บริษัทอาร์เอส เป็นบริษัทหนึ่งที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วจากการประกอบธุรกิจ ความสำเร็จดังกล่าว นี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะจะต้องอาศัยปัจจัยและองค์ประกอบต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของการปรับตัวและพัฒนาตนเองให้ก้าวทันโลกที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละยุคสมัย การรู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค ความเปลี่ยนแปลงของปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ ตลอดจนเรื่องของความซับซ้อนในโลกของธุรกิจและการบริหารงานในองค์กร เป็นต้น ซึ่งการที่จะก้าวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงและความซับซ้อนดังกล่าวนั้น ผู้บริหาร RS จะต้องให้ความใส่ใจใน 4 ปัจจัยหลักต่อไปนี้
1. กระบวนการทำงานที่เป็นระบบระเบียบ (Process & System) มีมาตรฐาน ขั้นตอนที่เหมาะสม มีการประเมินผล รวมถึงมีการแก้ไขจุดบกพร่องได้อย่างทันท่วงที
2. โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ตั้งแต่อุปกรณ์เครื่องมือที่จำเป็นไปจนถึงเทคโนโลยีตลอดจนข้อมูลสารสนเทศต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้การทำงานมีประสิทธิภาพ
3. เป้าหมายและนโยบาย (Goal & Policy) บริษัทอาร์เอส เป็นองค์กรที่มีเป้าหมายชัดเจน มีวิสัยทัศน์ ทิศทางเดินไปสู่จุดหมายและมีนโยบายที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งการพัฒนาองค์กรที่ตอบสนองต่อวิสัยทัศน์ (Vision) พันธกิจ (Mission) และค่านิยมองค์กร (Core Value) มีการปฏิบัติการเชิงกลยุทธ์ที่ก่อให้เกิดความสำเร็จ เป็นส่วนช่วยให้ อาร์เอส ได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว มีทิศทางที่ชัดเจนและเต็มไปด้วยศักยภาพ ส่งผลให้ บริษัทอาร์เอส พัฒนาได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืนสืบมา
4. ทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource) พนักงานที่มีศักยภาพ มีทัศนคติที่ดี มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาตนเองและองค์กร ทั้งมีวิสัยทัศน์ในการทำงานจะช่วยส่งเสริมให้องค์กรพัฒนาได้ก้าวไกลและมั่นคง
นอกจากปัจจัยข้างต้นที่ส่งทำให้อาร์เอสนั้นประสบความสำเร็จแล้วก็ยังคงมีปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่ง นั่นก็คือความชาญฉลาดของเหล่าผู้บริหาร RS ในการสร้างกลยุทธ์และการแสวงหาตลาด พร้อมทั้งการสร้างตลาดใหม่ ๆ โดยการคิดค้นโมเดลธุรกิจที่เรียกว่า Entertainmerce ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจที่บริษัทอาศัยความได้เปรียบของโครงสร้างพื้นฐานที่อาร์เอสมีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของสื่อและเทคโนโลยีตลอดจนธุรกิจดั้งเดิมคือ ธุรกิจบันเทิงนำเข้ามาผสานกันกับธุรกิจใหม่ที่เป็นธุรกิจพาณิชย์
และเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า
RS นั้นยืนหนึ่งในเรื่องของความบันเทิง โดยในอดีตอาร์เอสเคยประกาศตัวเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจทางด้านสื่อบันเทิงอย่างครบวงจร Entertainment 100% จนกระทั่งเริ่มปรับตัวเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ด้วยการเปลี่ยนจากทำธุรกิจ Entertainment มาสู่ธุรกิจ Commerce โดยเป็นการนำเอาจุดแข็งของทั้งธุรกิจ Commerce และ Entertainment กลายเป็น Entertainmerce นั่นก็คือใช้ความบันเทิง ศิลปิน และครีเอทีฟมาทำงานร่วมกันและยังใช้ยุทธศาสตร์สำคัญในการเปลี่ยนคนดูและคนฟังให้กลายเป็นลูกค้า จนกระทั่งได้มีการสามารถพัฒนาตนเองให้ขึ้นมาเป็นที่ยอมรับและผู้บริโภคเกิดความไว้วางใจ ส่งผลทำให้อาร์เอสนั้นเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดดและทำกำไรให้บริษัทมหาศาล มีสัดส่วนรายได้ถึง 65 % และทำราคา หุ้น RS พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า RS จะบอกว่าทำการปรับตัวหันไปทำธุรกิจ Commerce เต็มตัวแต่เฮียฮ้อ ผู้บริหาร RS ก็ยังคงมีแนวคิดว่า “ธุรกิจเพลงไม่มีวันตาย” แม้ว่าจะมีสัดส่วนรายได้อยู่แค่ 35% ซึ่งแบ่งออกเป็นธุรกิจเพลง 5 - 7% ธุรกิจวิทยุ 10% และธุรกิจทีวี (ช่อง 8) อีก 20% แต่อาร์เอส ก็ไม่เคยคิดที่จะทิ้งธุรกิจเพลงเพราะธุรกิจตัวนี้นั้นสามารถสร้างรายได้ให้ RS ปีละกว่า 300 ล้านบาท ดังนั้นจึงเป็นความพยายามของ RS อีกครั้งในการมองหา Business Model ครั้งนี้ อาร์เอสจะยังมีทีเด็ดอะไรที่จะมาสร้างความแปลกใหม่ให้กับธุรกิจบันเทิงอีกบ้างและจะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับกลยุทธ์ Entertainmerce หรือไม่ ก็คงต้องจับตาดูกันต่อไป

รู้จักผู้บริหาร RS เพิ่มเติม ได้ที่นี่
https://www.rs.co.th/th/เปิดตัว-ทีมผู้บริหาร-rs-ให/อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ entertainmerce ได้ที่นี่
https://www.rs.co.th/th/เฮียฮ้อ-ยืนยัน-entertainmerce-แข็งแ/อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติ rs ได้ที่นี่
https://www.rs.co.th/th/เปิดประวัติ-rs-group-เส้นทางแห่/