เติบโตขึ้นทั้งสามแบรนด์ในปีงบการเงินที่บริษัทประกาศซื้อธุรกิจ Avon Products, Inc.
Natura &Co รายงานผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งอีกครั้งในไตรมาสที่สี่ของปี 2562 โดยรายได้เติบโตขึ้นทั้งสามแบรนด์ คือ Natura, The Body Shop และ Aesop ขณะที่ adjusted EBITDA เพิ่มขึ้น 12.2%
ผลการดำเนินงานไตรมาสสี่ถือเป็นการปิดท้ายปีที่ยอดเยี่ยมและเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงอีกปีหนึ่งสำหรับ Natura &Co ซึ่งได้ประกาศซื้อธุรกิจของ Avon Products, Inc. ในเดือนพฤษภาคม 2562 เพื่อสร้างกลุ่มบริษัทความงามแบบ pure play รายใหญ่อันดับสี่ของโลก อีกทั้งยังเป็นผู้นำในวงการขายตรง (Direct-to-Consumer) โดยมีแบรนด์ที่โด่งดังหลายแบรนด์ในเครือ ทั้งนี้ การซื้อธุรกิจดังกล่าวเสร็จสิ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 มกราคม 2563
รายได้สุทธิรวมของ Natura &Co แตะที่ 4.7 พันล้านเรอัลในไตรมาส 4 เพิ่มขึ้น 7.3% ในสกุลเงินเรอัล และเพิ่มขึ้น 6.1% เมื่อคำนวณ ณ อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ ขณะที่ adjusted EBITDA อยู่ที่ 816.7 ล้านเรอัล ซึ่งเพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง 12.2% ส่วนผลกำไรจากการดำเนินงาน (Underlying Operating Income (UOI)) ซึ่งไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งมากถึง 18.2% ในไตรมาส 4 ด้านกำไรสุทธิอยู่ที่ 14.3 ล้านเรอัล โดยได้รับผลกระทบจากต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการซื้อ Avon และภาษีที่เกี่ยวข้องกับการตั้งบริษัท Natura &Co Holding
สำหรับทั้งปีงบการเงินที่ผ่านมา รายได้สุทธิรวมเติบโตขึ้น 7.8% ในสกุลเงินเรอัล และโต 7.0% เมื่อคำนวณ ณ อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ แตะที่ 1.44 หมื่นล้านเรอัล ขณะที่ adjusted EBITDA เพิ่มขึ้น 7.5% แตะที่ 2.0 พันล้านเรอัล และ UOI เพิ่มขึ้น 5.7%
นอกจากนี้ ในไตรมาสดังกล่าว Natura &Co ยังสร้างความก้าวหน้าใหม่ ๆ ในด้านความยั่งยืน โดย Natura กลายเป็นบริษัทความงามแห่งแรกในบราซิลที่ได้รับสิทธิบัตร Green Patent จากสถาบันทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ (INPI) จากการที่บริษัทนำสิ่งตกค้างจากความหลากหลายทางชีวภาพของบราซิลมาใช้เป็นปัจจัยการผลิต ขณะที่ The Body Shop ได้รับรางวัล Ethical Corporation's Plastics Innovation จากการดำเนินโครงการการค้าชุมชน (Community Fair Trade)
โรแบร์โต มาเกซ ประธานบริหารของ Natura &Co กล่าวว่า "ปี 2562 เป็นอีกหนึ่งปีที่มีการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับ Natura &Co เราก้าวหน้าเป็นอย่างมากในการสร้างเครือบริษัทเครื่องสำอางมัลติแบรนด์ระดับโลกซึ่งทำธุรกิจแบบหลายช่องทางและมีเป้าหมายการทำธุรกิจที่ชัดเจน ผลประกอบการล่าสุดยังคงแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเราในการตอบสนองและให้บริการลูกค้าที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกช่องทางจำหน่ายและระดับราคา
Natura เติบโตเพิ่มขึ้น ขณะที่ทางแบรนด์ค่อย ๆ เปลี่ยนไปใช้โมเดลการขายแบบ Relationship Selling และกลยุทธ์การตลาดแบบหลายช่องทาง ด้าน The Body Shop ยังคงประสบความสำเร็จในการดำเนินแผนการปฏิรูปและเพิ่มกำไรขั้นต้น ส่วนธุรกิจของ Aesop ก็ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสที่สี่ ส่งผลให้เป็นอีกปีที่เราเติบโตแข็งแกร่งในอัตราเลขสองหลัก
นอกจากนี้ ปี 2562 ยังเป็นปีที่โดดเด่น จากการที่เราได้ประกาศซื้อ Avon ซึ่งกระบวนการซื้อขายเสร็จสิ้นก่อนกำหนดเมื่อหลังปีใหม่มานี้เอง เรายังคงมองเห็นโอกาสการเติบโตและศักยภาพที่จะปลดล็อกมูลค่าเพิ่มที่สำคัญหลังการควบคุมธุรกิจ Avon จะส่งเสริมความมุ่งมั่นของเราในการสร้างเครือบริษัทที่มอบผลลัพธ์ที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและสังคม ด้วยการเป็นกระบอกเสียงที่ดังขึ้นในการสนับสนุนการทำความดี โดยเราได้เริ่มต้นการเดินทางซึ่งมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่การสร้างบริษัทความงามที่ไม่ใช่แค่ดีที่สุดในโลก แต่ต้องดีที่สุด “เพื่อ” โลกของเรา"
แบรนด์ Natura มีรายได้สุทธิปรับปรุงแล้วในบราซิลเพิ่มขึ้น 3.0% ในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นผลงานที่ดีเยี่ยมเมื่อเทียบกับฐานเปรียบเทียบที่นับได้ว่าท้าทายมาก ผลิตภาพต่อพนักงานขาย (productivity per consultant) ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 13 ปัจจุบันแพลตฟอร์มดิจิทัลของ Natura มีผู้ใช้มากกว่า 900,000 รายในบราซิล และยอดขายออนไลน์ของแบรนด์เติบโตขึ้นในอัตราเลขสองหลัก สำหรับรายได้สุทธิในภูมิภาคลาตินอเมริกาเติบโต 10.6% ในสกุลเงินเรอัลบราซิล และเติบโต 28.9% เมื่อคำนวณ ณ อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ โดยผลการดำเนินงานในอาร์เจนตินาออกมาแข็งแกร่งแม้เผชิญสภาพตลาดที่ท้าทาย เช่นเดียวกับเม็กซิโกและโคลอมเบียที่มีรายได้เติบโตขึ้น สำหรับ EBITDA และกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4 ทั้งในบราซิลและลาตินอเมริกา ในส่วนของผลประกอบการทั้งปีนั้น ยอดขายเพิ่มขึ้น 4.0% ในบราซิล และ 13.5% ในลาตินอเมริกา (+23.9% เมื่อคำนวณ ณ อัตราแลกเปลี่ยนคงที่)
ด้าน The Body Shop ยังคงเดินหน้าแผนปฏิรูป โดยรายได้สุทธิในสกุลเงินเรอัลเพิ่มขึ้น 6.7% ในไตรมาส 4 ยอดขายเติบโต 5.4% ในสหราชอาณาจักร ซึ่งเน้นย้ำให้เห็นถึงความน่าดึงดูดใจของแบรนด์ในตลาดที่ใหญ่ที่สุดของแบรนด์ ขณะที่ adjusted EBITDA เพิ่มขึ้น 7.8% โดยอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 0.20% สำหรับยอดขายทั้งปีขยายตัว 6.3% และ adjusted EBITDA เพิ่มขึ้น 15.5% โดยที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 0.90%
ขณะที่ Aesop มีผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน โดยรายได้เพิ่มขึ้น 25.78% ในสกุลเงินเรอัล และโต 13.4% เมื่อคำนวณ ณ อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ ยอดขายปลีก Like-for-like เติบโต 7% ในไตรมาสดังกล่าว นอกจากนี้ Aesop ยังได้เปิดร้านใหม่เจ็ดสาขาในระหว่างไตรมาส ทำให้จำนวนร้านค้าทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็น 247 แห่ง EBITDA เติบโต 44.8% ในไตรมาสเดียวกัน ขณะที่กำไรขั้นต้นเติบโต 3.60% สำหรับยอดขายทั้งปีเพิ่มขึ้น 22.5% ในสกุลเงินเรอัล และเพิ่มขึ้น 12.3% เมื่อคำนวณ ณ อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ EBITDA เพิ่มขึ้น 40.0% โดยอัตรากำไรขั้นต้นขยายตัว 2.10%