ที่ กรุงศรีอยุธยา ติดอันดับเมืองประวัติศาสตร์ แสนยิ่งใหญ่ของโลก เสียดายพม่าเผาเรียบเหลือแต่ซากปรักหักพัง ลองเข้ามาดูอันดับกันได้ที่เท่าไร....ไม่บอกดูเอง http://news.mthai.com/world-news/214649.html

[ตอบ #15 เมื่อ:]

ศึกนอกไม่เท่าไหร่แต่ศึกในน่ากลัวนัก

[ตอบ #16 เมื่อ:]

มันเป็นความเข้าใจผิดของคนจำนวนไม่น้อย....
จริงๆแล้ว ถ้าจำไม่ผิดสมัยที่เรียนวิชาประวัติศาสตร์ไทยเมื่อ 10 กว่า ปีก่อนในมหาวิทยาลัย อาจารย์ท่านก็ไม่ได้บอกว่าเราไม่เคยเสียกรุงในสมัยอยุธยา แต่ความหมายที่เขาว่า การตกเป็นเมืองขึ้นนั้น ไม่ใช่หมายความว่าเสียกรุงเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงว่า เราต้องถูกปกครองโดยประเทศที่เราเป็นเมืองขึ้นของเขาด้วย เขาจะส่งคนมาปกครองเราตามแนวทางหรือนโยบายของเขา ใช้ภาษาของเขา ใช้กฎหมายของเขา ทุกอย่างขึ้นตรงกับเขา พูดง่ายๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับการเป็นทาสของเขานั้นแหละ แต่ถ้าดูตามประวัติศาสตร์ชาติไทย เราอาจเสียกรุง และเมืองบางส่วนแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด และเราก็ยังปกครองตัวเอง ใช้ภาษา วัฒนธรรม และกฎหมายของตนเองอยู่ เขาจึงบอกว่าเราไม่เคยเป็นเมืองขึ้นใคร เพราะนิยามความหมายนี้นั่นเอง พม่าไม่เคยส่งใครมาปกครองเรานะคะ

[ตอบ #17 เมื่อ:]

พวกคุณจะคิดอย่างไรผมไม่สน แต่ผมภูมิใจครับที่ได้เกิดมาบนแผ่นดินไทย ถ้าหากพวกคุณไม่ภาคภูมิใจกับสิ่งที่มีและยอมรับกับสิ่งที่คุณเป็น พวกคุณก็จะเถียงกันอยู่อย่างนี้แหละ ทุกประวัติศาสตร์ชาติต่าง ๆ ล้วนมีความไม่ดีกันทั้งนั้น ฝรั่งไล่ล่าอาณานิคม เพื่อเอาทาศปล้นเอาทรัพยากรของชาติอื่นเขา มันน่าภาคภูมิใจนักหรือ เราถือเอาอย่างฝรั่งกันเอง ถึงได้มาเถียงอยู่กันทุกวันนี้ เรารู้เราไม่ได้เก่งขนาดไม่เคยตกเป็นเมืองขี้นของใคร และที่เราตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า นั้นก็เพราะว่าคนไทยเชื้อชาติสยามประเทศแตกแยกกันเอง เหมือนที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้ เรารู้ว่าฝรั่งเก่งเราอยากเก่งเหมือนฝรั่งแต่เราไม่เคยเรียนรู้แบบฝรั่งเราไม่เคยมีการประยุกต์ใช้ดัดแปลงวิธีการที่เราจะทำจะสร้างเองกันเลย เราก๊อบเขา เราซื้อแต่ของเราเราไม่เคยศึกษาค้นคว้าวิจัยกันจริง ๆ จัง ๆ แต่ถึงอย่างไรผมก็เป็นคนไทยภูมิใจแบบไทย ๆ

[ตอบ #18 เมื่อ:]

อย่าคุยเสียงดัง เดี๋ยวต่างด้าวรู้ว่าเราเถียงเรื่องอะไรกัน

[ตอบ #19 เมื่อ:]

เขียนไปเรื่อง คิดอะไรได้ก้อเขียน ไรสาระ ความภูมิใจอะไร สุดท้ายเป็นปาหี่ ทั้งนั้น "พบความจริงที่ทำให้สูญเสียความประทับใจตลอด"

[ตอบ #20 เมื่อ:]

ถ้าไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นพม่า แล้วพระนเรศวร ทรงประกาศเอกราช จากพม่าทำไมครับ อยากรู้จัง ช่วยตอบหน่อย

เ่อ่อครับ พวกคุณไม่เข้าใจคำถาม หรืออ่านแล้วไม่้เข้่าใจกันแน่

พม่าเป็นประเทศล่าอาณานิคมหรือปล่าวครับ

ประเด็นมีแค่นี้ครับ

[ตอบ #21 เมื่อ:]

ไม่จริงกับการที่บอกว่าไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของชาติใด เราเคยเป็นเมืองขึ้นของพม่าตั้งหลายปี ถ้าคุณจะบอกว่าเราไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของชาติตะวันตกนะใช่ แต่เราเป็นเมืองขึ้นของคนเอเชียด้วยกันนั่นคือ พม่า

เอ่อ..ขอโทษครับ คือสมัยที่เป็นเมืองขึ้นของพม่านั้นเรายังไม่ได้รวมชนเผ่าเป็นประเทศสยามหรือไทย อย่างเช่นทุกวันนี้ สมัยนั้นยังแบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่า เป็นหัวเมืองต่างๆ จนเมื่อมาถึงเริ่มต้นประเทศสยามหรือไทยนั้นคือยุคของราชวงศ์จักรีเรา ที่แต่ล่ะพระองค์มีความสามรถทำให้เราเป็นไทอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ครับ

[ตอบ #22 เมื่อ:]

คำว่าเมืองขึ้น

คือถูกปกครอง

ถูกบังคับ

หมดอิสระภาพ

พม่ามาปล้น สดมภ์ แล้วกลับ

ไม่เรียกว่าเป็นเมืองขึ้น

เรียกว่า เสียกรุง เสียกรุง เสียเมือง เสียเมือง

แพ้สงคราม แพ้สงคราม

ประเทศไทยจึงประกาศได้อย่าง ทรนง ว่า

ไม่เคยเป็นเมืองขึ้นใคร

[ตอบ #23 เมื่อ:]

เสียกรุง

เสียกรุง

เข้าใจไม๋

ไม่เรียกว่าเมืองขึ้น

[ตอบ #24 เมื่อ:]

ตั้งกระทู้ได้ดีมาก เห็นคนไทยถกเถียงกันด้วยให้เหตุผล ใช้ปัญญา ชาติบ้านเมืองเราไปรอดแน่

แต่.... ไม่แน่ใจว่ากระทิงแดงในเมืองไทย กับRed Bull ที่ขายในตปท. มีเจ้าของคนเดียวกันหรือไม่ ได้ข่าวว่าชาวต่างชาติซื้อกิจการไป ใครรู้คำตอบช่วยบอกที

[ตอบ #25 เมื่อ:]

ไม่จริงกับการที่บอกว่าไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของชาติใด เราเคยเป็นเมืองขึ้นของพม่าตั้งหลายปี ถ้าคุณจะบอกว่าเราไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของชาติตะวันตกนะใช่ แต่เราเป็นเมืองขึ้นของคนเอเชียด้วยกันนั่นคือ พม่า
นั้นมัน กรุงศรีอยุทธยา ไม่ใช่กรุงเทพ ไม่มีเชียงใหม่ร่วมด้วย ทางใต้ก็ไม่เกี่ยว อีสานยิ่งไม่เกี่ยวข้องด้วยเลยกับการเสียกรุงใน 2 ครั้งนั้น

[ตอบ #26 เมื่อ:]

ไม่จริงกับการที่บอกว่าไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของชาติใด เราเคยเป็นเมืองขึ้นของพม่าตั้งหลายปี ถ้าคุณจะบอกว่าเราไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของชาติตะวันตกนะใช่ แต่เราเป็นเมืองขึ้นของคนเอเชียด้วยกันนั่นคือ พม่า

ก่อนที่บอกว่าไทยเปนเมืองขึ้นของใคร....กรุณากลับไปอ่านประวัติศาสตร์ชาติก่อนน่ะครับ.....เราไม่เคยตกเปนเมืองขึ้นของใครหรือพม่าก็ตามแต่...อาจจะบอกว่าที่เราเสียกรุงศรีแล้วเราตกเปนเมืองขึ้ยของพม่าเลยเหรอ...
ไปอ่านประวัติชนชาติไทยดีๆๆน่ะครับ...

[ตอบ #27 เมื่อ:]

ไม่จริงกับการที่บอกว่าไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของชาติใด เราเคยเป็นเมืองขึ้นของพม่าตั้งหลายปี ถ้าคุณจะบอกว่าเราไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของชาติตะวันตกนะใช่ แต่เราเป็นเมืองขึ้นของคนเอเชียด้วยกันนั่นคือ พม่า

ไม่ได้เป็นทาสพม่าทั้งประเทศสยามนิ เป็นเมืองขึ้นไม่เพียงกี่หัวเมือง คนสยามคราวนั้นก็อพยพ มาอยู่หัวเมืองต่างๆทั้วสยามแทน ครั้งยึดได้คืนต่างกลับบ้านเดิิมกัน

[ตอบ #28 เมื่อ:]

พระนเรศวร ประกาศเอกราชเพราะตีเมืองที่โดนยึดคืนได้ครับ

\"เข้าใจคำว่าเมืองที่โดนยึดกับประเทศที่โดนยึดมั้ย\"

[ตอบ #29 เมื่อ:]

พิมพ์ผิดนะคะ ต้องเป็น >magnificentRoyal

[ตอบ #30 เมื่อ:]

ได้ความรู้เข้าใจคำว่าเมืองขึ้นครับ

[ตอบ #31 เมื่อ:]

ประวัติศาตร์ เค้าทำมาเป็นที่น่าภูมิใจแต่ปัจจุบันทำส้งคมเสื่อม ลงทุกวัน ปล้น ฆ่า ไม่เว้นแต่ละวัน

[ตอบ #32 เมื่อ:]

ตามนี้ครับ ไทยเป็นชาติเดียวในเอเชียตะวัีนออกเฉียงใต้ที่ไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของใคร
ยังคงเป็นที่ถกเถียงอยู่เหมือนกันว่าตกลงแล้วเราโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่ไม่เคยเสียเอกราชให้ชาติใดมาก่อน แต่สำหรับชาวต่างชาติผู้เคยมีบรรพบุรุษเป็นนัก ล่าอาณานิคม แล้ว เขากลับชื่นชมประเทศเล็กๆ ของเรามาก ที่สามารถเอาตัวรอดจากความวุ่นวายในยุคนั้นมาได้

[ตอบ #33 เมื่อ:]

สวดยอด เลย

[ตอบ #34 เมื่อ:]

ไม่จริงกับการที่บอกว่าไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของชาติใด เราเคยเป็นเมืองขึ้นของพม่าตั้งหลายปี ถ้าคุณจะบอกว่าเราไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของชาติตะวันตกนะใช่ แต่เราเป็นเมืองขึ้นของคนเอเชียด้วยกันนั่นคือ พม่า

เขาหมายถึงการตก"เป็นเมืองขึ้นทั้งประเทศ"ครับ พม่าไม่สามารถยึดเราได้ทั้งประเทศ ไม่เหมือนชาติอื่นๆ อย่างอินเดีย ที่ถูกอังกฤษยึดได้ทั้งประเทศ จึงต้องตกเป็นเมืองขึ้น แต่ไทยเราไม่เคยถูกพม่ายึดได้ทั้งประเทศ เราเสียแค่เมืองหลวง และเมืองย่อยอื่นๆไปบางส่วน แต่เราไม่ได้"ถูกยึดทั้งประเทศ"ขอให้ทำความเข้าใจตรงนี้ไว้ด้วย

[ตอบ #35 เมื่อ:]

พม่าน่าจะยึดบบ้านน้องได้เนาะ น้องจะได้เป็นชาวพม่า

[ตอบ #36 เมื่อ:]

การเป็นเมืองขึ้นหรือไม่นั้น..เขาจะนับตั้งเเต่ ปลาย ค.ศ ที่18 หลังจากชาติยูโรปได้เเยกตัวออกจากราชอาณาจักร...เช่นฝรั่งเศส เเละ สหรัฐอเมริกา ได้เเยกตัวออกมาประกาศอิสระภาพเเละสร้างประเทศขึ้นมาใหม่...เหมือนไทยกับพม่า..ต่างก็อยากจะรวมเเผ่นดินเเละเเย่งเพื่อจะได้ครองอณาจักรระเเวกนี้..จึงได้มีการต่อสู้กันเเต่ละเผ่าละเมืองพลัดกันเเพ้ชนะเเล้วเเต่ผู้ปกครองจะเป็นอย่างไรเเข้มเเข่งอ่อนเเอ..เขาเลยไม่ใช่เรียกว่าการเป็นเมืองขึ้น...เเต่เป็นการเสียสิทธิ์การปกครองเเละอิสระภาพความเป็นไทของผู้ครองเมืองเท่านั้นเขาไม่ได้เข้ามายึดเเผ่นดินมาวางกฎระเบียบของประชาชนให้เปลี่ยนเป็นเหมือนอย่างเขา ...ไม่เหมือนการเป็นเมืองขึ้นที่พวกตะวันตกเขาเข้ามาจัดการทุกอย่างเเทนคนที่เป็นเจ้าของเเผ่นดินไม่ว่ากฎหมาย..วัฒนธรรม..เศรษฐกิจ ไม่มีอิสระในการกระทำใดๆๆ.....ถ้าจะบอกว่าไทยเคยเป็นเมืองขึ้นของพม่าคงผิด....ไม่งั้นประเทศจีนที่รบกันมาเป็น1000ปีจะเป็นเมืองขึ้นใครละไม่ว่าก่อนยุค 3 ก๊ก เเละหลังเพราะรบกันในหมู่เดียวกันเพื่อรวบรวมเเผ่นดิน..ก็เหมือนไทยพม่าที่ต่างก็ต้องการจะรวมเเผ่นดินเข้าด้วยกันเพียงเเต่ระยุคเรียกไม่เหมือนกันเท่านั้น..เพราะเเต่ระเมืองยังไม่เป็นปึกเเผ่นที่จะเรียกว่าประเทศได้..หัวเมืองต่างๆๆยังไม่ยอมซึ่งกันเเละกัน..เเต่เมือ่ไหร่ที่ได้รับการยอมรับเเล้วว่าเผ่านั้นมีเเผ่นดินที่เเน่นอนเเละประกาศให้ชาวโลกรู้ว่านี้คือประเทศนี้..มีกฎระเบียบ.วัฒนะธรรม..มีประชากรเชื้อสายนี้..เเล้วต่อมาโดนคนอีกประเทศ1เข้ามารุกรานเเล้วยึดการปกครองเอาไว้ในมือทั้งหมดนั้นจึงจะเรียกว่าการเป็นเมืองขึ้นเขาเพราะเขาบังคับได้หมด..

[ตอบ #37 เมื่อ:]

กระทิงแดง เป็นเครื่องดื่มชูกำลังที่ผลิตขึ้นในประเทศไทย ตั้งแต่ช่วงประมาณปี พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975) ต่อมาในปี พ.ศ. 2527 เศรษฐีจากประเทศออสเตรียชื่อ ดีทริช เมเทสซิทซ์ (Dietrich Mateschitz)[1] ได้เข้ามาในประเทศไทยใน พ.ศ. 2525 และได้ดื่มกระทิงแดงเพื่อแก้อาการเมาเครื่องบิน และชื่นชอบ ต้องการนำไปขายในประเทศ โดยได้เริ่มขอซื้อสิทธิ์การผลิต และก่อตั้งบริษัทเรดบูล (Red Bull GmbH) ในประเทศออสเตรีย โดย นายดีทริช เมเทสซิทซ์ ถือหุ้น 49% และ นายเฉลียว อยู่วิทยา ถือหุ้น 49% และลูกชายเฉลิม อยู่วิทยา ถือหุ้น 2% และในปี พ.ศ. 2530 ได้เริ่มวางขายเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศออสเตรียโดยใช้ชื่อว่า เรดบูล ที่แปลว่ากระทิงแดง

[ตอบ #38 เมื่อ:]

อวสาน.

[ตอบ #39 เมื่อ:]

ขอบคุณทุกความคิดเห็นได้ความรู้มากเลย

[ไอค่อนข้อความ:]

	ปรากฎข้อผิดพลาดตังต่อไปนี้ขณะส่งข้อความนี้:
	คำเตือน: ความคิดเห็นนี้ถูกล็อกไว้! เฉพาะผู้ดูแลเท่านั้นที่ตอบได้
ชื่อ:
	แชร์ไป Facebook ด้วย
กระทู้:
ไอค่อนข้อความ:	ไอค่อนขณะนี้ กระทู้ทั่วไปเหมาะสำหรับผู้ชมทุกวัย กระทู้สำหรับเด็กก่อนวัยเรียน กระทู้สำหรับเด็ก กระทู้ที่ผู้ใหญ่ควรให้คำแนะนำ กระทู้ที่ผู้ใหญ่ควรให้คำแนะนำแก่ผู้อ่านที่มีอายุน้อยกว่า 13 ปี กระทู้ที่ผู้ใหญ่ควรให้คำแนะนำแก่ผู้อ่านที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปี กระทู้เฉพาะไม่เหมาะกับเด็กและเยาวชน
	ตัวหนาตัวเอียงตัวขีดเส้นใต้จัดย่อหน้าชิดซ้ายจัดย่อหน้ากึ่งกลางจัดย่อหน้าชิดขวา ขนาดตัวอักษร เล็กมาก เล็ก ปกติ ใหญ่ ใหญ่มาก เปลี่ยนสี สีดำ/ขาว สีแดง สีเหลือง สีชมพู สีเขียว สีส้ม สีม่วง สีนํ้าเงิน/ฟ้า สีเทา สีน้ำตาล สีเขียวฟ้า สีกรมท่า สีเลือดนก สีเหลืองอมเขียว
	[เพิ่มเติม]
	กลับไปกระทู้นี้ หลังจากการตั้งความคิดเห็น ไม่ใช้สัญลักษณ์แสดงอารมณ์
แนบไฟล์:	(แนบไฟล์เพิ่ม) ไฟล์ที่อนุญาต: gif, jpg, jpeg ขนาดไฟล์สูงสุดที่อนุญาต 20000000 KB : 4 ไฟล์ : ต่อความคิดเห็น
ติดตามกระทู้นี้ :	ส่งไปที่อีเมลของสมาชิกสนุก
	ส่งไปที่
พิมพ์อักษรตามภาพ: