สวัสดีค่าสาวๆ วันนี้ที่มาตั้งกระทู้อันเนื่องมาจากช่วงนี้ชะนีขี้แพ้รอบข้างชอบมาปรึกษาเรื่องผิวพรรณ ว่าจะเลือกซื้อสกินแคร์ยังไงดี เพราะใช้อะไรก็แพ้ ซึ่งเราเองเป็นคนขี้แพ้มาก ก่อนหน้านี้ ก็บ่นเรื่องผิวแห้งให้เพื่อนที่ออฟฟิศฟังบ่อยมาก หรือใช้อะไรที่ผิดไปจากเดิมนิดๆ หน่อยๆ ความพังพินาศก็มาเยือนแล้ว
แน่นอนว่าเรื่องนี้พูดบ่อยมาก บอกคนรอบข้างไปหมดแล้วว่าต้องทำอะไรบ้าง 1 2 3 4 แต่กลัวเพื่อนๆ จำไม่ได้ วันนี้เลยขอมาตั้งกระทู้ซะเลย ใครถามอีกจะได้โยนลิงค์ไปให้อ่าน ฮ่าๆๆ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า จขกท. เป็นคนผิวแห้ง ที่ในวันทำ
งานต้องทนอยู่ในสภาพอากาศที่หนาวเย็นชวนให้ผิวแห้งคูณ 10! นอยด์แค่ไหนถามใจดู?! บนโต๊ะทำงานก็มีทั้งลิปมัน แฮนด์ครีม และโลชั่น โบกเข้าไป จนกว่าจะรู้สึกดี! แต่เชื่อหรือเปล่าคะว่าถ้าสกินแคร์ที่ใช้ไม่ตอบโจทย์ ก็อาจจะแก้ปัญหาไม่ตรงจุด บวกกับการดูแลตัวเองไม่ใช่แค่การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเท่านั้น แต่ต้องป้องกันไว้ก่อนด้วย ซึ่งวิธีการดูแลตัวเองให้ผิวหายแห้งของ จขกท. มี 6 ข้อหลักๆ ค่ะ ถ้าทำตามนี้ เราว่าอาการแพ้ของทุกคนน่าจะดีขึ้น

ข้อแรก
ดื่มน้ำสะอาด วิธีดูแลตัวเองที่เบสิกมาก ก.ไก่ ล้านตัว แต่หลายคนก็ยังทำไมได้ โอเคเราเข้าใจว่าชากาแฟ น้ำชง น้ำอัดลมทั้งหลาย อาจจะดึงความสนใจของสาวๆ ไปได้มากกว่า แต่การดื่มน้ำสะอาดเยอะ มันส่งผลดีต่อร่างกายครบทุกมิติจริงๆ นะ ไม่ว่าจะเรื่องการขับของเสียออกจากร่างกาย ช่วยทำให้สมองทำงานดีขึ้น ที่สำคัญยังเป็นวิธีเติมน้ำให้ผิวจากภายในที่ยั่งยืน และสุดท้ายผิวเราก็จะชุ่มชื้นขึ้นนั่นเอง (แถมยังช่วยลดกลิ่นปากตัวนะ ฮ่าๆๆ)
ข้อสอง เลือกสกินแคร์อย่างมีสติ ต่อให้ไม่ใช่คนผิวแห้งหรือแพ้ง่าย ก็ห้ามใช้สกินแคร์สุ่มสี่สุ่มห้าเด็ดขาด! และยิ่งเป็นคนที่แพ้ง่ายยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตอนเลือกซื้อหรือฝากเพื่อนพรีออเดอร์ต้องมีสติให้มาก สำหรับตัวจขกท. เอง ขอบอกเลยว่าตอนนี้เราเองเจอสกินแคร์ที่ตรงใจและไม่คันยุบยิบอีกต่อไป ซึ่งเป็นผลมาจากการเช็คลิสต์ส่วนผสมที่ควรมีในผลิตภัณฑ์สำหรับ
ผิวแพ้ง่ายก่อนซื้อทุกครั้ง คือ
> ต้องผ่านการทดสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเท่านั้น (Dermatologist Tested) ต้องยอมรับกว่าก่อนหน้านี้เราโคตรไม่สนใจเลย แต่ก็มาคิดได้ว่าแบรนด์พวกนี้เขาไม่ได้เคลมตัวเองเล่นๆ พอได้หันมาใช้สกินแคร์ที่ผ่านการทดสอบการแพ้และระคายเคืองจริงจัง ก็รู้ว่าได้ผลจริง และยังไงๆ ก็ดูน่าเชื่อถือและไว้ใจได้กว่าสกินแคร์ทั่วไปอยู่ดี
> ต้องไร้น้ำหอม (Fragrance Free) จริงๆ “น้ำหอม” นี่แหละเป็นส่วนผสมตัวการก่อความระคายเคืองให้กับผิวเลย เมื่อก่อนต้องของครีมหอมๆ ไว้ก่อน แต่ตอนนี้เซย์โนจ่ะ คือใช้สกินแคร์ที่ปราศจากน้ำหอม และถ้าอยากตัวหอมก็ใช้น้ำหอมที่เป็นขวดๆ ฉีดตามเสื้อผ้าเอา
> ต้องเป็นส่วนผสมธรรมชาติเท่านั้น หลังจากที่เข็ดหลาบกับอาการแพ้ทั้งหลาย เราก็ขอหันมาใช้ของที่มีส่วนผสมของธรรมชาติเป็นหลัก อันนี้ก็แล้วแต่คนนะ แต่สำหรับ จขกท. เราว่าเวิร์ก เพราะมันอ่อนโยนต่อผิวที่สุดแล้ว
อันนี้เพิ่มเติมสักนิด เผื่อใครสงสัยนะคะ สำหรับสกินแคร์ที่ทำให้ จขกท. เลิฟแล้วเลิฟอีก เลิกบ่นเรื่องอาการแพ้มาได้สักพักใหญ่ ก็คือโลชั่นของอาวีโน่ค่ะ เป็นแบรนด์ลูกของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ซึ่งต้องยอมรับว่าเรื่องความละมุนต้องยกให้เขา

ส่วนตัวที่ใช้ทาเป็นประจำจะเป็นตัว Aveeno Skin Relief Moisturizing Lotion เป็นโลชั่นบำรุงสูตรเข้มข้น ที่ผ่านการทดสอบด้านผิวหนังแล้วว่าช่วยลดอาการคันที่เกิดจากผิวแห้งได้ และช่วยเก็บน้ำในผิวได้ยาวนานเป็นวันๆ ที่สำคัญไม่มีน้ำหอม ไม่มีแอลกอฮอล์ เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายและแห้งเสียมากเป็นพิเศษ

เนื้อผลิตภัณฑ์ซึมเร็วดีค่ะ ไม่เหนียวเหนอะหนะ
สำหรับราคาไม่แพงอย่างที่คิดค่ะ จริงๆ ก่อนหน้านี้ จขกท. ซื้อตามร้านหิ้ว กับ หลังการบินไทย 700 อัพ แต่ตอนนี้ Aveeno มีขายในไทยแล้วนะคะ วางขายอยู่ใน Boots ซึ่งราคาที่ขายใน Boots ถูกกว่าเยอะมากค่ะ แถมมีโปรโมชั่นด้วย

ข้อสาม
กินผักผลไม้ งดแอล เชื่อแล้วว่าการปรับเรื่องอาหารการกินมันช่วยให้ภายในดีขึ้น ขับถ่ายดีขึ้น ผิวดีขึ้น อย่างน้อยๆ ถ้าไม่ได้เป็นคนที่กินได้หลากหลาย ก็ลองกินผักผลไม้ที่ชอบก็ยังดี ให้ร่างกายได้รับวิตามินและสารอาหารที่ครบถ้วน ก็ถือว่าโอเคแล้ว ที่สำคัญแอลกอฮอล์นี่ เลิกได้ก็เลิกนะคะ เพราะเครื่องดื่มเหล่านี้ทำให้ร่างกายขาดน้ำค่ะ พอขาดน้ำ ผิวก็แห้ง พอผิวแห้ง ก็เกายับ อาการแพ้ก็ลุกลามไปอีก
ข้อสี่
ใช้วิตามินเป็นตัวช่วย ถ้ารู้สึกกินผักผลไม้น้อย ก็ลองหาอาหารเสริมหรือวิตามินทานดูค่ะ อันนี้ จขกท. เข้าใจหัวอกคนไม่ทานผักผลไม้ดี เพราะจะให้กลายเป็นสาวเฮลท์ตี้สายคลีนนี่ยากมาก เลยใช้วิตามินเป็นตัวช่วยแทน อย่างน้อยก็ได้เติมสารอาหารที่เราขาดไปได้บ้าง
ข้อห้า
เลิกสครับผิว ก่อนหน้านี้ เวลาหน้าลอกหรือเป็นขุย จะหงุดหงิดมาก และยิ่งเป็นคนชอบสครับผิว เพื่อผลัดเซลส์ผิวที่ตายแล้วออก แต่หารู้ไม่ว่าผิวที่บอบบางอยู่แล้วกลับยิ่งบางเข้าไปอีก
หลังๆ มานี้เลยลองเลิกสครับดู เพราะการขัดผิวไม่ว่าจะเป็นใช้เกลือหรือที่ขัดผิวที่เขาเคลมว่าละมุนต่อผิว แต่สุดท้ายก็เป็นการทำลายไขมันปกป้องผิวอยู่ดี ตอนนี้เลยใช้วิธีไปทำทรีทเมนท์ผิวแทน
ข้อสุดท้าย
รักษาความสะอาด ต่อให้ชโลมโลชั่นทั้งตัว ผิวหายแห้งแต่ถ้าไม่รักษาความสะอาดก็จบ ดังนั้น สิ่งที่ทำได้โดยไม่ต้องรอผื่นขึ้น ก็คือ หมั่นเปลี่ยนผ้าปูที่นอน/ปลอกหมอนทุกอาทิตย์ รวมไปถึงผ้าเช็ดตัวด้วยนะ เพราะนั่นเป็นแหล่งเพาะเชื้อชั้นดี และที่สำคัญเสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ควรซักให้สะอาด ควรใช้แฟ้บและน้ำยาปรับผ้านุ่มที่มั่นใจได้ว่าอ่อนโยนต่อผิวคนแพ้ง่ายอย่างเรา
จบแล้วค่า 6 ข้อ หวังว่าไม่ยากจนเกินไป จริงๆ แค่อยากแชร์สิ่งที่ทำแล้วได้ผลให้ทุกคนฟังเท่านั้นเอง เพราะเข้าใจดีว่ามันน่ารำคาญใจแค่ไหนเวลาเห็นรอยแดงหรือผื่นขึ้นเต็มตัว ซึ่งเจ้าของกระทู้ลองมาหมดแล้ว ทางนี้แหละเหมาะสมกับชะนีขี้แพ้อย่างเรามากๆ ลองทำตามกันดูนะคะq*021