บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th
ดร.โสภณฟันธงว่าโครงการ “คนละครึ่ง-ช้อปดีมีคืน” เป็นโครงการที่ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้ผล และไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย ออกมาเพื่อพล่าผลาญชาติโดยตรง
เมื่อเร็วๆ นี้รัฐบาลออกโครงการ 3 โครงการโดยต้องเลือกโครงการใดโครงการหนึ่งเท่านั้น คือ
โครงการเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14 ล้านคน คนละ 1,500 บาท
โครงการคนละครึ่ง กระตุ้นค่าใช้จ่ายโดยประชาชนออกครึ่งหนึ่งและรัฐบาลออกอีกครึ่ง (Co-pay)
โครงการช้อปดีมีคืน กระตุ้นการบริโภคประชาชนประเทศในกลุ่มที่เสียภาษี โดยคืนภาษีสูงสุด 30,000 บาทมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
โครงการ “คนละครึ่ง” สำหรับ ผู้มีสัญชาติไทย อายุ 18 ปีขึ้นไป ที่ไม่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 10 ล้านคนหรือจนกว่าสิทธิ์จะหมด โดยรัฐจะช่วยจ่ายสินค้าค่าอาหารเครื่องดื่ม ให้ 50% คนละ 3,000 บาทจำกัดสิทธิ์ไม่เกิน 150 บาทต่อวัน ทั้งนี้เหมาะกับผู้ที่มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษี สินค้าซื้อสินค้าจากร้านค้าขนาดเล็กตลาดหรือร้านโชห่วย มีค่าลดหย่อน ภาษีในส่วนอื่นๆอยู่แล้วทำให้ไม่ต้องเสียภาษี
โครงการ “ช็อปปี้มีคืน” สำหรับผู้เสียภาษีปี 2563 ที่ไม่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยไม่ต้องลงทะเบียน มีเพียงใบกำกับภาษี สำหรับสิทธิประโยชน์คือนำใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการไปรถหย่อนภาษีได้ตามจริงสูงสุด 30,000 บาท สามารถใช้จ่ายสินค้าและบริการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม สินค้าโอทอป หนังสือ เหมาะกับผู้ที่มีรายได้สุทธิเกิน 500,000 บาท ซื้อของในห้างที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าราคาเพิ่ม และมีแผนที่จะซื้อของราคาสูงปลายปี
สำหรับงบประมาณ เป็นดังนี้:
1. เพิ่มเงินให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) 14 ล้านคน ระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ ต.ค. - ธ.ค. 2563 วงเงิน 21,000 ล้านบาท
2. คนละครึ่ง ให้สิทธิ์จำนวน 10 ล้านคน รัฐออกให้ 30,000 ล้านบาท
3. ช้อปดีมีคืน 4 ล้านคน วงเงิน 120,000 ล้านบาท
โครงการแบบนี้เป็นการทำลาย ทำร้ายชาติชัดๆ ไม่ได้ช่วยอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย
เงินจำนวนนี้น้อยนิดเมื่อเทียบกับงบประมาณที่อ้างมาว่าเพื่อแก้ปัญหาโควิด-19 นับล้านล้านบาท แสดงว่าใช้จ่ายเงินไปในทางอื่นที่แทบไม่ได้ประโยชน์อะไรมากนัก เป็นหนี้โดยไม่จำเป็นหรือไม่
การแจกเงินก็เหมือนกับการให้ปลา ไม่ได้ให้เบ็ด
วงเงินบัตรสวัสดิการ 21,000 ล้านบาท และคนละครึ่ง ก็เป็นเงินราวๆ แค่ซื้อเรือดำน้ำ 1 ใน 3 ลำเท่านั้น ไม่น่าจะเกิดผลอะไรเลย รัฐบาลเพียงห่วงหวังกระตุ้นตัวเลขเศรษฐกิจ กลัวไม่มีผลงานเชิงตัวเลข แต่ไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ นักลงทุนต่างชาติหนี ก็รั้งไว้ไม่ได้ นักลงทุนต่างฃาติใหม่ ก็หาเข้ามาไม่ได้
กรณีคนละครึ่ง เป็นกลุ่มคนที่พอมีรายได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มช้อปดีมีคืนก็เป็นกลุ่มคนรวย ไม่จำเป็นต้องช่วยด้วยซ้ำไป
คนที่ไม่สามารถเข้าถึงคอมพิวเตอร์ได้ก็ไม่ได้รับสิทธิ
ที่ว่าเต็มแล้ว เต็มจริงหรือ ไม่เคยเปิดเผยรายชื่อให้ประชาชนตรวจสอบว่าคนเหล่านี้เป็นคนจนจริงหรือไม่
ที่บอกว่า “เต็มแล้ว” เต็มจริงหรือไม่ ประชาชนไม่เคยสามารถตรวจสอบอะไรได้
ส่งเสริมให้ผู้ที่ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากนัก เช่น ข้าราชการ หรือพนักงานที่พอช่วยตัวเองได้ ต้องมา “หมกมุ่น” กับการสมัครเข้าโครงการเหล่านี้ วันๆ ได้ทำงานเต็มกำลังหรือไม่
รัฐบาลแก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด สร้างหนี้มหาศาล เพียงเพื่อให้ดูมีผลงาน วันนี้ประเทศชาติล่มจม เพราะหนี้ พวกนี้ก็ไม่อยู่แล้ว
อ้างอิง
เทียบชัดๆ “คนละครึ่ง-ช้อปดีมีคืน” โครงการไหนคุ้มกว่า. ประชาชาติธุรกิจ. 1 พฤศจิกายน 2563. https://www.prachachat.net/finance/news-538576
“ช้อปดีมีคืน” ใช้จ่าย 30,000 ลดหย่อนภาษี ปลดล็อกเราเที่ยวด้วยกันใช้ในจังหวัด. ไทยรัฐ 7 ตุลาคม 2563. https://www.thairath.co.th/news/politic/1947439